ตอนที่ 2461 เจ้าไม่ควรมา

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“สายเต๋ายี่ เวลานี้ตัวเจ้าเองก็เป็นคนรุ่นเดียวกับเราแล้ว สายตาของเจ้ามันน่าจะกว้างไกลกว่านี้ เจ้านั้นหลอมโอสถให้แก่พวกเราทั้งหลายมันก็เพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ การที่เรามาจัดการทำลายเหล่าคนทรยศลงนี้มันก็เพื่อเผ่าพันธุ์เท่านั้น ข้ารู้ว่าเจ้านั้นสนิทสนมกับเย่หยวนแค่ไหนแต่พรสวรรค์ของมันเป็นอย่างไรเจ้าคงไม่ต้องให้ข้ามาบอกเล่า มันนั้นเป็นภัยร้ายแรง เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำเช่นนี้!”

เต๋าบรรพกาลไฟเวิงเซียนนั้นวางสีหน้าท่าทางหนักแน่นกล่าวคำพูดเพื่อหว่านล้อมมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล

สีหน้าท่าทางของเขานี้มันเหมือนคนที่กำลังทำเรื่องเพื่อคนส่วนรวมอยู่จริงๆ

“กว้างไกลกับพ่อเจ้าเถอะ พ่อเจ้านี้จะไม่ฟังคำพูดปากเหม็นๆ ของพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว! เย่หยวนนั้นจะทรยศเผ่าพันธุ์? เหอะๆ ต่อให้หมาเฒ่าทั้งหลายอย่างพวกเจ้ามันจะตายตกลงไปสิ้นและเหลือเพียงแค่ตัวเขาคอยปกป้องมหาพิภพถงเทียนนี้ตัวเย่หยวนก็จะไม่มีทางทรยศเผ่าพันธุ์ใดๆ! ก็ดี! ตั้งแต่บรรพกาลผู้นี้บรรลุเต๋าขึ้นมาข้ายังไม่เคยได้ประมือกับคนรุ่นเดียวกันมาก่อน วันนี้ข้าจะขอดูหน่อยว่าเต๋าบรรพกาลมันเก่งกาจสักเพียงใด!”

ยี่หัวเราะลั่นก่อนจะปล่อยคลื่นพลังหนักหน่วงฟ้าดินออกมาพุ่งทะยาน

ตูม!

หมัดเดียวของเขานั้นมันทำให้ฟ้าดินต้องสั่นสะเทือน

ยอดฝีมือพลังกฎสองคนจึงได้เริ่มปะทะกันขึ้น!

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นโจมตีด้วยอารมณ์สุดแสนคับแค้นใจจึงมีพลังหนักหน่วงอย่างไร้เทียบ

เส้นเสียแต่ว่าพื้นฐานวิชาการต่อสู้ของเขามันย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงกับเต๋าบรรพกาลไฟได้

รอบๆ กายเต๋าบรรพกาลไฟนั้นมันเกิดกงล้อไฟขนาดใหญ่ที่เผาไหม้ได้แม้แต่ห้วงมิติ

แต่ละกระบวนท่านั้นมันแฝงมาด้วยคลื่นพลังที่ไม่อาจอธิบายบรรยายได้

พริบตาเดียวนั้นเขาก็สามารถกกดดันมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ทุกด้าน

เมื่อได้เห็นเช่นนั้นมุมปากของหลินฮวนก็เผยอยิ้มขึ้นก่อนจะหันไปบอกว่านเจิ้น “เจ้าคิดว่าตัวเองจะรอดไปได้? เปล่าประโยชน์! ไม่มีใครในโลกหล้านี้ที่จะช่วยเจ้าไปจากเทือกเขากำเนิดตรัสรู้!”

หลังจากที่พูดจบเขาก็ยกมีดหายนะเลาะกระดูกออกมาแทงลงร่างของว่านเจิ้นไปอีกครั้ง

แต่ในเวลานั้นเองที่มันกลับเกิดความแปลกประหลาดขึ้น!

เพราะวินาทีเดียวกันนั้นมันกลับมีดาบแสงพุ่งออกมาจากช่องว่างห้วงมิติ

มันเป็นดาบที่รวดเร็วและแสนเฉียบคมโดยมีเป้าหมายตรงมายังตัวหลินฮวน

ฟุบ!

หลินฮวนนั้นไม่ทันจะได้ตั้งรับใดๆ ถูกดาบแสงนั้นแทงทะลุตัวไปอย่างรวดเร็ว

พร้อมๆ กันนั้นคลื่นพลังจากดาบมันก็ส่งร่างของหลินฮวนเข้าไปตรึงอยู่บนหินไม่ไกลจากจุดที่เขายืน

หลินฮวนต้องเบิกตากว้างมองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

เลือดนั้นไหลลงจากปากพร้อมร่างที่ที่พยายามดิ้นหลบหนีจากการตรึง

คนทั้งหลายได้แต่ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นถึงดาบแสงนี้

มันรวดเร็วจนเกินไป!

เร็วจนไม่มีใครทำอะไรได้ทัน!

แม้แต่ตัวหลินฮวน เจ้าฟ้าดินห้าทลายคนนี้เองก็ยังไม่อาจจะตั้งรับใดๆ ได้ทัน

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือดาบนี้มันพุ่งผ่านห้วงมิติเข้ามาด้วยความเร็วที่เกินกว่าจะเชื่อได้

ก่อนที่หลินฮวนจะทันรู้ตัวดาบนั้นมันก็ปักลงบนร่างของตนเองเสียแล้ว

ถึงเวลานั้นไม่ว่าตัวเขาจะรวดเร็วปานใดมันก็ไม่อาจจะหลบรอดจากดาบนี้ได้อีกต่อไป

คนที่ตาดีหน่อยย่อมจะเข้าใจได้ทันทีว่าดาบนี้มันคือวิชาใด “ด-ดาบแห่งมิติเวลา! นี่มันคือดาบแห่งมิติเวลาของเย่หยวน! นักบุญฟ้าครามมาแล้ว!”

และเสียงของคนผู้นั้นยังกล่าวไม่ทันจบมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมาหยุดลงด้านหน้าว่านเจิ้น

จะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวน?

เมื่อเย่หยวนปรากฏตัวขึ้นมาคนทั้งหลายต่างก็ต้องโห่ร้องขึ้นตามๆ กัน

“เขา… เขามาจริง!”

“เขานั้นกลับยังกล้าจะมา!”

“เดี๋ยวนะ! ทำไมเขาจึงแข็งแกร่งได้ปานนี้?”

“ใช่แล้ว! ก่อนนั้นพลังของเขามันแค่พอจะทำร้ายหลินฮวนได้บ้าง แต่เวลานี้มันกลับจัดการหลินฮวนลงด้วยดาบเดียว!”

ยอดฝีมือมากมายที่มาดูเรื่องราวต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นตามๆ กัน

วินาทีแรกพวกเขานั้นตื่นตะลึงในความกล้าหาญของเย่หยวนแต่ไม่นานพวกเขาก็ได้พบว่ามันมีอะไรผิดปกติ

เพราะเย่หยวนนั้นเคยได้ใช้กระบวนท่าวิชาเดียวกันนี้ออกมาใส่หลินฮวน

แต่ในเวลานั้นมันแค่พอทำให้หลินฮวนบาดเจ็บได้

แต่เวลานี้มันผ่านไปแค่กี่ปี? เย่หยวนนั้นกลับตอกตรึงเจ้าฟ้าดินห้าทลายอย่างหลินฮวนไว้กับหินด้วยดาบเดียว!

ดูสภาพของหลินฮวนเวลานี้แล้วมันชัดเจนว่าเขานั้นบาดเจ็บอย่างสาหัสคงไม่มีแรงพอที่จะไปต่อสู้กับใครอีก

การพัฒนานี้มันจะรวดเร็วเกินไปหรือไม่?

เวลานี้สิ่งที่ว่านเจิ้นนั้นกลัวมันก็เกิดขึ้นจนได้

เรื่องนี้จะให้เย่หยวนรู้ไม่ได้ เพราะหากเขารู้แล้วตัวเย่หยวนย่อมจะไม่มีทางอยู่เฉย!

“ผางเจิ้น! เจ้า… ทำไมเจ้าต้องไปรายงานนายท่านด้วย!” ว่านเจิ้นหันไปหาผางเจิ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล

ผางเจิ้นจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ แต่เป็นตัวเย่หยวนที่กล่าวขึ้นแทน “พี่น้องอยู่ในยามคับคัน มีหรือที่ข้าจะปล่อยให้เจ้าต้องตายไปได้?”

ว่านเจิ้นได้แต่ถอนใจยาวกล่าวขึ้น “นายท่าน ท่าน… ท่านไม่ควรมาเลย!”

เย่หยวนนั้นไม่ได้กล่าวใดๆ ออกมาเขาทำเพียงแค่ยื่นมือมาประทับลงบนร่างของว่านเจิ้น

ปราณเทวะหนักหน่วงสายหนึ่งมันพุ่งเข้าร่างของว่านเจิ้นอย่างบ้าคลั่ง

มีดหายนะเลาะกระดูกนั้นค่อยๆ สั่นสะเทือนเมื่อถูกพลังนี้เข้าจนสุดท้ายต้องหลุดออกมาลอยอยู่กลางอากาศใต้การควบคุมของเย่หยวน

เย่หยวนยกนิ้วขึ้นมาชี้ส่งมีดหายนะเลาะกระดูกเล่มหนึ่งเข้าปักลงกลางใจหลินฮวน

“อ่า!”

หลินฮวนนั้นร้องขึ้นอย่างสุดเสียง

เพียงแค่ว่าร่างของเขานั้นมันถูกตรึงไว้กับหิน มีหรือที่จะยังขยับหนีได้?

เวลานี้ยิ่งพยายามขยับมากเท่าใด เขาก็ยิ่งจะเจ็บปวดเท่านั้น

แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมาและหันไปกล่าวกับว่านเจิ้นต่อ “เจ้าก็รู้ดีว่าข้านั้นไม่มีทางไม่มาได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นต่อให้ผางเจิ้นมันจะไม่มาบอกสุดท้ายข้าก็คงรู้ในไม่ช้าอยู่ดี พวกมันนั้นวางแผนการใหญ่โตเช่นนี้ก็เพราะอยากให้ข้ารู้มิใช่หรือ?”

พูดไปนิ้วของเขาก็ขยับขึ้นอีกครั้ง

มีดหายนะเลาะกระดูกอีกเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างของหลินฮวน

“อ่า! จ-เจ็บเจียนตายแล้ว! ข้า… ข้าจะตายแล้ว! ย-เย่หยวน ข-ขอร้องเถอะ ปล่อยข้าไปด้วย!”

หลินฮวนนั้นไม่มีความกล้าหาญและอดทนเหมือนว่านเจิ้น เพียงแค่มีดสองเล่มนี้มันก็มากพอจะทำให้เขาแทบสิ้นสติได้

ความเจ็บปวดที่ร้าวเข้าไปถึงกระดูกดำนั้นมันมากพอจะทำให้เขาอยากฆ่าตัวตาย

เขานั้นไม่สนใจเรื่องราวใดๆ อีกแล้ว เพียงแค่อยากจะก้มกราบเย่หยวนขอความเมตตา

เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่คิดสนใจใดๆ และยกนิ้วขึ้นมาชี้อีกครั้ง

อีกหนึ่งมีด!

หลินฮวนนั้นรู้สึกราวกับว่ามันมีมดร้ายนับหมื่นๆ พันๆ มากัดกินร่างกายของเขาทั้งภายในภายนอก

ความเจ็บปวดนั้นมันแสนสาหัสจนทำให้คนแทบลืมเรื่องการขอร้องชีวิต สิ่งเดียวที่พวกเขาหวังนั้นจะกลายเป็นความตาย

เขานั้นย่อมรู้ดีว่ามีดหายนะเลาะกระดูกนั้นทรงพลัง แต่ก็ไม่นึกฝันว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดได้มากมายปานนี้

เมื่อเหล่ายอดคนที่มาดูเรื่องราวได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างย่อมจะสูดหายใจเข้าลึกด้วยความหวาดเสียว

พวกเขานั้นได้เห็นความเย็นเยือกของเย่หยวนกับตาแล้ว

สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันทำให้คนต้องสั่นสะท้านทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่หนาวเย็นใดๆ

ใครที่มาทำร้ายสหายของเขานั้น เขาย่อมจะคืนความเจ็บปวดให้เป็นเท่าตัว

ที่สำคัญไปกว่านั้นตัวเย่หยวนเป็นจอมเทพโอสถ มีดของเขามันย่อมจะเล็งลงที่จุดต่างๆ บนร่างอย่างแม่นยำกว่าหลินฮวนมากมาย

เขานั้นรู้วิธีจะทรมานคน!

เย่หยวนช่วยปล่อยตัวว่านเจิ้นออกมาก่อนจะส่งให้ผางเจิ้นไปประคองดูแลและมอบโอสถให้ไป “เอาให้เขากิน เจ้าดูแลเขาต่อด้วย”

พูดไปตัวเขาก็หันหน้าไปหามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก่อนจะร้องบอก “เลิกสู้ได้แล้ว ลงมาช่วยคนหน่อย”

เมื่อมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ยินเช่นนั้นตัวเขาก็ถอนตัวลงมาทันที

เต๋าบรรพกาลไฟเองก็ย่อมจะไม่คิดไล่ตามใดๆ เพราะเป้าหมายของพวกเขานั้นคือเย่หยวนตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นไม่ได้สำคัญใดๆ

เมื่อเย่หยวนมาแล้วเขาก็ย่อมจะไม่ต้องต่อสู้ใดๆ กับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลอีก

เมื่อมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลลงมาถึงเขาก็ร้องว่าเย่หยวนด้วยใบหน้าเหยเกทันที “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมเจ้าถึงมาเล่า? เจ้าไม่รู้หรือว่าแผนการของมันนี้ก็เพื่อจะให้เจ้ามาเช่นนี้?”

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้ารู้ แต่ท่านก็รู้ว่าข้าไม่อาจจะปล่อยให้คนทั้งหลายนี้ตายลงเปล่าๆ ได้!”

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลขมวดคิ้วแน่น “แต่เจ้าก็รู้ว่าเมื่อมาแล้วพวกมันจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไป มันจะต้องใช้คนทั้งหลายนั้นมาข่มขู่เจ้าเป็นแน่แล้ว!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกมันไม่ทำหรอก!”

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นไม่อาจจะเข้าใจได้ว่าความมั่นใจของเย่หยวนนั้นมันเกิดขึ้นมาจากที่ใด

“อ้าก!”

ระหว่างที่คุยกันไปนั้นเย่หยวนก็ยังส่งมีดไปปักลงบนร่างของหลินฮวน