บทที่ 1606 ขอให้เลี้ยงดู + ตอนที่ 1607 ปีกไก่น้ำผึ้ง

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1606 ขอให้เลี้ยงดู + ตอนที่ 1607 ปีกไก่น้ำผึ้ง Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1606 ขอให้เลี้ยงดู

เรื่องของถังม่านลี่เหมยเหมยไม่ได้ใส่ใจนัก เส้นทางก็เลือกเดินเอง จะขมหรือหวานก็เป็นตัวเองที่ต้องฝืนกล้ำกลืน

ฉีฉีเก๋อเป็นห่วงสวีจื่อเซวียนมากกลัวว่าถังม่านลี่จะพาเธอไปเสียคน

“หล่อนไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะ หรือไม่มีสมองคิเองได้เหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถ เธอเตือนไปแล้วเขาไม่รับน้ำใจ เกิดเรื่องขึ้นก็อย่ามาโทษเธอแล้วกัน

ฉีฉีเก๋อถอดถอนหายใจโดยไม่เอ่ยอะไรอีก

ช่วงเย็นเหมยเหมยกลับบ้านตัวเอง เพราะเหยียนหมิงซุ่นทิ้งข้อความไว้ว่าเขากลับมาแล้วให้เธอกลับไปพักที่บ้าน

เหมยเหมยกลับบ้านด้วยความตื่นเต้นดีใจ แต่กลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นคาดผ้ากันเปื้อนทำอาหารอยู่ ลุงเหลาและป้าฟางต่างก็ไม่อยู่

“พี่ให้พวกเขากลับบ้านไปแล้ว บินช่วงบ่าย” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย พลิกสเต็กเนื้อในกระทะอย่างชำนาญ ในห้องครัวเต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวล

เหยียนหมิงซุ่นตักเนื้อสเต็กที่ทอดเสร็จใส่จาน จากนั้นเปิดฝาหม้อแกงซึ่งในนั้นตุ๋นน้ำแกงมะเขือเทศเนื้อวัว เขาใช้ช้อนตักแกงขึ้นมาครึ่งช้อน เป่าแล้วยื่นไปที่ปากเหมยเหมย

“ชิมรสชาติดู”

เหมยเหมยชิมคำเล็กแล้วชูนิ้วโป้งให้เขา อร่อยมาก

“คุณสามีเก่งจังเลย ต่อไปอาหารสามมื้อของฉันคงต้องมอบให้เป็นหน้าที่พี่แล้วล่ะได้ไหมคะ?”

เหมยเหมยออดอ้อนกอดแขนเหยียนหมิงซุ่น นับตั้งแต่ที่ได้ชิมฝีมือการทำอาหารของเหยียนหมิงซุ่นเธอก็ไม่อยากทำอาหารเองอีกเลย

มีคนคอยดูแลดีจะตายไปทำไมจะต้องลงมือเองเล่า?

เหยียนหมิงซุ่นปิดเตา ตักน้ำแกงใส่ถ้วยแล้วยกไปวางในห้องอาหาร ด้านหลังมีคนเดินตามต้อย ๆไม่ห่างกาย เขาวางถ้วยแกงลง จากนั้นยื่นมือไปบิดใบหน้ารูปไข่เนียนนุ่มพร้อมเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “ไม่มีปัญหา กลางวันพี่ป้อนเธอให้อิ่ม ส่วนกลางคืนเธอป้อนพี่ให้อิ่ม!” เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อแต่ก็กลับมาปกติอย่างรวดเร็ว

ความหน้าด้านหน้าหนา ถ้าหนาเพิ่มไปเรื่อย ๆก็กลายเป็นเหมือนหนังหมูเองแหละ!

“พี่…ฉันจะเหนื่อยเอานะ…พี่ไม่สงสารเหรอ?” เหมยเหมยมุ่ยปากพร้อมย่นจมูก เสียงนุ่มนวลทรงเสน่ห์ลากยาวราวน้ำตาลสายไหมก็มิปาน ตราบใดที่เป็นผู้ชายใครก็ต้องถูกหลอมละลายจนตัวอ่อนยวบทั้งนั้น

เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

เพียงแต่…

เขาให้เจ้าปีศาจน้อยพักไปหลายวันถึงเพิ่งจะกลับบ้านมานี่ไง!

“ที่รัก…อยู่ห่างกันระยะหนึ่ง พอพบกันใหม่จะทำให้ยิ่งรักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน เธอไม่คิดงั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นเลียติ่งหูขาวนวล ไอร้อนทำให้เหมยเหมยแข้งขาอ่อนระทวย เอนพิงตัวเขาสองมือเกาะแขนเหยียนหมิงซุ่นไว้แน่น

“ฉัน…ไม่ได้คิดงั้นเลย!”

เหมยเหมยฝืนใจปฏิเสธ แม้ว่าความจริงเธอจะคิดเช่นนั้นก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เหยียนหมิงซุ่นเกิดผงาดขึ้นมาทีไรก็ไม่จบไม่สิ้นสักทีจนเหนื่อยเพลียแทบตายอยู่บนเตียง เธอคิดว่าการระงับอารมณ์ก็ใช่ว่าจะไม่ดี

“พี่จะคอยดูว่าเธอโกหกไหมนะ…”

จู่ ๆเหยียนหมิงซุ่นก็อุ้มเธอขึ้นมาบนโต๊ะอาหาร เหมยเหมยตกใจร้องเสียงหลงเอาแต่ตะโกนร้องจะลงไป เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นไม่ได้ยินแล้วปิดปากน้อย ๆของเธอที่กำลังบ่นอู้อี้อยู่ พร้อมมือที่ปัดป่ายไปทั่วอยู่ไม่สุข

ความคิดถึงตลอดทั้งสัปดาห์บัดนี้ได้หลอมละลายกลายเป็นกองไฟรักอันร้อนเร่า มันทั้งร้อนรุ่มทั้งชวนหลงใหล เหมยเหมยร่างอ่อนระทวยอย่างห้ามไม่ได้ โอบเอวเหยียนหมิงซุ่นเอาไว้ ตอบสนองอย่างดุเดือด

เหยียนหมืงซุ่นกระตุกยิ้มอย่างพอใจแล้วจงใจใช้ฟันกัดไปทีหนึ่ง “ปีศาจน้อยปากไม่ตรงกับใจ ต่อไปนี้ถ้าโกหกอีกจะเพิ่มบทลงโทษหนึ่งครั้ง”

เหมยเหมยกัดตอบอย่างโมโห หอบหายใจถี่พูดเสียงขาด ๆหาย ๆ “ไม่ใช่ว่าเป็นพี่เหรอที่ไม่รู้จักพอ พี่ไม่ทะนุถนอมฉันเลยสักนิด…”

“ตอนนี้พี่จะทะนุถนอมเธออย่างดีเลย…”

“เกลียดนัก…พี่รู้ดีแก่ใจว่าฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น!”

“ปากไม่ตรงกับใจอีกแล้ว…มีสมาธิหน่อย อย่าใจลอยสิ!”

ดอกโฟทิเนียเบ่งบานครั้งแล้วครั้งเล่า

น้ำแกงที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นสั่นกระเพื่อมไม่หยุด

ไออุ่นรักในวสันต์ฤดูยังคงอยู่เสมอ!

………………………………………………………

 ตอนที่ 1607 ปีกไก่น้ำผึ้ง

เห็นแก่ว่าเหมยเหมยหิวเหยียนหมิงซุ่นจึงขจัดความโลภทิ้งไป ไม่ได้ทรมานเธอเหมือนแต่ก่อน เพียงพอต่อความหิวกระหายอยู่บ้าง เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างอิ่มสุข กระซิบข้างหูเหมยเหมยด้วยเสียงแหบพร่า “ถึงคราวพี่ป้อนเธอแล้ว กินอิ่มแล้วค่อยให้เธอป้อนพี่ต่อ!”

เหมยเหมยพร่ำบ่นโอดครวญ จ้องเขาตาเขม็ง

ตั้งแต่ผ่านด่านพ่อแม่มาเหยียนหมิงซุ่นก็เหิมเกริมขึ้นเรื่อย ๆ หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกสู้กลับไปเป็นเหมือนก่อนยังดีเสียกว่า!

“พี่คะ…ฉันไม่มีแรงแล้ว…ลุกไม่ขึ้น”

มารยาหญิงห้ามใช้เด็ดขาด ที่เหลือคงต้องเป็นแผนตบตาแสร้งไม่สบาย หวังเพียงแค่เจ้าหมาป่าตัวนี้จะใจดีเมตตาบ้าง

“ขาอ่อนแรง?” เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วพลันติดกระดุมเสื้ออย่างเชื่องช้า ติดช้าเอามาก ๆราวกับภาพสโลโมชั่น

เดิมทีชายเสื้อยัดอยู่ตรงเอว แต่ตอนนี้กลับอยู่ด้านในครึ่งหนึ่งหลุดออกมาครึ่งหนึ่ง ดูหลวมสบาย ๆเผยให้เห็นถึงการทำอย่างลวก ๆและขี้เกียจ เพราะเสื้อที่เปิดวับ ๆแวม ๆจึงเผยให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งตรงช่วงอกเป็นพัก ๆ

ช่วงอกอันแสนเซ็กซี่ยิ่งทำให้เลือดลมสูบฉีด เหมยเหมยเห็นจึงเกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ กลืนน้ำลายไปหลายอึก สูญเสียการได้ยินไปโดยอัตโนมัติ

กล้ามอกนี่ช่างน่าดึงดูดเหลือเกิน!

“ดูดีไหม?”

เสียงของเหยียนหมิงซุ่นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆเคล้ากับความอันตราย แต่ลูกแกะน้อยกลับยังไม่รู้ตัวยังมองอย่างหลงใหล จ้องตาไม่กระพริบ

“ดูดี…เป็นที่สุด!”

เหมยเหมยตอบอย่างไร้สติ ฉับพลันก็ค้นพบว่ากล้ามอกน่าดึงดูดรัญจวนใจที่โผล่ออกมานั้นเขยิบเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงแอบดีใจพลันยื่นมือออกไปอย่างไร้การควบคุม แต่เสื้อเชิ้ตกลับถูกติดกระดุมไปแล้วจึงไม่อาจสัมผัสได้

“อยากลูบงั้นเหรอ?” เสียงพูดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ

เหมยเหมยพยักหน้า ความจริงเธออยากจะกัดด้วยซ้ำ!

“งั้นเธอลูบของพี่ พี่ลูบของเธอ แลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรมดีไหมล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจหยอกเย้า พยายามกดอารมณ์ไว้ อาหารมื้อใหญ่ต้องอดใจไว้ก่อน รอป้อนเจ้าปีศาจน้อยให้อิ่มก่อนค่อยว่ากัน

กินอิ่มถึงจะมีแรงทำงาน!

เหมยเหมยตัวสั่นสะดุ้งเฮือกจนได้สติ จากนั้นก็ค้นพบว่ามือข้างหนึ่งของเหยียนหมิงซุ่นยันโต๊ะไว้จับจ้องเธอดวงตาเป็นประกาย นัยน์ตาฉายแววเย้าแหย่ เธอทุบเข้าที่อกของเขาอย่างนึกรำคาญใจ

“ฉันจะลุกแล้ว รีบถอยไปสิ!”

เกลียดที่สุดเลยจงใจทำให้เธออับอาย

เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างชั่วร้ายไม่แม้จะขยับ ทั้งยังจงใจพูดว่า “เหมยเหมยไม่ลูบแล้วเหรอ?”

“ไม่เอา มีอะไรให้ลูบนักหนา ไม่ใช่แค่โปรตีนรวมกับไขมันเหรอ เนื้อหมูก็มีส่วนผสมแบบนี้เหมือนกัน” เหมยเหมยแค่นเสียงแล้วใช้แรงผลักหมาป่าบางตัวออกไป แต่ผลักเท่าไรก็ไม่ขยับจึงได้แต่กัดเข้าที่มือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างโมโห

เหยียนหมิงซุ่นจึงปล่อยไปตามน้ำ ถึงยังไงก็เหมือนอาการคันยุบยิบ แต่ความกล้าของเจ้าปีศาจน้อยนับวันยิ่งมีมากขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเปรียบเทียบเขากับหมู?

รอให้ทานข้าวเสร็จก่อนเถอะ ค่อยอธิบายให้เจ้าปีศาจน้อยฟังถึงความแตกต่างทางสรีระของคนกับหมู!

สมองของเจ้าปีศาจน้อยทำงานได้ไม่ค่อยดีนัก ต้องอธิบายหลายครั้งหน่อย อีกอย่างต้องสอนภาคปฏิบัติด้วยและนั่นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

เมื่อแกล้งภรรยาของตนจนหนำใจแล้ว เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจึงปล่อยตัวเหมยเหมยไป

กับข้าวเย็นหมดแล้ว เหยียนหมิงซุ่นจึงนำไปอุ่นใหม่ใช้เวลาครู่เดียวก็เสร็จ เขายกน้ำแกงถ้วยหนึ่งส่งให้เหมยเหมย พูดเสียงนุ่มนวล “ซดแกงเพื่ออุ่นท้องก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยกินสเต็กเนื้อ พี่ทำปีกไก่น้ำผึ้งไว้ด้วยอีกสักพักก็เสร็จแล้ว”

“อืม ฉันไม่กินสเต็กเนื้อแล้ว เก็บท้องไว้ปีกไก่น้ำผึ้งดีกว่า”

ปีกไก่น้ำผึ้งเลยนะ ของโปรดเธอเลย!

เหยียนหมิงซุ่นหั่นเสต็กเป็นชิ้นเล็กแล้วจิ้มชิ้นหนึ่งขึ้นมาป้อนเธอ เตาอบถึงเวลาที่ตั้งไว้พอดี ปีกไก่สีเหลืองทองอันหอมกรุ่นออกจากเตาแล้ว เหมยเหมยดวงตาเป็นประกายจิ้มหนึ่งปีกขึ้นมากิน

“ค่อย ๆกิน ระวังลวกลิ้นเอา” เหยียนหมิงซุ่นที่เห็นก็เอาแต่ส่ายหน้า ไม่เคยเห็นใครชอบกินปีกไก่ขนาดนี้มาก่อน ของแบบนั้นมีอะไรน่าอร่อยนักเหรอ แทบไม่มีเนื้อด้วยซ้ำ

กินไปสามปีกติดกันท้องก็เริ่มอิ่ม เหมยเหมยหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดมือ พร้อมยกแก้วชนกับเหยียนหมิงซุ่นแล้วดื่มน้ำส้ม พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เธอทำในไม่กี่วันมานี้ รวมทั้งเรื่องที่เธอไปโรงน้ำชาของพี่เฉินมาด้วย

พอได้ยินชื่อพี่เฉิน เหยียนหมิงซุ่นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ฉับพลันก็คายออก

…………………………………………………………….