ตอนที่ 2464 สะท้านมหาพิภพถงเทียน

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“นี่มันไม่ใช่แล้ว! ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ายิ่งได้เห็นมันยิ่งชัดเจนว่าสิ่งที่เหล่าเต๋าบรรพกาลทำนั้นมันเพื่อจะแย่งชิงความลับของเย่หยวนไปกัน?”

“เออ! ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น! เรื่องนี้มันจะน่าสงสัยเกินไปแล้ว!”

“มันย่อมจะไม่มีอะไรต้องปิดบัง! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของผู้คนทั้งหมดทั้งสิ้น! หากเย่หยวนนั้นทรยศเผ่าพันธุ์จริงแล้วทำไมถึงจะไม่พูดกันต่อหน้าผู้คนกันเล่า?”

เวลานี้ที่ด้านหน้าปากเทือกเขากำเนิดตรัสรู้นั้นมันมียอดฝีมือมากมายกำลังพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

ที่แห่งนี้มันมีเจ้าฟ้าดินสี่และห้าทลายมารวมตัวกันอยู่ไม่น้อย

เพราะนี่มันคือเรื่องราวระหว่างเต๋าบรรพกาลทั้งหลายและนักบุญฟ้าคราม เรื่องที่จะส่งผลต่อหลากเผ่าพันธุ์ในภาพรวมแน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะต้องหันมาสนใจ

เพราะอย่างไรเสียสงครามสิ้นโลกนั้นมันก็ยังไม่จบสิ้นลง

สิ่งที่ตามมาหลังจบเรื่องนี้มันจะเป็นสงครามที่หนักหนากว่าเก่า!

เมื่อเรื่องราวนี้มันเกิดปานปลายมาจนถึงเวลานี้คนทั้งหลายย่อมจะอยากเห็นจุดจบของมันให้ได้

แต่ใครจะไปคิดฝันว่าในวินาทีสุดท้ายนั้นเต๋าบรรพกาลกลับปิดประตูใส่หน้าคนทั้งหลายไม่ให้พวกเขาได้เห็นเรื่องราวอีก!

“พี่ใหญ่!”

“นายน้อย!”

“เย่หยวน!”

เมื่อพวกอิ้งหมัวหู่และลู่เอ๋อทั้งหลายได้เห็นเย่หยวนพวกเขาต่างก็ต้องทำหน้าเหยเกไปตามๆ กัน

เพราะพวกเขานั้นไม่อยากให้เย่หยวนมา แต่สุดท้ายเขาก็ยังมา

ฟุบ!

เงาสีชมพูร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาใส่อกของเย่หยวนพร้อมพยายามกอดรัดเขาไว้

เย่หยวนยกมือขึ้นมาลูบหัวหมูสมบัติก่อนจะหยิบเอาโอสถออกมาให้มันกิน

หมูสมบัติทำหน้าตาพอใจก่อนจะทิ้งตัวหลับลงตรงนั้นไป

แต่มันก็ช่างแปลกแม้จะด้วยพลังของเย่หยวนในเวลานี้ตัวเขาก็ยังไม่อาจจะมองทะลุอาณาจักรพลังเจ้าหมูน้อยตัวนี้ได้

“เย่หยวน เจ้าได้เจอคนของเจ้าแล้ว ทีนี้ได้เวลาจะมานั่งคุยกันหรือยัง?” หลินเฉาเถียนนั้นกล่าวขึ้น

เต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นปล่อยคลื่นพลังออกมาจับตัวพวกลู่เอ๋อทั้งหลายไว้

หากมันมีอะไรผิดปกติแล้ว พวกเขาทั้งหลายย่อมจะสังหารตัวประกันทันที

และนี่มันก็คือการเตือนเย่หยวนไปด้วย

การจะสังหารเขานั้นมันยากแต่การสังหารพวกลู่เอ๋อทั้งหลายนั้นมันไม่ได้ยากเย็นเลย!

แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบกลับไป “พูดเรื่องอะไรเล่า?”

หลินเฉาเถียนกล่าวขึ้น “เรื่องของ… ความลับที่เจ้ามี!”

เย่หยวนที่ได้ยินต้องหัวเราะลั่นขึ้นมา “กว่าจะเปิดเผยหน้าตาที่แท้จริงออกมาได้นะ? หลินเฉาเถียน คนอย่างเจ้านี้มันทำเอาข้าจะอ้วกเสียให้ได้จริงๆ!”

เต๋าบรรพกาลไฟนั้นหัวเราะขึ้น “เลิกพูดจาไร้สาระเสียที! เย่หยวน ส่งความลับใดๆ ของเจ้านั้นออกมา! ไม่เช่นนั้นพวกมันจะต้องตายสิ้น!”

เย่หยวนนั้นหันไปมองเต๋าบรรพกาลไฟด้วยสายตาสมเพชก่อนจะถอนใจยาว

เต๋าบรรพกาลไฟนั้นขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็น “ทำท่าทางเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร? เจ้าจะส่งมันมาหรือไม่?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าแค่สงสารพวกเจ้า! วางแผนการกันหนักหนาใหญ่โต สุดท้ายสิ่งที่พวกเจ้าได้ไปมันกลับไร้ประโยชน์ใดๆ สิ้น! หึๆ น่าสงสารเสียจริงๆ!”

เต๋าบรรพกาลน้ำกล่าวขึ้นสวน “มันจะมีประโยชน์หรือไม่นั้นเจ้าไม่ต้องมาคิดแทนพวกข้า! รีบๆ ส่งมันมาเถอะ ไม่เช่นนั้นหากพวกข้าหมดความอดทนเรื่องมันจะเกินแก้ไป”

เย่หยวนยกฝ่ามือขึ้นมาก่อนจะเผยให้เห็นถึงเขาลูกน้อยในมือ

พร้อมๆ กันนั้นมันก็ปรากฏคลื่นพลังยอดเต๋าพุ่งทะยานออก!

สีหน้าของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังนี้

เพราะคลื่นพลังนี้มันเหมือนสายน้ำที่หนักแน่นจบทั้งเทือกเขากำเนิดตรัสรู้ลงไปทันที

แต่มันยังไม่จบแค่นั้น คลื่นพลังสายนี้มันยังคงไหลแผ่กว้างออกไปเรื่อยๆ

คนที่อยู่ด้านนอกทางเข้าเทือกเขานั้นต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน!

“นี่มันอะไรกัน? คลื่นพลังยอดเต๋าที่สุดแสนรุนแรงเช่นนี้! ทำไมข้าจึงรู้สึกเหมือนเขาแห่งถงเทียนมันย้ายมาอยู่ที่เทือกเขากำเนิดตรัสรู้นี้กัน?”

“มันมาจากทิศของโถงใหญ่! นี่มันหรือว่าความลับของเย่หยวนที่ว่ากันนั้น?”

“ฮ่าๆๆ… น่าขันเสียจริง! ทรยศเผ่าพันธุ์ห่าเหวใด! เพื่อความถูกต้องห่าเหวใด! เต๋าบรรพกาลทั้งเก้ามันคิดว่าพวกเรานั้นโง่เง่ามาก! เป้าหมายที่แท้จริงของพวกมันสุดท้ายก็เป็นความลับที่เย่หยวนครอบครองอยู่จริง!”

“หน้าไม่อาย! ชั่วร้ายถึงกระดูก! คนเรานั้นสามารถทำตัวหน้าไม่อายได้ปานนี้?”

เสียงของคนทั้งหลายต่างร่ำร้องขึ้นมาตามๆ กัน

คลื่นพลังยอดเต๋าในระดับนี้มีหรือที่คนทั้งหลายจะยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาย่อมเข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องที่ผ่านๆ มามันก็แค่คำโกหก!

เก้าเต๋าบรรพกาลหมายหัวเย่หยวนเพราะเรื่องนี้!

ทุกสิ่งอย่างมันชัดเจนแก่ตา!

เย่หยวนนั้นไม่ได้ทรยศหักหลังเผ่าพันธุ์ใดๆ เรื่องต่างๆ นั้นมันเป็นแค่คำกล่าวหาของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าเท่านั้น!

มันไม่มีหลักฐานใดที่จะหนักแน่นไปกว่าภาพตรงหน้านี้แล้ว!

เพราะฉะนั้นหน้าปากทางเข้าเขานั้นมันจึงมีเสียงด่าว่าระงม

แต่เวลานี้เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นต่างอ้าปากค้างขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

พวกเขานั้นไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์ที่รุนแรงเช่นนี้มานานแค่ไหนแล้วกัน?

“ไม่ดีแล้ว!” หลินเฉาเถียนนั้นเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้และกล่าวออกมา

คลื่นพลังยอดเต๋าระดับนี้เมื่อมันแผ่ออกไปแล้วคนทั้งมหาพิภพถงเทียนคงได้รู้เรื่องแน่

เช่นนั้นแผนการใดๆ ของพวกเขามันก็จะกลายเป็นแค่เรื่องตลก!

ก่อนหน้านี้เย่หยวนเองก็ได้พยายามบอกให้คนทั้งหลายได้ยินได้ฟังเกิดเป็นความสงสัยมาก่อนแล้ว

เวลานี้เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังสายนี้ มีหรือที่พวกเขาจะยังลังเลไม่เชื่ออีก?

แน่นอนว่าเวลานี้มันได้มีเสียงด่าร้องขึ้นมาจากด้านนอกไม่ขาดสาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเจ้าฟ้าดินสี่และห้าทลายที่ร้องด่าออกมาด้วยปราณเทวะจนเสียงนั้นมันดังก้องไปทั้งเทือกเขาทีเดียว

หน้าไม่อาย มารร้าย เห็นแก่ตัว ชาติหมาและคำด่าอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่อาจจะหาฟังที่ไหนได้อีกมันดังสะท้อนไปทั่วทั้งเทือกเขากำเนิดตรัสรู้

หลินเฉาเถียนนั้นหรี่ตาลงมองเย่หยวนก่อนจะร้องด่า “เจ้าจงใจ!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ใช่ ข้าจงใจทำ! ทำไมเล่า? กลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าตนเองทำอะไรไว้? ตัวเองเป็นโสเภณีแท้ๆ แต่กลับจะบอกผู้คนว่าเป็นสาวบริสุทธิ์หรืออย่างไร?”

แน่นอนว่าตัวเย่หยวนย่อมจะเป็นคนปล่อยคลื่นพลังยอดเต๋านั้นออกไป

เพราะตัวเขานั้นหลอมเขาน้อยแห่งถงเทียนมาจนถึงระดับที่สามารถควบคุมได้สมบูรณ์แบบ

หากเขาไม่อยากจะปล่อยคลื่นพลังใดๆ ออกไป มันย่อมจะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สัมผัสถึง

แต่หากเขาคิดอยากจงใจปล่อยคลื่นพลังออกไปแล้วมันย่อมจะไหลทะลักจนทำให้คนทั้งหลายได้รู้เห็นแผนการของเต๋าบรรพกาลทั้งหลายนี้!

หลินเฉาเถียนนั้นหรี่ตาลงกล่าว “หึ! รู้แล้วจะทำไม? บรรพกาลผู้นี้คือจุดสูงสุดของมหาพิภพถงเทียน หลังจากได้สมบัตินี้มาแล้วข้ายังต้องเกรงกลัวอะไรอีก?”

เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไปก่อนจะโยนเขาน้อยแห่งถงเทียนลงหน้าหลินเฉาเถียน “หากเจ้าชอบใจมันนักก็เอามันไปเถอะ เราจะไปได้หรือยัง?”

เต๋าบรรพกาลคนอื่นๆ นั้นแทบลืมหายใจรอจังหวะที่เขาน้อยแห่งถงเทียนนั้นหลุดออกมาจากมือเย่หยวนมานาน

เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนโยนเขาน้อยแห่งถงเทียนออกมาพวกเขาก็พุ่งตัวออกมาทันที!

แต่หลินเฉาเถียนนั้นยังนั่งนิ่ง!

“พวกเจ้าหยุดมือเดี๋ยวนี้! โง่เสียสติกันไปหมดแล้วหรือ? เด็กคนนี้มันคิดจะให้พวกเราสู้กันจนตายไปเหลือรอดแค่คนเดียวมันจะได้เอาสมบัตินี้กลับไปได้! หึๆ ถึงเวลานั้นพวกเจ้าจะยังมีชีวิตมาแย่งชิงสมบัติและศึกษามันอีกหรือไม่?” หลินเฉาเทียนนั้นกล่าวขึ้นมาคืนสติให้คนทั้งหลายพร้อมยังคงใช้ปราณจับพวกลู่เอ๋อไว้มั่น

คำพูดของเขานั้นมันเหมือนสายฟ้าผ่าลงกลางหัวเต๋าบรรพกาลอีกแปดคน

เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายนั้นสะท้านไปทั้งใจ เกือบที่จะติดกับดักไปเสียแล้ว!

เย่หยวนนั้นมีรากฐานที่มั่นคงไปแล้ว ต่อให้ไม่มีตัวสมบัตินี้หลังจากได้มีเวลาบ่มเพาะอีกหน่อยแม้แต่เหล่าเต๋าบรรพกาลนั้นก็คงไม่อาจจะเทียบเคียงเขาได้

หลินเฉาเถียนนั้นปล่อยคลื่นพลังออกมาจับเขาน้อยแห่งถงเทียนและย้ายไปวางไว้ไกลจากเต๋าบรรพกาลทั้งเก้า

เท่านี้พวกเขาก็คงวางใจได้มากกว่าเก่า

“เจ้าเล่ห์นัก! เจ้าเด็กคนนี้มันต้องตาย!” เต๋าบรรพกาลไฟนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

“หึ! จะยังรออะไรเล่า? สมบัติก็ได้มาแล้ว สังหารมันให้จบๆ ปัญหาไปเสียสิ!” เต๋าบรรพกาลทำลายบ้างร้องกล่าวขึ้นเสริม

“สังหาร? จะสังหารอย่างไร? เจ้าสังหารมันได้ไหมเล่า?” หลินเฉาเถียนถามขึ้นด้วยความปวดหัว

ปัญหาที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มันต้องรับมืออย่างระมัดระวัง!