มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1306

“ถึงกับกล้าตัดทางหนีทีไล่ของข้าอย่างนั้นหรือ ไอ้เวรที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย!”

ภายในมหาโลกายอดอัมพร ซือถูเจิ้งเจี้ยนเดินออกมาจากสถานที่ฝึกตนปิดขังของตัวเอง สีหน้าหม่นหมองถึงขั้นสุด

เนื่องจากถูกกฎเกณฑ์ในพิภพจำกัด ผลการฝึกตนราชาเทพของเขาไม่สามารถลงไปในโลกามนุษย์ได้ แต่กลับสามารถใช้ผลการฝึกตนที่แน่นอนมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน ผนึกรวมร่างผันแดนเทพฟ้าตนหนึ่งขึ้นมา!

“กระบี่ปีศาจดูดโลหิต ทะลวงออกมาซะ!”

ตรงหว่างคิ้วของเขามีสีแดงหม่นเป็นประกาย กระบี่ปีศาจเล่มหนึ่งบินออกมา ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับลมที่โชยมา กลายเป็นกระบี่ปีศาจยักษ์ที่ยาวหลายพันไมล์หนึ่งเล่ม

อากาศที่แข็งตัวในมหาโลกาถูกเขาใช้กระบี่แทงจนทะลุ เปิดออกเป็นทางเหนือนภา เงาร่างของเขากระพริบหายไปในทางเหนือนภาทันที

ตราชีวีดั้งเดิมอยู่ในโลกาอสูรฟ้า ซือถูเจิ้งเจี้ยนที่ลอยอยู่กลางอากาศพิภพต้องสัมผัสตำแหน่งของโลกาอสูรฟ้าได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เขาบินทะลุผ่านกลางอากาศที่ว่างเปล่าไปมา ความเร็วในการเคลื่อนที่เร็วปานดาวตก

หลังจากที่ผ่านมาหลายชั่วโมง เขาก็มาถึงบริเวณโลกาอสูรฟ้า แต่กลับหยุดการเคลื่อนที่ลงก่อน

เนื่องจากเสี้ยววินาทีที่เขาปรากฏในละแวกโลกาอสูรฟ้า เขาก็สัมผัสได้ถึงการเตือนที่มาจากปณิธานของจักรวาลดั้งเดิม อ้างอิงจากปณิธานของกฏดั้งเดิม ผู้แข็งแกร่งที่อยู่สูงกว่าเทพฟ้าไม่สามารถเข้ามาในพิภพโลกามนุษย์ได้ หากฝ่าฝืนก็จะถูกปณิธานจักรวาลดั้งเดิมสังหาร!

ในความเป็นจริงปณิธานจักรวาลดั้งเดิมก็คือกฎแห่งสวรรค์ ตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน ต่างเล่ากันว่ากฎแห่งสวรรค์ไร้ความปราณี ซือถูเจิ้งเจี้ยนจึงมิกล้าลองเชิงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

“เป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์กระจอก ๆ คนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะสามารถก้าวข้ามการปิดผนึกของเหวมรณะเข้าไปถึงส่วนก้น พอจะเห็นได้เลยว่าบนตัวเจ้าต้องมีความลับและกลอุบายบางอย่างแน่นอน ข้าจะใช้ร่างผันแดนเทพฟ้าขั้น 3 ที่ผนึกรวมจากการสูญเสียผลการฝึกตนห้าร้อยปีของข้าไปสังหารเจ้าเอง!”

การจัดการมหาจักรพรรดิยุทธ์นั้น ตามหลักแล้วแค่ร่างผันเทพมารก็เพียงพอแล้ว แต่ทว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ซือถูเจิ้งเจี้ยนจึงใช้ร่างเทพฟ้า

หลังจากที่ผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้าครั้งที่สามจากสวรรค์จบ ร่างเนื้อและตัวสำนึกของหลัวซิวก็ผ่านการชุบจนบรรลุขึ้นมาถึงระดับแดนเทพมารขั้นสูงแล้ว

การโคจรพลังจุติมรณะยึดกลืนแก่นสารตราชีวีของผู้แข็งแกร่งราชาเทพในครั้งนี้ ภายใต้การกลั่นแปรแก่นแท้ที่มากมายมหาศาล ทำให้แดนวิชาบรรพเทพโลหิตของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

หากฝึกขั้นแรกของวิชาบรรพเทพโลหิตสำเร็จ ร่างยุทธ์ร่างเนื้อก็จะบรรลุถึงแดนเทพมาร หากฝึกขั้นแรกจนขึ้นไปถึงระดับบริบูรณ์ใหญ่ ร่างยุทธ์ร่างเนื้อก็จะบรรลุถึงแดนเทพมารขั้นสูง

ร่างเนื้อเดิมทีของเขาคือร่างยุทธ์เทพมารขั้นสูง ปัจจุบันวิชาบรรพเทพโลหิตก็ฝึกจนบรรลุถึงขั้น 1 ระดับบริบูรณ์ใหญ่แล้ว แดนร่างเนื้อยังคงเป็นเทพมารขั้นสูง แต่ทว่าความแข็งแกร่งทางร่างเนื้อของเขากลับไม่ด้อยไปกว่าร่างยุทธ์เทพฟ้าเลย!

แดนต่างกัน ร่างยุทธ์แข็งแกร่งกว่า ซึ่งนี่ก็หมายความว่าในอนาคตร่างเนื้อของหลัวซิวยังมีพื้นที่ให้เติบโตอีกเยอะมาก และจะมีศักยภาพที่ไร้ขอบเขต!

บริเวณด้านนอกเหวมรณะ เมื่อผ่านการค้นหามานานกว่าครึ่งปี แต่ก็ไม่เจอเงาร่างของหลัวซิวเลย เทพฟ้าทั้งเก้าของหุบเขาปีศาจเก้าจึงเลือกที่จะจากไป

ผู้คนในโลกนี้ต่างรู้ซึ้งถึงความน่าสยองของเหวมรณะดี แต่หลัวซิวกลับลงไปด้านในด้วยผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ เวลาผ่านพ้นไปนานกว่าครึ่งปี จึงไม่มีผู้ใดคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่

จ้าวนภาปีศาจนรกก็พาคนของตัวเองจากไปเช่นกัน ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกมาร กลับสูญเสียเทพฟ้าสองคนเพราะผู้น้อยมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่ง นี่จึงส่งผลกระทบต่อภูมิฐานของเขาปีศาจนรกไม่น้อย

ต้องท้าวความก่อนว่ามาตรฐานในการวัดว่ากองกำลังหนึ่งแข็งแกร่งหรือไม่นั้น จะกำหนดตามปริมาณผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอด

แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกมารรวมไปถึงสามชนเผ่าสุดยอดของเผ่าปีศาจ จำนวนเทพฟ้าในกองกำลังใหญ่นั้นมีไม่เยอะนัก การสูญเสียเทพฟ้าสองคนในครั้งเดียว เทียบเท่ากับการสูญเสียพลังความสามารถที่เก็บสะสมมาเกือบสองแสนปี!

ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่าศักยภาพของเขาปีศาจนรกถดถอยกลับไปถึงเมื่อสองแสนปีก่อน!