มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1309

“แข็งแกร่งมาก!”

มีความตะลึงกระพริบผ่านใบหน้าหลัวซิว การโจมตีเมื่อครู่นี้ของเขา เขาได้ดึงพลังกฎความตายที่เขาตระหนักรู้และยึดกุมออกมาถึงขั้นสุดแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซือถูเจิ้งเจี้ยนแล้ว มันกลับน้อยนิดมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึง ถูกกดอัดไปอย่างง่ายดาย

นี่ไม่ได้มีเพียงความแตกต่างทางผลการฝึกตนอย่างเดียวแล้ว แต่สิ่งที่แตกต่างมากกว่าคือแดนกฎ!

ซือถูเจิ้งเจี้ยนเป็นราชาเทพที่ฝึกกฎความตาย ระดับความสูงของแดนกฎของเขาอยู่ในระดับที่สูงมากจนเหลือเชื่อแล้ว แต่หลัวซิวกลับยังไม่ได้รับการยอมรับและยึดกุมกฎความตายดั้งเดิมเลยด้วยซ้ำ ทั้งสองจึงไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบเลย

“ผึง!”

ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินที่อยู่ด้านหลังสยายออก ตามมาด้วยเสียงคำรามมังกรที่ก้องกังวาน เงาร่างของหลัวซิวหายไปในช่วงพริบตา และไปปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปสิบกว่าไมล์

ฟึ่บ!

แสงสีดำที่พุ่งออกมาจากดรรชนีกระบี่ทะลวงปริภูมิ ยิงเข้าไปในห้วงอากาศที่ไม่รู้จัก นี่จึงทำให้หลัวซิวอกสั่นขวัญแขวน หากถูกแสงสีดำเมื่อครู่นี้โจมตีเข้าละก็ ต่อให้ร่างเนื้อของเขาจะสามารถเทียบทัดกับร่างยุทธ์เทพฟ้าได้ เขาก็ต้องบาดเจ็บสาหัสหรือตายคาที่ได้อย่างแน่นอน!

“สมบัติแห่งเทพฟ้าที่มีกฎความเร็วแฝงหรือ?”

ซือถูเจิ้งเจี้ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย“ข้าเริ่มชื่นชมในตัวเจ้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้วล่ะ ผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์กระจอก ๆ แดนกฎก็ไม่สูงนัก แต่ทว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้อาศัยร่างเนื้อที่แข็งแกร่ง พลังโจมตีกลับเทียบเท่ากับเทพฟ้าช่วงกลางแล้ว”

“เสียดายที่เจ้าดึงดันที่จะเป็นศัตรูกับข้า วันนี้ทุกอย่างจึงถูกลิขิตไว้แล้วว่าเจ้าต้องตายอยู่ในเงื้อมมือข้า”

เงาร่างของซือถูเจิ้งเจี้ยนกระพริบระยิบระยับ เดี๋ยวผลุดเดี๋ยวโผล่ ตัวสำนึกไม่สามารถผนึกร่างเขาได้ แต่เขากลับบีบคั้นไปทางหลัวซิวด้วยความเร็วที่เร็วมาก ๆ

“วิญญาณอเวจี”

เขาใช้พลังอมตะพลังหนึ่ง วิญญาณมรณะที่นับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้ามา ดูดุร้ายและสยดสยอง ครอบคลุมไปทั่วพื้นปฐพี จำนวนวิญญาณมรณะมีเยอะมากจนต้องคำนวณนับด้วยหลักหมื่น

ในมุมมองของซือถูเจิ้งเจี้ยน จุดเด่นของผู้น้อยมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็มีเพียงความแข็งแกร่งทางร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่เทียบทัดกับเทพฟ้าได้

อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ในการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์แล้ว แข็งแกร่งเพียงร่างเนื้อนั้นเปล่าประโยชน์ เพราะฝ่ายตรงข้ามสามารถอาศัยผลการฝึกตนที่อยู่เหนือกว่ามากดอัดเจ้าได้ ทำให้ความแข็งแกร่งทางร่างเนื้อของเจ้าไร้ประโยชน์

“สำนักเต๋าเสวียนเทียน!”

ตรงหว่างคิ้วของหลัวซิวแยกออก สำนักเต๋าบินออกมาจากหว่างคิ้วเขา ประตูหินที่ดูโบราณและเรียบง่ายเปิดออก เสียงคำรามของมังกรดังออกมา วิญญาณมรณะยื่นศีรษะที่ใหญ่โตออกมา

เดิมทีมันคิดว่าตัวเองหลุดรอดจากการกดอัดของสำนักเต๋าเสวียนเทียนแล้ว แต่กลับมองเห็นวิญญาณมรณะที่เยอะมากจนต้องคำนวณน้ำด้วยหลักหมื่น มากมายเต็มไปทั่ว มืดฟ้ามัวดิน

วิญญาณอเวจี เป็นพลังอมตะที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนฝึก อาศัยแดนกฎความตายที่เขายึดกุม ถึงแม้ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภามาเผชิญหน้ากับพลังอมตะนี้ ก็อาจจะต้านทานไม่ไหว ผลการฝึกตนและแก่นแท้ทั้งตัวก็จะถูกวิญญาณมรณะที่นับไม่ถ้วนกลืนกินจนไม่เหลือซาก

แต่ทว่าวิญญาณมรณะกลับแตกต่างกัน มันเป็นสิ่งที่กำเนิดมาจากกฎความตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สำหรับมันวิญญาณมรณะกลับเป็นอาหารบำรุงที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว!

“โฮก!”

มันอ้าปากกว้างอย่างดีใจ ราวกับจะกลืนกินฟ้าดิน กลืนกินวิญญาณมรณะที่เยอะมากจนต้องคำนวณนับด้วยหลักหมื่นเข้าไปในท้อง ก่อนจะเรอออกมาอย่างพึ่งพอใจ

“วิญญาณมรณะ สำนักเต๋าเสวียนเทียน?!”สีหน้าของซือถูเจิ้งเจี้ยนดูตะลึงเล็กน้อย

ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงราชาเทพในมหาโลกา ล้วนมีการยึดกุมทรัพยากรในโลกามนุษย์

ยกตัวอย่างเช่นโลกเสวียนเทียนและโลกาอสูรฟ้า ต่างอยู่ภายใต้การควบคุมของซือถูเจิ้งเจี้ยน ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาสามารถล้มล้างสำนักเทียนช่าได้ง่าย ๆ ภายในคำสั่งเดียวนั่นเอง

สำนักเทียนช่าที่อยู่ในโลกเสวียนเทียนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดแล้ว แต่เมื่ออยู่ภายใต้ปณิธานของผู้แข็งแกร่งราชาเทพ ก็ยังคงเปราะบางมาก ๆ อยู่เช่นเคย แค่ดีดนิ้วทีเดียวก็สามารถล้มล้างทั้งสำนักได้แล้ว

สำหรับสำนักเต๋าโบราณที่อยู่ในโลกเสวียนเทียนนั้น ซือถูเจิ้งเจี้ยนก็อยากครอบครองมันมานานมาก ๆ แล้วเช่นกัน มากกว่านั้นคืออดีตเขาก็เคยกดอัดผลการฝึกตนของตัวเองลงมาถึงแดนเทพฟ้าแล้วลงมาโลกามนุษย์เช่นกัน จากนั้นค่อยเข้าไปในโลกเซียนเสวียนเทียน ครั้นนั้นเขาก็ไม่สามารถยึดครองสำนักเต๋านั้นได้เช่นกัน