ตอนที่ 1988 รวมตัว

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1988 รวมตัว

 

ช่างน่าอัปยศอะไรอย่างนี้

 

เพื่อที่จะแสดงอํานาจต่อหน้าเขา หลิงฮันถึงขนาดต้องสั่งให้คนมาแสร้งทําเป็นเลื่อมใสเชียว

 

หม่าถงกวางแสยะยิ้ม คิดว่าแค่หาคนมาแสร้งทําแบบนี้แล้วเขาจะเชื่องั้นรึ?

 

ช่างโง่และไร้เดียงสายิ่งนัก

 

เขาชําเลืองมองไปยัง นักแสดง รุ่นเยาว์ตรงหน้า อีกฝ่ายเป็นเพียงนักปรุงยาหนึ่งดาว ที่ไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาของเขาเท่านั้น

 

เหอะ… เจ้าหาคนที่ยิ่งใหญ่กว่านี้มาไม่ได้แล้วงั้นรึ?

 

“ปรมาจารย์หลิง!” ยังไม่ทันที่หม่าถงกว่างจะตั้งตัว รุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามา แม้คนผู้นี้จะดูเยาว์วัยเป็นอย่างมาก แต่ที่หน้าอกของเขาก็ติดแผ่นป้าย ที่เป็นสัญลักษณ์ของนักปรุงยาสองดาวเอาไว้

 

หลิงฮันพยักหน้าและยิ้ม พื้นฐานเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยาที่เขาชี้แนะไปนั้น ไม่รู้ว่ามีนักปรุงยามากมายเท่าใดที่ได้รับประโยชน์ เพราะงั้นแม้แต่นักปรุงยาสามดาวก็ยังรู้สึกปลาบปลื้มต่อเขา

 

“ข้ามีชื่อว่าซุนฟง” รุ่นเยาว์ผู้นั้นรีบแนะนําตัวเอง “หลังจากได้ฟังคําชี้แนะของปรมาจารย์หลิง ข้าก็รู้สึกอยากแสดงความขอบคุณต่อ ปรมาจารย์หลิงฮันเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีโอกาสสักทีไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ข้าจะได้มีโอกาสเข้าร่วมมหาสมุทรวิญญาณหยางกับปรมาจารย์หลิงเช่นนี้ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก”

 

เหอะ ช่างแสดงได้ดีจริงๆ

 

หม่าถงกวางแสยะยิ้ม เอาสิ เชิญพวกเจ้าเล่นกันต่อเลย

 

“ปรมาจารย์หลิง!”

 

“ปรมาจารย์หลิง!”

 

“ปรมาจารย์หลิง!”

 

คนที่พบเห็นหลิงฮันเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขารีบเข้ามาทักทายหลิงฮันด้วยสีหน้าตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าหลิงฮันพยักหน้าตอบ คนเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้ามีความสุขออกมา

 

จากคนไม่กี่คนเพิ่มขึ้นเป็นหลายสิบคน หนึ่งร้อยคน. และหลายร้อยคน รอบตัวหลิงฮัน แทบจะห้อมล้อมไปด้วยฝูงชนจนแม้กระทั่งหม่าถงกวาง กับเอี้ยนเซียนลู่ก็ต้องถูกเบียดออกมา

 

นี่มันอะไรกัน?

 

หม่าถงกวางสับสน ด้วยความทรงพลังของจอมยุทธระดับนิรันดร์ แน่นอนว่าเขาต้องจดจําผู้คนจํานวนมากบนเรือเหาะได้ ซึ่งเขามั่นใจว่าในหมู่คนเหล่านี้ไม่มีคนที่เคยอยู่บนเรือเหาะเลยสักคน

 

การจะสั่งการคนสองคนให้แสดงละครนั้นทําได้ง่ายมาก แต่การจะทําให้คนนับร้อย นับพันทําตามที่ตนเองบอกนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะทําได้ง่ายๆ

 

ยิ่งกว่านั้นคนเหล่านี้ ก็ยังมีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับโลกียนิพพานสูงสุดด้วย

 

หม่าถงกวางตระหนักได้ทันทีว่า ตนเองนั้นประมาทหลิงฮันเกินไป ดูเหมือนว่าผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถจะไม่ใช่ง่ายๆ เสียแล้ว

 

หม่าถงกวางรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก คนที่เข้ามาทักทายหลิงฮันยังคงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่แค่นักปรุงยาสองดาวเท่านั้น แต่แม้กระทั่งนักปรุงยาสามดาวเองก็ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยครั้ง นักปรุงยาสามดาวแต่ละคนเหล่านั้น มีเส้นผมขาวโพลน จากการถูกทรมานโดยบาปเคราะห์แห่งสวรรค์

 

นักปรุงยาสามดาว!

 

หม่าถงกวางสูญเสียความเยือกเย็นทันที ตัวเขานั้นเป็นอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยา ที่สามารถบรรลุเป็นนักปรุงยาสามดาวได้ ก่อนอายุหนึ่งล้านปี ซึ่งแม้แต่นักปรุงยาสี่ดาวหลายคนก็ไม่อาจเทียบกับเขาในเรื่องนี้ได้

 

แต่ถ้าหากเขาอยากจะให้นักปรุงยาสามดาวมาคารวะเขาน่ะรี?

 

เกรงว่าเรื่องเช่นนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้น นักปรุงยาสามดาว จะมาคารวะตัวเขาที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างไร?

 

แต่หลิงฮันกลับมันทําได้

 

เรื่องนี้ส่งผลให้หม่าถงกวางรู้สึกไม่สบายใจ และจิตใจพรั่งพรูไปด้วยจิตสังหาร

 

ต้องฆ่า!

 

เขาคิดในใจ และล้มเลิกแผนการที่จะกําราบหลิงฮัน เพื่อให้อีกฝ่ายยอมศิโรราบทิ้งไปในทันที

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกําจัดทิ้งให้เร็วที่สุด แม้ว่าจะต้องใช้ทุกวิถีทางก็ตาม ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้หลิงฮันไปยังดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกได้ และปรมาจารย์นักปรุงยาคนใดรับหลิงฮันเป็นศิษย์ล่ะก็เขาก็จะไม่มีโอกาสสังหารหลิงฮันอีกต่อไป

 

อู่เซียนหมิงมองไปยังสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหม่าถงกวาง และแสยะยิ้มในใจ

 

เขาคาดเดาได้ว่าหม่าถงกวางนั้น คิดจะนําหลิงฮันไปเป็นผู้ติดตามของตนเอง เหมือนที่เขาเคยทํามาก่อน เพียงแต่ว่าในตอนนั้นเขาดันใจอ่อนเกินไป และไม่ตัดสินใจสังหารหลิงฮันตั้งแต่ต้นทําให้สุดท้ายเมื่อเขาตัดสินใจจะ จัดการหลิงฮันให้เด็ดขาด ทุกอย่างก็สายไปแล้ว

 

เขาหวังว่าหม่าถงกวางจะไม่ก้าวพลาด เดินซ้ํารอยเขา

 

หลิงฮันกลายเป็นจุดศูนย์กลางของผู้คน ไม่ว่านักปรุงยาคนใดที่เห็นเขา นักปรุงยาเหล่านั้นก็จะก้าวเข้ามาทักทายทันที แม้แต่นักปรุงยาที่ไม่ได้เข้าร่วมงานฉลองในครั้งนั้นก็ได้รับคําบอกเล่าต่อๆ กันไปจนส่งผลให้ชื่อเสียงของหลิงอันโด่งดังยิ่งขึ้น

 

โชคดีที่นักปรุงยานั้นมีจํานวนไม่มาก และนักปรุงยาที่อยู่ที่นี่คือนักปรุงยาระดับโลกียนิพพานสูงสุดเท่านั้น หลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่วัน สถานการณ์ของหลิงฮันก็กลับมาสงบเหมือนกัน

 

“น้องชายหลิง เจ้านี่มีชื่อเสียงยิ่งกว่าข้าเสียอีก” เอี้ยนเชียนลูกล่าว “ข้าเคยเป็นรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของอาณาเขตสวรรค์ไม่อัน ทําให้มีคนมากมายเลื่อมใสในตัวข้า แต่นั่นก็จํากัดอยู่แค่ในอาณาเขตสวรรค์ไม่อันเท่านั้น แต่ส่วนน้องชายหลิง. ชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังไปทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกแล้ว”

 

หลิงฮันหัวเราะ “มันก็แค่บังเอิญเป็นเช่นนั้นเท่านั้น”

 

“ถูกแล้ว หลิงฮันของหนิวยอดเยี่ยมที่สุด!” ฮูหนิวไม่รู้จักคําว่าถ่อมตน นางเกาะแขนหลิงฮันและกล่าวอย่างภูมิใจ

 

“น้องชายหลิง ข้ายอมรับว่าเจ้ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง แต่อาณาเขตสวรรค์ซานูนั้น มีระดับวรยุทธแข็งแกร่งอยู่ในช่วงกลางของ ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก และมีอัจฉริยะอยู่มากมาย”เอี้ยนเซียนอู่แน่นิ่งไปสักพักก่อนจะกล่าวต่อ “อัจฉริยะอันดับหนึ่งของพวกเขามีชื่อว่าลู่เหิงเขาถูกเรียกว่า “จอมบ้าคลั่ง” โดยที่คํากล่าวว่าในอาณาเขตสวรรค์ซานไม่มีใครที่ไม่หวาดกลัวเขา”

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “จะน่าหวาดกลัวไหม ก็ต้องลองดูด้วยตัวเอง”

 

เอี้ยนเซียนลู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะ “ข้าน่าจะคิดออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าน้องชายหลิงเป็นคนเช่นนั้น”

 

“นี่นี่นี่ พวกเจ้าได้ยินข่าวกันมาบ้างรึยัง!” จู่เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น

 

เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกมา ผู้พูดย่อมต้องมั่นใจแล้วว่าคนอื่นๆ ไม่มีทางรู้เรื่องที่เขากําลังจะเล่าแน่นอน และที่หยุดกล่าวไปกลางคัน ก็เพราะต้องการให้คนอื่นหันมาสนใจ

 

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อสายตาของทุกคนจดจ้องไปที่ตนเอง ชายผู้นั้นก็ยิ้มและกล่าวต่อ “นี่เป็นข่าวใหม่ล่าสุดเลย พวกเจ้ารู้ไม่ว่า “จอมบ้าคลั่ง” ถูกใครบางคนโค่นล้มไปแล้ว”