บทที่ 1372 การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,372 การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ

กาลเวลาผ่านไป

ในที่สุดก็ถึงการแข่งรอบชิงชนะเลิศ

นี่คือกิจกรรมที่ไม่ว่าจะผ่านไปเนิ่นนานกี่ร้อยปี ก็ยังได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วเมืองเยี่ยเฉิงอยู่เสมอ

โดยเฉพาะในปีนี้ เกิดการปล่อยข่าวลือว่าบรรดาใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าจะมาร่วมรับชมการแข่งขันด้วยเช่นกัน

และผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศก็คือหลินเป่ยเฉินกับพานตั่วชิง ทุกคนทราบดีว่าสองหนุ่มได้รับการหนุนหลังจากใต้เท้าใหญ่แห่งสภาเทพเจ้าสองท่าน ผู้คนจึงอยากรับชมว่าการต่อสู้นั้นจะดุเดือดมากเพียงใด

มีการติดตั้งม่านพลังถ่ายทอดสดขนาดใหญ่ยักษ์ทั่วเมืองเยี่ยเฉิง

บ่อนพนันจำนวนมากเปิดรับแทงพนันอย่างคึกคัก

ไม่ว่าเป็นพลเมืองหรือเทพเจ้า ต่างก็ตื่นเต้นไปกับการแข่งขันครั้งนี้

ณ คฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู

อีกหนึ่งก้านธูปการแข่งขันจะเริ่มขึ้นแล้ว ชิงเล่ยได้จัดเตรียมสุราอาหารไว้ล่วงหน้า เพราะทราบดีว่ากลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าต้องมารวมตัวกันที่นี่แน่นอน…

เจ้าอ้วนและเจ้ากิ้งก่ายักษ์ที่แต่งตัวราวกับแร็ปเปอร์ชื่อดังก็เดินทางมาที่นี่ด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกับฉู่เหินและไต้จือฉุน

ดังนั้น บรรยากาศหน้าคฤหาสน์จึงมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง

“นายท่าน พวกเราจะรอดูนายท่านระเบิดศีรษะของพานตั่วชิงให้กระจายนะขอรับ”

เฉียนหลงพูดด้วยความตื่นเต้น

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาทุ่มเทเวลาให้กับการเตรียมการเปิดสำนักโอสถเป่ยเฉินจนแทบไม่ได้หยุดพัก

และวันนี้ เฉียนหลงก็ตั้งใจที่จะมาอยู่ร่วมฉลองชัยชนะของนายท่าน หากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย นับจากวันพรุ่งนี้ไป สถานะของเฉียนหลงคนนี้ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

แทบทุกคนต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ด้วยเป้าหมายเดียวกัน

พวกของซือเกินตั๋งก็ไม่ลืมที่จะกล่าวให้กำลังใจแก่หลินเป่ยเฉิน

“กราบเรียนนายท่าน ข้าน้อยได้รับทราบข่าวจากวงในของเผ่าเทพอัคคีว่า ก่อนหน้านี้พานตั่วชิงได้ลอบนัดพบกับท่านเทพเจ้าพานเอิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเรา ดูเหมือนผู้อาวุโสพานเอินจะสร้างอาวุธลับให้แก่พานตั่วชิง นายท่านต้องระมัดระวังตัวด้วยนะขอรับ”

ลู่ปิงเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ตระกูลของเขาเป็นสมาชิกเผ่าเทพอัคคีระดับสูง ลู่ปิงเหวินจึงได้รับทราบข้อมูลวงในที่คนนอกไม่มีทางล่วงรู้เด็ดขาด

โชคร้ายที่เขารับทราบข้อมูลมาเพียงเท่านี้

ลู่ปิงเหวินไม่ทราบว่าอาวุธลับที่เทพเจ้าพานเอินสร้างนั้นคืออะไรกันแน่

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า ตอบรับว่า “ไม่มีปัญหา ข้าจะระมัดระวังตัว”

พานตั่วชิงได้รับการหนุนหลังจากใต้เท้าฉาง และเพื่อการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ แน่นอนว่าใต้เท้าฉางคงไม่อยู่นิ่งเฉย ต้องจัดเตรียมอาวุธวิเศษให้แก่พานตั่วชิงแน่นอน

หลินเป่ยเฉินค่อนข้างมั่นใจว่าอาวุธวิเศษที่เทพเจ้าพานเอินสร้างขึ้นมานั้นจะต้องเป็นไพ่เด็ดประจำตัวพานตั่วชิง

หลินเป่ยเฉินอยากรู้นักว่ามันคืออะไร

เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ในวันนี้คงเป็นไปด้วยความดุเดือดนัก

ในเวลาเดียวกันนี้

พานตั่วชิงเดินออกมาจากห้องลับอย่างแช่มช้าและสง่างาม

ประตูปิดลงตามหลัง

เทพเจ้าระดับสามัญสี่คนคุกเข่าลงข้างเดียวขณะถือถาดทองคำอยู่ในมือ

พวกเขากำลังรอคอยพานตั่วชิง

บนถาดทองคำจากซ้ายไปขวา วางไว้ด้วยชุดเกราะตะวันส่อง หอกแสงสนธยา โอสถหลอมรุ่งอรุณและโล่สุริยะ

เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นและโอสถวิเศษอีกหนึ่งชิ้น

นี่คือบรรดาของวิเศษที่ถูกจัดเตรียมโดยตระกูลพานของเขาเอง

“ลูกรัก จงคว้าเกียรติยศแห่งผู้ชนะกลับมาให้ได้”

พานสวีเฝ้ามองบุตรชายที่มีร่างกายสูงใหญ่มากกว่าตนเองด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะตบไหล่แผ่วเบาและกล่าวว่า “เมื่อเจ้ากลับมา เจ้าจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลของเราจะตกเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”

พานตั่วชิงไม่พูดคำใด

มุมปากยกตัวเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย

“รวมร่าง!”

สิ้นเสียงคำสั่งของชายหนุ่ม ชุดเกราะทองคำทั้งสิบหกชิ้นนั้นก็ลอยตัวขึ้นในอากาศและสวมใส่เข้ากับร่างกายของเขาโดยทันที

หอกทองคำก็ลอยมาอยู่ในมือ

โล่ทองคำสะพายอยู่บนแผ่นหลัง

เม็ดยาโอสถหลอมรุ่งอรุณแปรเปลี่ยนเป็นแร่หินสีแดงประทับติดอยู่กลางหว่างคิ้วของเขา

ประตูมิติสีดำปรากฏขึ้นในลานหน้าคฤหาสน์

พานตั่วชิงก้าวเดินเข้าสู่ประตูมิติด้วยฝีเท้าที่หนักแน่นมั่นคง

ณ หุบเหวโหยหวน สะพานหินโบราณ

บนสะพานมีน้ำแข็งเกาะตัวหนามากกว่าเคย

สายลมกระโชกแรง ความหนาวเหน็บแทบผนึกวิญญาณผู้คนให้แข็งตาย

ฝั่งตะวันตกของสะพาน ห่างจากรูปปั้นท่านมหาเทพประมาณห้าสิบวา ประตูมิติสีดำปรากฏขึ้นและหลินเป่ยเฉินก็ก้าวเดินออกมาอย่างแช่มช้า

ชุดเกราะสีดำทมิฬ ใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากสัตว์อสูรลวดลายเปลวไฟ

การแต่งกายยังคงเป็นเช่นเดิม

แต่ผู้คนจำนวนมากกลับรู้สึกไม่เหมือนเดิม

หลังจากที่หลินเป่ยเฉินสามารถถล่มค่ายอาคมของฉางจิ้งคงได้สำเร็จ และอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด เขาก็ไม่มีทางประมาทคู่ต่อสู้อีกแล้ว

แม้ว่าพานตั่วชิงจะไม่ใช่ผู้ชำนาญด้านการใช้ค่ายอาคม แต่ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าหมอนั่นจะไม่มีนักเวทระดับสูงคอยช่วยเหลือ

หลินเป่ยเฉินทอดสายตาจ้องมองไปยังอีกฝั่งหนึ่งของสะพานหินโบราณ แววตาของเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก

ฝั่งตะวันออกของสะพาน ห่างจากรูปปั้นท่านมหาเทพไปประมาณห้าสิบวา ประตูมิติสีดำได้ปรากฏขึ้น

หลังจากนั้น

ร่างกำยำที่ปกคลุมด้วยแสงสีทองคำก็เดินออกมาจากประตูมิติ

พานตั่วชิงก้าวเดินออกมาอย่างสง่างาม

ทันใดนั้น เขาเงยหน้าขึ้น

แม้ทั้งสองฝ่ายจะอยู่ห่างกันคนละฝั่งของสะพาน แต่พานตั่วชิงกับหลินเป่ยเฉินก็สบตามองกันด้วยความดุดัน มวลอากาศปั่นป่วน บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน

การแต่งกายของพานตั่วชิงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

เขาคาดผ้าคลุมสีขาว หัวไหล่ ช่วงท้องและช่วงขาสวมใส่เกราะทองคำ นี่คือชุดเกราะระดับสูงของเผ่าเทพตะวัน เช่นเดียวกับรองเท้าบู๊ททองคำคู่นั้น

“ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงแล้ว”

พานตั่วชิงถอนหายใจ ยิ้มมุมปาก จ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “เจ้าพร้อมที่จะรับความตายแล้วหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอตอบกลับไป

“เก่งแต่ปากมันไม่ได้ช่วยทำให้เจ้าชนะหรอกนะ”

เขายกมือกระดิกนิ้วเรียกพานตั่วชิง “เก่งจริงก็เข้ามา”

พานตั่วชิงก้าวเท้าเดินออกไปข้างหน้า

ตัวคนเปลี่ยนเป็นลำแสง

เพียงลมหายใจต่อมา พานตั่วชิงก็มาปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน

วูบ!

ได้ยินเสียงหมัดแหวกอากาศ

รวดเร็วเหลือเกิน

หลินเป่ยเฉินพลันหรี่ตาลง

ไม่ต่างไปจากแมวน้อยที่กำลังตื่นกลัว

กำปั้นของพานตั่วชิงกระแทกเข้าใส่แขนของหลินเป่ยเฉินด้วยความหนักหน่วง

พลั่ก!

ร่างของหลินเป่ยเฉินพลันลอยกระเด็นไปกระแทกกับรูปปั้นท่านมหาเทพที่อยู่ด้านหลัง

“ฮ่า ๆๆ…”

พานตั่วชิงระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ ก่อนจะเริ่มต้นรัวหมัดออกมาอีกครั้ง

หมัดทองคำของพานตั่วชิงแผ่รัศมีปกคลุมไปรอบกายหลินเป่ยเฉินหลายวา มวลอากาศระเบิดตัว แสงสีทองเป็นประกายระยิบระยับ ไม่ต่างจากกำลังเกิดฝนดาวตก

ครืน! ครืน!

คลื่นพลังสั่นสะเทือน

ก้อนหินน้อยใหญ่เกิดรอยแตกร้าว ฝุ่นผงตลบฟุ้งในอากาศ บดบังรูปปั้นท่านมหาเทพทางฝั่งตะวันตกของสะพานหินในพริบตาเดียว

ท่ามกลางม่านฝุ่นผง พานตั่วชิงค่อย ๆ ลดหมัดของตนเองลง

นี่สินะความรู้สึกของผู้แข็งแกร่ง?

อาศัยเพียงพละกำลังอย่างเดียว เขาก็สามารถจัดการเจ้าปีศาจน้อยเจี๋ยนเซียวเหยาที่เคยสร้างความอับอายขายหน้าให้แก่ตนเองได้อย่างอยู่หมัด

ในที่สุด พานตั่วชิงก็สามารถกอบกู้ศักดิ์ศรีของตนเองคืนมาได้สำเร็จ

แต่สิ่งที่ทำให้พานตั่วชิงรู้สึกประหลาดใจก็คือ ยิ่งเขาออกแรงจัดการคู่ต่อสู้มากเท่าไหร่ ตนเองก็ยิ่งรู้สึกคึกคักแจ่มใสมากเท่านั้น

โครมคราม! โครมคราม!

ก้อนหินจำนวนมากถล่มลงมาจากหน้าผาหิน

“เฮ้อ ช่างน่าละอายใจยิ่งนัก”

เสียงที่แสดงออกถึงความผ่อนคลายของเจี๋ยนเซียวเหยาดังมาจากบนสะพานด้านหลังพานตั่วชิง “เจ้าทุบทำลายรูปปั้นของท่านมหาเทพเช่นนี้… ไม่ทราบว่าคิดตั้งตนเป็นกบฏหรืออย่างไร?”

พานตั่วชิงสะดุ้งเล็กน้อย

ก่อนจะค่อย ๆ หันหน้ามองกลับไป

บนสะพานหินโบราณ ร่างในชุดเกราะสีดำทมิฬ ใบหน้าที่สวมใส่หน้ากากสัตว์อสูรลวดลายเปลวไฟยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้รอยขีดข่วน

พานตั่วชิงหรี่ตาลง