บทที่ 2136 ครั้งนี้ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเขาให้ถึงที่สุด!

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“ใช่แล้ว!”

“ไม่ผิดหรอก!”

“ถ้าใครไม่พอใจ แสดงว่าเป็นศัตรูกับข้าหู่เสี้ยว!”

กลุ่มวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ตรงนี้ฮึกเหิม พากันแสดงท่าทีกระตือรือร้นอย่างนั้น ฉากนี้ทำให้เฮยทั่นเห็นแล้วพอใจมาก

เดิมทีแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ยามเจอวิญญาณชั่วร้ายก็จะฆ่าทันที ตอนหลังไปอยู่กับเหมียวอี้ระยะหนึ่ง ถึงได้พบว่าอย่างเหมียวอี้ต่างหากที่เรียกว่ามีสง่าราศี เดินไปทางไหนล้วนมีเสียงเคารพดังเป็นแถบ ดังนั้นหลังจากตามเหมียวอี้กลับมาฝึกตนที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ เขาก็เปลี่ยนกลยุทธ์แล้วเช่นกัน ผลก็คือเปลี่ยนเป็นมีสง่าราศีมาก นอกจากจะไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในแดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้ว นึกว่าไปที่ไหนก็ล้วนมีคนเรียกอย่างสุภาพว่าคุณชายเฮยแล้วจริงๆ ถูกประจบสอพลอจนรู้สึกผ่อนคลาย

“ดี!” เฮยทั่นตบฝ่ามือบนโต๊ะ ตรงนั้นเงียบสงบลงทันที เขาคว้าไข่มุกวิญญาณขึ้นมาอีกกำ พิงบนเก้าอี้อย่างไม่เรียบร้อย ถือโอกาสโยนไข่มุกวิญญาณเม็ดหนึ่งขึ้นมาด้านบน เงยหน้าอ้าปากกว้างรับไว้ แล้วถึงได้กล่าวเสียงดังว่า “ทุกคนฟังข้าให้ดี ช่วงนี้อาจจะมีคนที่ขัดหูขัดตาข้าปะปนเข้ามาแดนมรณะดึกดำบรรพ์ แจ้งทุกคนให้เข้าประจำที่ ตรวจสอบให้ข้า โดยเฉพาะบริเวณทางออกแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ตรวจสอบให้ข้าอย่างเข้มงวด ถ้าพบสถานการณ์อะไรก็รายงานข้าทันที ถ้ากล้าปิดบัง…” ปั้ง ของที่อยู่บนโต๊ะเด้งขึ้นมา ไข่มุกวิญญาณเม็ดหนึ่งกรอกเข้าปากเขา แล้วส่งสายตาที่ทุกคนล้วนเข้าใจให้

“คุณชายเฮยวางใจ จะตรวจสอบอย่างละเอียดแน่นอน…”

เบื้องล่างส่งเสียงรับประกันดังต่อเนื่องเป็นระลอกทันที

หลังจากนั้นหลายเดือน มังกรดำตัวหนึ่งก็บินร่อนเข้ามา แปลงร่างเป็นคนแล้วเหยียบลงบนภูเขาแห่งหนึ่ง ชายรูปร่างผอมคนหนึ่งกล่าวอย่างเคารพนอบน้อมว่า “คุณชายเฮย!”

เฮยทั่นเหลียวซ้ายแลขวาครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “แน่ใจนะว่ามีคนจริงๆ? ซ่อนอยู่ที่ไหน? พาข้าไปดูหน่อย”

ชายร่างผอมรีบกุมหมัดคารวะขวางไว้ “คุณชายเฮย ไปข้างหน้าต่ออีกไม่ได้แล้ว ในรัศมีของทางเข้าหลายสิบลี้ล้วนมีคน ส่วนใหญ่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน นับไม่หมดว่ามีอยู่กี่คน ทั้งยังวางสายลับไว้ทั่วทุกที่ หากท่านเข้าใกล้เกินไปจะถูกพบได้ง่าย ลูกน้องของผู้น้อยถูกสังหารไปมากมายแล้ว!”

เฮยทั่นตกใจอยู่บ้าง ภายในรัศมีหลายสิบลี้ล้วนมีคน แบบนี้ต้องมีคนจำนวนมากเท่าไหร่กัน? ถึงแม้เขาจะสู้รบเก่ง แต่ก็ไม่ใช่คนที่อ่านสถานการณ์ไม่ออก เขาไม่กล้าเอาชีวิตไปทิ้ง จึงดับความคิดที่จะบุกเข้าไปทันที แล้วถามว่า “เจ้าแน่ใจนะว่าใต้ดินมีคนซ่อนอยู่จำนวนมาก?”

ชายร่างผอมสูงตอบว่า “ปราณชั่วร้ายที่มีสติปัญญาสามารถตอบสนองกับร่างกายที่มีเลือดเนื้อได้ ปราณชั่วร้ายบริเวณทางเข้าไม่ปกติ มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้คุณชายเฮยก็เตือนว่าให้เน้นตรวจสอบบริเวณนั้น ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้วไม่น้อย พวกเขาถูกสังหารหมดเลย ตอนหลังให้คนกลายเป็นปราณชั่วร้ายเข้าไปตรวจสอบ ถึงได้แอบปะปนเข้าไปได้ ตอนที่ปะปนลงไปตรวจสอบใต้ดินพร้อมปราณชั่วร้ายอื่นๆ ก็พบว่าใต้ดินมีคนอยู่เยอะมาก ทั้งหมดล้วนสวมเกราะรบของตำหนักสวรรค์ ในมือทุกคนล้วนมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ทุกคนเหมือนพร้อมลงมือตลอดเวลา น่าตกใจมาก พวกเขาแบ่งกลุ่มกันหลบอยู่ในค่ายกลป้องกันใต้ดิน อาศัยพลังงานของค่ายกลป้องกันเพื่อต่อต้านการกัดกร่อนของปราณชั่วร้าย…” เขาเล่ารายละเอียดที่ตัวเองรู้ให้ฟัง

ทั้งหมดล้วนสวมเกราะรบของตำหนักสวรรค์ ทั้งยังมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทุกคน เฮยทั่นตกใจอีกครั้ง นี่คือกองทัพองครักษ์ของตำหนักสวรรค์ชัดๆ เขายิ่งไม่กล้าไปเสี่ยงอันตรายแล้ว

สถานการณ์นี้สำคัญมาก เฮยทั่นไม่กล้าลังเล รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้ทันที

ในห้องหนังสือของจวนท่านอ๋อง พวกหยางชิ่งมารออยู่ก่อนแล้วครู่หนึ่ง ถึงได้เห็นเหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวมาด้วยกัน

อวิ๋นจือชิวชำเลืองมองหยางชิ่ง ไม่ได้ที่จะหรี่ตายิ้มถามว่า “เตรียมตัวจะจัดงานมงคลเมื่อไหร่ล่ะ? ข้ากับท่านอ๋องเพิ่งคุยกันเรื่องนี้ อยากจะถามว่าเจ้าจะจัดยังไง”

ความเคลื่อนไหวในจวนท่านอ๋องปิดบังตาอวิ๋นจือชิวไม่พ้น ถึงอย่างไรเสียงตบหน้าก็ดังถึงขนาดนั้น จะไม่ให้คนสังเกตเห็นก็คงยาก มีคนไม่น้อยเห็นแล้ว ตอนนั้นซูอวิ้นถูกหยางชิ่งอุ้มเข้าไปในบ้าน จากนั้นหยางชิ่งก็อยู่ในบ้านหนึ่งวันหนึ่งคืนโดยไม่ออกมา ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้หยางชิ่งก็ไปนอนค้างกับซูอวิ้นแทบทุกคืน แต่ก็ไม่เห็นซูอวิ้นจะไล่เขาออกมา ถ้ายังไม่เข้าใจเรื่องราวก็แสดงว่าโง่แล้ว

พวกเหมียวอี้ทำสีหน้าหยอกล้อเล็กน้อย นับว่ายอมเจ้าหมอนี่แล้วจริงๆ ผู้หญิงที่จะเป็นจะตายเพราะฮ่าวเต๋อฟางจนกลายเป็นเรื่องงดงามที่ถูกกล่าวขาน ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมหยางชิ่งแล้วจริงๆ ถูกหยางชิ่งสยบแล้วจริงๆ แต่คนที่รู้สถานการณ์เบื้องลึกต่างก็รู้ เมื่อไหร่ปีใหม่นี้ซูอวิ้นถูกหยางชิ่งรังแกจนยับเยิน คาดว่าตอนที่ฮ่าวเต๋อฟางยังมีชีวิตอยู่ ซูอวิ้นคงไม่เคยได้รับความอยุติธรรมอย่างนี้มาก่อน

หยางชิ่งยังคงสวมใส่หน้ากากบนใบหน้า ทุกคนต่างก็รู้สาเหตุที่ไม่ได้ถอดหน้ากากออก ไม่ใช่เพื่อซูอวิ้นอะไรหรอก แต่เป็นเพราะหยางชิ่งอยู่ในรายชื่อทหารที่รบตายของตำหนักสวรรค์แล้ว จะให้คนตายแล้วฟื้นคืนชีพกลับมาก็ใช่เรื่อง? ตอนที่ยังไม่ได้แตกคอกับตำหนักสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเผยหน้าโดยไม่ปลอมตัว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางชี้แจงกลับตำหนักสวรรค์ได้

พอถูกถามอย่างนี้ หยางชิ่งก็ยิ้มเจื่อน “ข้าเองก็อยากจะแต่งงานรับนางเข้าบ้าน แต่นางไม่ยอมแต่งงานด้วย”

หยางเจาชิงแปลกใจ “ทำไมไม่ยอมแต่งงาน? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้…” คำพูดที่เหลือไม่ต้องออกมา

หยางชิ่งถอนหายใจ “เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น นางยังคงแน่วแน่กับเวลาสามแสนปี บอกว่าเมื่อถึงตอนนั้นถ้ายังอยากแต่งงานกับนาง นางก็จะแต่งให้ ตอนนี้นางไม่มีทางแต่งงานกับใคร”

เรื่องนี้แม้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าซูอวิ้นคิดอย่างไรกันแน่ ถามแล้วก็ไม่ยอมตอบ ซูอวิ้นไม่ยอมอยู่กับเขาด้วย หยางชิ่งอยากจะย้ายเข้าไป แต่ซูอวิ้นไม่อนุญาต จะให้นางย้ายเข้ามา นางก็ไม่ยอมเช่นกัน ปฏิเสธที่จะร่วมใช้ชีวิตกับหยางชิ่งตั้งแต่เช้ายันค่ำ ที่จริงซูอวิ้นก็ไม่ยอมให้หยางชิ่งไปหานางอีก แล้วไม่ยอมให้หยางชิ่งไปค้างกับนางเช่นกัน แต่หยางชิ่งดึงดันที่จะไป สุดท้ายซูอวิ้นก็ยอมรับโดยนัยแล้ว ถึงอย่างไรก็กลายเป็นอย่างนั้นไปแล้ว

สถานการณ์ในตอนนี้ก็คือ ทุกครั้งที่หยางชิ่งไปหาซูอวิ้น เหมือนไปเพราะเรื่องระหว่างชายหญิงเท่านั้น สรุปก็คือนางถามแค่ว่าเจ้ามีธุระอะไร ถ้าเจ้าบอกว่ามีธุระก็คุยธุระ อยากจะทำอะไรก็ตามใจเจ้า ถ้าไม่มีธุระก็เชิญให้กลับทันที ไม่อย่างนั้นถ้าเจ้าไม่ไปข้าก็จะไปเอง

เรื่องนี้เขายากจะเอ่ยปากกับคนอื่นได้ ทำเอาเขารู้สึกกลุ้มใจแปลกๆ ไม่เข้าใจจริงๆว่าซูอวิ้นคิดอย่างไรกันแน่

ที่จริงถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ทั้งสองคนนอกจากความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ซูอวิ้นไม่แม้แต่จะเปลี่ยนคำเรียกของเขาด้วยซ้ำ หยางชิ่งดันทุรังคิดหาคำตอบแต่ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

เพียงแต่หยางชิ่งพอจะตระหนักได้แล้วว่า ระหว่างทั้งสองเหมือนยังมี ‘ฮ่าวเต๋อฟาง’ กั้นอยู่ สิ่งนี้ทำให้ในใจหยางชิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ ต่อให้ตัวเองจะเจ้าเล่ห์มากกลอุบาย ได้ร่างกายของนางมาแล้ว แต่กลับไม่ได้หัวใจนาง

พอหลายคนที่อยู่ตรงนี้ได้ฟัง ก็พอจะรู้สึกได้เช่นกันว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับ ‘ฮ่าวเต๋อฟาง’

อวิ๋นจือชิวอดไม่ได้ที่จะมองเหมียวอี้ เหมียวอี้ลังเลนิดหน่อย เดิมทีสองสามีภรรยาเคยปรึกษากันแล้ว ถ้าซูอวิ้นอยู่กับหยางชิ่งจริงๆ ในภายหลังเมื่อมีการประชุมแบบนี้ก็สามารถเรียกซูอวิ้นมาด้วยได้ อย่างไรเสียเรื่องบางเรื่องถ้ามีหลายหัวช่วยกันคิดก็จะดีกว่า แต่ดูจากสถานการณ์ของซูอวิ้นแล้ว ใครจะกล้ารับประกันว่าซูอวิ้นจะไม่มีความคิดที่จะล้างแค้นให้ฮ่าวเต๋อฟางเลยสักนิด ความลับบางอย่างรักษาไว้ก่อนจะดีกว่า เหมียวอี้จำเป็นต้องล้มเลิกความคิดนี้เอาไว้ชั่วคราว

“พอแล้ว คุยเรื่องสำคัญกันเถอะ” เหมียวอี้ปัดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แล้วเล่าสถานการณ์ที่เฮยทั่นรายงานเข้ามาให้ฟัง

พอยืนยันได้แล้วว่าประมุขชิงส่งกำลังพลกลุ่มใหญ่เข้ามาดักซุ่มในแดนมรณะดึกดำบรรพ์เพื่อจะทำร้ายเหมียวอี้ หยางชิ่งก็แอบสูดหายใจอย่างตกตะลึง ส่ายหน้าบอกว่า “เซี่ยโห้วท่าเป็นเฒ่าสารพัดพิษ ข้าเทียบไม่ติด ครั้งนั้นที่จับเขามา เขาอยู่ในที่แจ้ง พวกเราอยู่ในที่ลับ ได้เปรียบเต็มที่จริงๆ และเขาก็โชคไม่ดีด้วย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าพวกเราคงทำสำเร็จได้ยาก!”

ก่อนที่จะยืนยันได้จริงๆ แม้หยางชิ่งจะยอมรับว่าสิ่งที่เซี่ยโห้วท่าบอกมีเหตุผล แต่ในใจก็ยังมีความหวาดระแวงอยู่บ้าง ที่สำคัญก็คือเซี่ยโห้วท่าถูกคุมขังมาหลายปีขนาดนี้ ไม่รู้สถานการณ์ข้างนอกเลยสักนิด ไม่น่าเชื่อว่าจะคาดการณ์ได้ว่าเหมียวอี้จะมีภัยที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ถึงขั้นเดาออกว่าประมุขชิงจะส่งหน่วยองครักษ์ซ้ายมาปฏิบัติการ เดาออกว่าส่งกำลังพลมาเท่าไหร่ แบบนี้ลึกซ้ำเกินไปหน่อยแล้วกระมัง ตอนนี้จำเป็นต้องยอมแพ้แล้ว เพิ่งจะรู้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วผงาดขึ้นมาในมือเซี่ยโห้วท่าไม่ใช่เรื่องแปลก

อวิ๋นจือชิวปลอบใจว่า “ท่านบุรุษไม่จำเป็นต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เซี่ยโห้วท่าก็แค่รู้จักพวกประมุขชิงดีกว่า ในสถานการณ์เดียวกันนี้ ถ้าท่านบุรุษรู้จักประมุขชิงดีเหมือนกัน ข้าว่าท่านบุรุษก็อาจสู้เขาได้!”

“ไม่ต้องพูดจาตามมารยาทแล้ว” เหมียวอี้ยกมือห้าม แล้วกล่าวด้วยดวงตาที่ฉายแววเยียบเย็นดุร้าย “ก่อนหน้านี้ข้าเข้าออกแดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้วไม่เป็นอะไร กำลังพลที่ดักซุ่มจะต้องเข้าไปช่วงที่ข้าออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์มาแน่นอน เจาชิว เจ้าไปตรวจสอบอีกสักหน่อย สืบดูว่าตอนที่ข้าออกมาจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ครั้งนี้ การจัดกระบวนทัพมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ดูว่าใครมีโอกาสเล่นตุกติกแบบนี้มากที่สุด คนคนนี้น่าจะไม่ได้อยู่ในระดับต่ำ อาจจะยศไม่ต่ำ เบื้องล่างล้วนมีเพื่อร่วมงานดูอยู่ ไม่มีโอกาสเล่นตุกติกอะไรซี้ซั้ว จะต้องเป็นคนในทัพที่ไม่มีโอกาสหันกลับมามอง ถึงได้ทำสำเร็จภายใต้หนังตาคนจำนวนมากขนาดนี้ได้!”

พอการคาดคะเนสถานการณ์ของเซี่ยโห้วท่าได้รับการยืนยันแล้ว แค่ลองคิดเรื่องนี้เขาก็ยังนึกกลัวทีหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยโห้วท่าเอ่ยเตือนได้ทันเวลา ถ้าเขาพุ่งเข้าไปอย่างนี้จริงๆ แล้วมีกองทัพองครักษ์สิบล้านรอเขาอยู่ ผลที่ตามมาก็เลวร้ายจนไม่อยากคิดถึง ดีไม่ดีจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นแล้ว

ในใจเขาก็รู้ชัดเช่นกัน พอลองคิดดูแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าเซี่ยโห้วท่าเจตนาดีช่วยเขาจริงๆ นั่นก็ไม่แน่ ถ้ามีเจตนาดีอย่างนั้นจริง ก็ควรจะเตือนตั้งนานแล้ว ที่ก่อนหน้านี้ไม่เตือนก็เพราะอยากจะนั่งดูเหมียวอี้โดนโค่นล้ม ตอนหลังเตือนก็เพราะว่าอายุไขมาถึงแล้ว น่าจะยังมีสาเหตุอื่นอีก เลยไม่สู้ซื้อน้ำใจสักครั้งดีกว่า ช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เจ้าเล่ห์อย่างแท้จริง!

หยางชิ่งพยักหน้าเบาๆ ยอมรับสิ่งที่เหมียวอี้บอกเช่นกัน คนที่เงื่อนไขน้อยยศต่ำไม่มีโอกาสเล่นตุกติกอย่างนี้แน่นอน

“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับ “จะไปเตรียมตรวจสอบเดี๋ยวนี้”

เหมียวอี้จ้องไปที่หยางชิ่งอีก “เรื่องที่ตระกูลเซี่ยโห้วแทรกซึมจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล ไม่มีอะไรใหม่ๆ คืบหน้าเลยเหรอ?”

ตอนนี้เรื่องที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลหลักๆ แล้วส่งให้หยางชิ่งติดตาม อวิ๋นจือชิวกับหยางเจาชิงล้วนเคยถามแล้ว แต่รายละเอียดอยู่กับหยางชิ่ง เขารู้รายละเอียดฝั่งจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลชัดเจนที่สุด

หยางชิ่งรายงานว่า “ตระกูลเซี่ยโห้วอยากจะแทรกซึมควบคุมทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ แต่ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ถ้าต้องการให้ตระกูลเซี่ยโห้วออกแรงสนับสนุนจริงๆ ประมุขชิงคิดจะบัญชาการทัพใหญ่แดนรัตติกาลได้ราบรื่นอีกก็เป็นไปไม่ได้ ถึงยังไงก็หลุดออกจากกองทัพองครักษ์มานานขนาดนั้นแล้ว ตำแหน่งว่างของทัพใหญ่แดนรัตติกาลมีจำกัด คนจำนวนมากที่มีพื้นที่ให้เติบโตกำลังแอบไม่พอใจ มิหนำซ้ำแดนรัตติกาลก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไร ถ้ามีสาเหตุจากภายนอกอีก อย่างเช่นท่านอ๋องแบ่งดินแดนให้เป็นผลประโยชน์จำนวนมหาศาล ถึงตอนนั้นเมื่อชิงหยวนจุนเอ่ยปาก ในทัพใหญ่แดนรัตติกาลคงจะมีคนเชื่อฟังประมุขชิงอยู่ไม่เยอะแล้ว ความฝันในตอนแรกของพวกเราสามารถเป็นจริงได้!”

เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบนิ่งว่า “ในเมื่อทำให้เป็นจริงได้ เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มปฏิบัติการเลยแล้วกัน”

เมื่อเขากล่าวแบบนี้ ทุกคนก็พากันตกใจ หยางชิ่งรีบบอกว่า “ท่านอ๋อง ตอนนี้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนไม่ใช่เหรอ?”

ปั้ง! เหมียวอี้ตบโต๊ะยืนขึ้น คนที่เหลือตกใจ เห็นเพียงในดวงตาเขาฉายแววขุ่นเคืองพร้อมกล่าวเสียงเย็น “ประมุขชิงต้องการจะทำร้ายข้าสองสามครั้งแล้ว เพราะมั่นใจว่าข้าไม่กล้าแตกคอกับเขา เรื่องขององครักษ์เงาครั้งก่อนข้าก็อดทนไว้แล้ว ครั้งนี้ก็มาอีก ครั้งหน้ายังไม่รู้เลยว่าเขาจะเล่นงานยังไง ทำมาไม่ทำกลับก็เสียมารยาท ครั้งนี้ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเขาให้ถึงที่สุด!”

แผนการสังหารของประมุขชิงครั้งนี้ทำให้เขาตกใจมากจริงๆ วิธีการร้ายกาจขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาโมโหแล้วจริงๆ!

…………