ตอนที่ 1385: การต่อสู้ในอุโมงค์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1385: การต่อสู้ในอุโมงค์

ในเวลาเดียวกันเสี่ยวหลิงก็หยุดการฆ่าและเข้ามาถึงด้านหน้าเจี้ยนเฉินในพริบตา นางจ้องมองเข้าไปในอุโมงค์ลึกอย่างตื่นตระหนก นางกอดแขนของเจี้ยนเฉินอย่างประหม่า นางพูดด้วยความกลัวว่า “โอ้ไม่ พี่ใหญ่ เจ้าตัวร้ายนั่นกำลังมาเช่นกัน” เสี่ยวหลิงกลับไปเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณราชันย์ ขณะที่ผนึกยังไม่ถูกแตะต้อง พลังของเขาทำให้วิญญาณของเสี่ยวหลิงตกใจ มันทิ้งเงาไว้ในใจของนาง มันเป็นสิ่งที่นางไม่สามารถเอาชนะได้และตอนนี้นางกำลังจะเผชิญหน้ากับเจ้าของเงา เสี่ยวหลิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนา

“เสี่ยวหลิง ไม่ต้องกลัว ! ข้าอยู่ที่นี่” เจี้ยนเฉินปลอบโยน แต่เขาไม่รู้สึกมั่นใจ เขาไม่เคยเห็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังมาก่อน มันทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะได้รับชัยชนะ

เสี่ยวหลิงพยักหน้าอย่างหนักแน่นและส่งเสียงตอบเบา ๆ อย่างไรก็ตามนางก็รัดแขนเจี้ยนเฉินไว้แน่น เห็นได้ชัดว่านางเป็นกังวลอย่างมากภายใน

เซียนจักรพรรดิจากต่างโลกได้ยินเสียงทุ้มของกระบี่จากอุโมงค์ลึกเช่นกันและพวกเขาก็ตื่นเต้นทันที พวกเขาเข้าใจถึงพลังของจิตวิญญาณราชันย์เป็นอย่างดี แน่นอนว่าเขาคือจิตวิญญาณราชันย์ที่ทรงพลังที่สุดในโลกที่พวกเขาเคยเห็นมา

ตำนานเกี่ยวกับจิตวิญญาณราชันย์ปัจจุบันแพร่กระจายไปทั่วโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เขากลายเป็นเรื่องเล่าในโลกปัจจุบันเพราะเขาสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามจิตวิญญาณราชันย์ระดับแลกเปลี่ยนขั้นกลาง ด้วยการโจมตีภายใน 10 กระบวนท่า เขาได้สร้างตำนานอันรุ่งโรจน์ของตัวเองขึ้นมา

หลังจากนั้นจิตวิญญาณราชันย์ทั้งสองก็ต่อสู้กับเขาเป็นเวลา 2 ชั่วยามทั้งจอมยุทธระดับแลกเปลี่ยนขั้นกลางและขั้นปลาย ในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งสองถูกจิตวิญญาณราชันย์คนปัจจุบันสังหาร สร้างเรื่องราวที่ให้เขาอยู่ยงคงกระพันซึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลก จารึกชื่อของเขาไว้ในประวัติศาสตร์

แม้ว่าจิตวิญญาณราชันย์จะส่งเพียงกระบี่ของเขามาเท่านั้นในครั้งนี้ และทวีปเทียนหยวนก็มีจอมยุทธ์ขอบเขตดั้งเดิมสองหรือสามคน แต่เซียนจักรพรรดิต่างแดนก็ยังเชื่อว่าพวกเขาไม่อาจเอาชนะกระบี่ของจิตวิญญาณราชันย์ได้ หลังจากนั้นกระบี่ของจิตวิญญาณราชันย์ก็ถูกย้อมด้วยเลือดของจอมยุทธระดับแลกเปลี่ยนทั้งสาม

เสี่ยวจินจ้องไปที่อุโมงค์ลึกเช่นกัน เขาบุ้ยปากในขณะที่เขาสังเกตอย่างสงสัย

“เสี่ยวจินอยู่ข้างหลังและปกป้องพวกเขา เจ้าต้องคอยปกป้องพวกเขา” เจี้ยนเฉินพูดกับเสี่ยวจินด้วยทักษะการสื่อสาร เขาเป็นห่วงเจียงหยางซูเซียวและคนอื่น ๆ ดังนั้นเขาจึงให้เสี่ยวจินไปคอยคุ้มกันพวกเขา อย่างไรก็ตามเขาก็มีเสี่ยวจินที่สามารถปกป้องพวกเขาได้ พร้อมไปกับเฮาหวู่, หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์, ผู้อาวุโสหลายคนจากเมืองทหารรับจ้างและยังมีจอมยุทธ์ที่เป็นเพื่อนของเขา

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็เหลียวมองไปในทิศทางของเถี่ยต้าก่อนที่จะดึงเสี่ยวหลิงให้เข้าไปในอุโมงค์พร้อมกับเขา

กระแสพลังงานพุ่งออกมาจากอุโมงค์ใต้พื้นดินขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งคราว พลังงานมีประสิทธิภาพสูงมากพอที่จะฆ่าเซียนราชาได้ในทันที แม้แต่เซียนจักรพรรดิก็อาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหากพวกเขาไม่ระวัง

เจี้ยนเฉินและเสี่ยวหลิงมุ่งหน้าไปยังอีกฟากหนึ่งของอุโมงค์ ทันทีที่กระแสพลังงานพุ่งเข้ามา เสี่ยวหลิงก็หยุดมันด้วยคลื่นฝ่ามือโดยไม่ต้องให้เจี้ยนเฉินช่วยอะไรเลย กระแสพลังงานเป็นอันตรายต่อเซียนราชา แต่มันไม่ได้มีภัยคุกคามต่อเสี่ยวหลิง

อุโมงค์นั้นไม่มั่นคงมาก มิติในนั้นแปรปรวนบิดเบือนสภาพแวดล้อม มันดูปั่นป่วนและเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นอีกด้านหนึ่ง

อย่างไรก็ตามกระบี่โลหะสีดำที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนก็ล่องลอยผ่านอุโมงค์ กระบี่มีพลังมหาศาล แม้ว่าแสงของมันจะถูกซ่อนไว้เพื่อพยายามที่จะให้ดูเหมือนกระบี่ทั่วไป แต่มิติก็จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อมันผ่านไป มิติจะเหลือเพียงความว่างเปล่า สลับกันระหว่างความปั่นป่วนและความมืด

เจี้ยนเฉินยืนอยู่หน้าอุโมงค์พร้อมกับกระบี่จือหยิง เขาจ้องมองกระบี่ที่แทบจะมองไม่เห็นในอุโมงค์ก่อนที่จะระเบิดปราณกระบี่ออกมา ปราณกระบี่มีอำนาจมากจนสามารถระงับกระแสพลังงานที่วุ่นวายในอุโมงค์ได้ชั่วคราว ต่อจากนั้นปราณกระบี่ก็ก็พุ่งขึ้นไปในอากาศด้านบนในรูปแบบที่มองเห็นได้สะท้อนให้เห็นรูปกระบี่

ดูเหมือนเจี้ยนเฉินจะกลายเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ เขาเปล่งประกายด้วยแสงสีขาวที่ส่องประกาย กระบี่ปล่อยแสงอันไร้ขีดจำกัดออกมารอบ ๆ เขาพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางกระบี่ให้มากที่สุด

ด้วยพลังของกระบี่จือหยิง เขาจึงยิงปราณกระบี่ยาว 30 เมตรเข้าไปในอุโมงค์ทันที มันกะพริบด้วยแสงสีม่วง ซึ่งส่องแสงประกายระบิยระยับยิงไปที่กระบี่โลหะในอุโมงค์

อุโมงค์ในมิติสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทันทีที่กระบี่จือหยิงเข้ามา มิติที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

เจี้ยนเฉินสามารถบอกได้ทันทีว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับมิติที่จะทนต่อพลังงานจากเซียนจักรพรรดิ กระบี่สีดำอาจจะเกินขีดจำกัดของอุโมงค์อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ามันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อที่จะปราบปรามพลังของมัน แต่มันก็ยังคงเดินหน้าต่ออย่างยากลำบากผ่านอุโมงค์ ทันทีที่อุโมงค์ทรุดตัวลง ผลลัพธ์จะไม่มีใครคาดคิดได้ สิ่งที่เขาต้องทำคือบังคับให้กระบี่ดำย้อนกลับก่อนที่มันจะมาถึงทวีปเทียนหยวนหรือทำลายอุโมงค์

กระบี่สีดำได้ค้นพบอันตรายเบื้องหน้า มันสั่นเล็กน้อย ไม่นานมันก็ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนลึก เสียงนั้นปะทะกับกระบี่ของเจี้ยนเฉินเหมือนคลื่นเสียง แม้ว่ามันจะไม่สามารถหยุดปราณกระบี่ได้ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ปราณกระบี่อ่อนลงเล็กน้อย

จากนั้นกระบี่เหล็กก็ส่องแสงมืดสลัวก่อนที่จะเพิ่มความเร็วในทันที

ปัง !

กระบี่เหล็กยังคงซ่อนพลังแห่งการมีอยู่ของมันไว้ มันชนกับปราณกระบี่สีม่วงโดยใช้ความเหนียวของใบมีดเพื่อป้องกัน

เนื่องจากอุโมงค์ไม่มั่นคง ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินจึงทำให้อุโมงค์ถล่มและเริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ กระบี่เหล็กสีดำไม่สามารถปะทุพลังออกมาได้เพราะพลังของมันจะเร่งการถล่มให้เร็วขึ้น

พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวจากการปะทะกันระหว่างกระบี่สีดำและปราณกระบี่ทำให้อุโมงค์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น พื้นที่บางส่วนทรุดตัวลงและดูเหมือนว่าอุโมงค์กำลังจะล่มสลาย

กระบี่เหล็กหยุดชั่วคราวก่อนที่จะเดินหน้าต่อ มันออกจากพื้นที่ที่ไม่เสถียรที่สุดก่อนที่จะเปล่งประกายมืดสลัว มันเคลื่อนที่เร็วขึ้นราวกับว่ามันต้องการออกจากอุโมงค์โดยเร็วที่สุด

ดวงตาของเจี้ยนเฉินส่องประกายด้วยแสงสว่าง เขาปล่อยมือที่จับกระบี่จือหยิงและเริ่มควบคุมมันด้วยจิตวิญญาณของเขา จากนั้นกระบี่จือหยิงก็พุ่งเข้าไปในอุโมงค์ทันทีในขณะที่แสงสีม่วงส่องเข้ามาต่อสู้กับกระบี่เหล็ก

ไม่มีใครควบคุมกระบี่เหล็กได้โดยตรง แต่มันมีเศษเสี้ยววิญญาณของจิตวิญญาณราชันย์ มันสามารถใช้ประสบการณ์ที่สะสมและทักษะการต่อสู้ทั้งหมดของจิตวิญญาณราชันย์ ในขณะที่ต่อสู้กับกระบี่จือหยิงภายในอุโมงค์ เสียงปะทะกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อพลังงานที่น่ากลัวปล่อยหายนะอย่างน่าสยดสยองในอุโมงค์ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ผนังของอุโมงค์แตกและบางส่วนก็ถล่มลงมา ความเสียหายรุนแรงยิ่งกว่าเดิม