ตอนที่ 1398: โลกที่ถูกผนึก (3)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1398: โลกที่ถูกผนึก (3)

เจี้ยนเฉินรู้สึกตกใจอย่างยิ่งหลังจากเรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ก่อตั้งตระกูลเจียงหยางและสำนักดาบทรราชจะมีเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาพูดไม่ออกก็คือความจริงที่ว่าปู่ทวดของเขาและกุยไฮ่ยี่เต่าลงมาจากโลกแห่งเซียนจริง ๆ หลังจากที่พวกเขาถูกดูดเข้าไปในรอยแตกของมิติ ซึ่งเกิดจากการต่อสู้ระหว่างราชาเทพบางคน พวกเขามาถึงทวีปเทียนหยวนเพราะโชคช่วย

หากไม่ได้อุโมงค์ที่ปรากฏในช่วงเวลาที่เหมาะสมภายในรอยแตก ปู่ทวดของเขาอาจจะเสียชีวิตที่นั่น

“มีคน 10 คนที่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้และมาอยู่ในทวีปเทียนหยวน เราพยายามหลบหนีจากรอยแตกของมิติได้สำเร็จ แต่เราทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงแต่บาดแผลภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อวิญญาณของเราอีกด้วย เนื่องจากเราได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ประกอบกับบาดแผลในวิญญาณที่เกิดจากบัญญัติของโลกทำให้ระดับการบ่มเพาะของเราลดลงจากขอบเขตดั้งเดิมไปเป็นระดับเซียนจักรพรรดิ”

“ในสิบคนไม่ใช่ว่าทุกคนมาจากกลุ่มนักผจญภัยของข้า แต่เราทุกคนกลายเป็นสหายที่ดีที่สุด หลายทศวรรษต่อมา เราทำการฟื้นฟูร่างกายจนสมบูรณ์ แต่การบาดเจ็บของวิญญาณของเรายังคงอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะบ่มเพาะเพิ่มให้สูงกว่านั้น และเรายังต้องทนต่อความเจ็บปวดจากวิญญาณตลอดเวลา ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้ โชคดีที่พวกเราคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ของนิกายขนาดใหญ่ เขาถูกดูดเข้าไปในหายนะเมื่อเขาออกจากนิกายเพื่อเดินทาง เขาเลือกเสี่ยงต่อการถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศต่อนิกายของเขาและสอนให้เรารู้ทักษะลับในการกลับชาติมาเกิด ด้วยทักษะนี้ การบาดเจ็บของวิญญาณของเราที่เกิดจากบัญญัติก็ค่อย ๆ หมดไป”

“หลังจากเรียนรู้ทักษะลับและก่อนเข้าสู่การเกิดใหม่ เราทุกคนตกลงที่จะสร้างตระกูลของเราเองที่ที่เราจะปล่อยให้วัตถุเซียนที่ร่างกายของเราเลี้ยงดู เรายังผนึกความทรงจำของเราไว้ในอาวุธและเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันถูกกลืนกินไปตามกาลเวลา เราจึงตั้งใจทิ้งทักษะลับที่ทำให้ลูกหลานของเราสามารถบำรุงรักษาวัตถุเซียนในแต่ละรุ่นไว้ได้ นั่นคือวิธีที่วัตถุเซียนยังคงอยู่แม้กระทั่งทุกวันนี้หลังจากสูญเสียเจ้านายของพวกมันไปแล้ว”

“เราได้เกิดใหม่หลายพันครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกิดใหม่และต้องบ่มเพาะไปในแต่ละชีวิตไปจนถึงชีวิตนี้ จากนั้นบาดแผลในวิญญาณของเราก็ถูกลบไปจนหมด วัตถุเซียนของเรารู้สึกถึงตัวเราทันทีที่เรากลายเป็นเซียนราชาและรีบกลับมาจากที่ไกลออกไป ฟื้นความทรงจำของเราให้กลับมาหาเราและช่วยให้เรากลับไปเป็นคนเดิม”

เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดถึงตอนที่กุยไฮ่ยี่เต่ากลายเป็นเซียนราชา ย้อนกลับไปตอนนั้น เขากำลังเดินทางไปยังอาณาจักรแห่งท้องทะเลกับหวงหลวนและเพิ่งตัดผ่านเป็นเซียนราชา เมฆสีรุ้งเจ็ดสีขยายไปทั่วท้องฟ้าและบุคคลที่ตัดผ่านคือกุยไฮ่ยี่เต่า

ในขณะที่เขากำลังตัดผ่าน ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของสำนักดาบทรราชก็พุ่งออกมาโดยไม่มีใครควบคุม มันอนุญาตให้กุยไฮ่ยี่เต่าควบคุมตามที่เขาต้องการ

ในเวลาเดียวกันเขาก็คิดถึงตอนที่หยางลี่เกือบทำให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลเจียงหยางอาละวาดเมื่อตอนที่เขาเข้ามาในบริเวณต้องห้ามของตระกูลเป็นครั้งแรก เขาเกือบทำให้โลกใบจิ๋วล่มสลาย และเนื่องจากเขาเกือบทำให้โลกล่มสลาย เขาจึงทำความผิดร้ายแรง เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลและความสามารถของเขาก็ถูกผนึกไว้เช่นกัน ทำให้เขาไม่สามารถบรรลุขอบเขตเซียนได้ตลอดชีวิต จากมุมมองสิ่งต่าง ๆ ในตอนนี้ อาวุธบรรพบุรุษของตระกูลเจียงหยางต้องรู้สึกว่าเจียงหยางซูหยุนคงเป็นคนที่กลับมาเกิดซึ่งก็คือเจ้านายของมันและฟื้นจากบาดแผลที่วิญญาณของเขาได้รับ ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมมันถึงผิดปกติตั้งแต่ตอนนั้น อย่างไรก็ตามเจียงหยางซูหยุนคงยังอ่อนแออยู่ในตอนนั้น เขายังห่างไกลจากระดับเซียนราชา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดไม่ได้เกิดขึ้น ขั้นตอนที่วัตถุเซียนจะพาเขาไปเป็นเจ้านายอีกครั้งและปลดปล่อยความทรงจำของเขา

เจี้ยนเฉินรู้สึกโชคดีเมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น เจียงหยางซูหยุนคงยังคงเป็นเซียนสวรรค์เป็นเวลาพันปีและเกือบจะถึงจุดจบของชีวิต เขาได้รับความทรมานจากตราประทับ เขาต้องประสบกับความเจ็บปวดทรมานทุกครั้งที่เขาตื่น มีเพียงเสียงเพลงจากพิณของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เท่านั้นที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเขาได้เล็กน้อย หากเขาไม่ได้พบกับเจี้ยนเฉิน เขาอาจต้องตายเพราะสิ้นอายุขัย

ความเกลียดชังของเจี้ยนเฉินที่มีต่อเจียงหยางชิงหยุนลึกซึ้งยิ่งขึ้นเมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเกือบจะฆ่าบรรพบุรุษของตัวเอง

“หลานชายที่รัก ตอนนี้เจ้าพูดถึงมัน เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้จริง ๆ หากข้าไม่ได้พบเจ้าในช่วงเวลาสุดท้าย ข้าอาจจะต้องจากโลกไปตลอดกาลและจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกในช่วงชีวิตนี้” หยางลี่ยิ้มให้เจี้ยนเฉิน เขารู้สึกรักและผูกพันธ์กับหลานชายที่ยิ่งใหญ่ของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

“หยางลี่ ข้าจะไม่อิจฉาเจ้ามากไปกว่านี้เพราะความประทับใจในสายเลือดของเจ้า” กุยไฮ่ยี่เต่ายิ้มกว้าง เขาหมายความอย่างที่พูกจากก้นบึ้งของจิตใจ ในขณะนั้นเขาก็หวังว่าสำนักดาบทรราชจะมีผู้สืบทอดที่พิเศษอย่างเจี้ยนเฉินบ้าง

เจี้ยนเฉินยิ้มและรู้สึกสบายใจ “ท่านปู่ทวด ข้าขอถามว่าท่านวางแผนลงโทษเจียงหยางชิงหยุนและคนอื่น ๆ ที่ปฏิบัติต่อท่านเช่นนั้นในอดีตหรือไม่ ? ข้าไม่เห็นผู้คนจากสาขาชิงและสาขาหยวนในสงครามการต่อสู้กับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งสักคนเลย”

ความโกรธทำให้ใบหน้าของหยางลี่ท่วมท้นทันทีเมื่อเขาได้ยินเรื่องนั้น “อย่าเอ่ยถึงเชื้อสายที่ไม่ได้เรื่อง อกตัญญู ตอนที่ข้าเพิ่งกู้คืนความทรงจำและบอกตัวตนของตัวเอง พวกอกตัญญูเหล่านั้นพยายามที่จะจัดการข้าแม้จะมีสถานะต่ำกว่า พวกมันกล้าดีแค่ไหน ? ”

กุยไฮ่ยี่เต่าตบไหล่ของหยางลี่และกล่าวว่า “หยางลี่ โลกแห่งเซียนโหดเหี้ยมกว่าทวีปเทียนหยวนมาก เจ้าควรมองข้ามบางเรื่องที่เจ้าประสบ ลองเทียบมันกับความโหดเหี้ยมของโลกแห่งเซียนได้หรือไม่ ? มันเพียงพอแล้ว มาลืมเรื่องอดีตที่ไม่มีความสุขกันเถอะ อย่าลืมเหตุผลหลักว่าทำไมเราถึงเรียกเจี้ยนเฉินมาในเวลานี้” กุยไฮ่ยี่เต่าหันมามองเจี้ยนเฉินด้วยความสนใจ “เจี้ยนเฉิน นอกเหนือจากการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเรา เราเรียกเจ้ามาคราวนี้เพราะเรามีสิ่งสำคัญที่จะถามเจ้า”

“โปรดถามมาได้เลยท่านผู้อาวุโส ข้าจะตอบท่านทุกสิ่งที่ข้ารู้” เจี้ยนเฉินประสานมือให้กับพวกเขา อย่างไรก็ตามเขารู้สึกไม่สบายใจข้างใน หยางลี่และกุยไฮ่ยี่เต่ามาจากโลกแห่งเซียน เขาสงสัยว่าพวกเขารู้เกี่ยวกับความลับของกระบี่ม่วงฟ้าหรือไม่ ?

“เจี้ยนเฉิน ตอนนี้เจ้าเป็นเซียนจักรพรรดิหรือว่าเจ้าไปถึงระดับขอบเขตดั้งเดิมแล้ว ? ” กุยไฮ่ยี่เต่าถาม เขาเป็นคนเคร่งขรึมและแม้แต่หยางลี่ก็มองเจี้ยนเฉินอย่างจริงจัง ราวกับว่าพวกเขาใส่ใจคำตอบของคำถามมาก

เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่ากุยไฮ่ยี่เต่าจะถามอะไรแบบนั้น หลังจากหยุดชั่วครู่ชั่วคราวเขากล่าวว่า “ข้าควรเป็นเซียนจักรพรรดิแต่เพราะอาวุธสองอย่างที่ข้าใช้ ความแข็งแกร่งที่ข้าสามารถแสดงได้นั้นยิ่งใหญ่กว่าที่ข้ามี ในเวลาเดียวกันข้าเดินไปตามเส้นทางการบ่มเพาะที่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับผู้คนในทวีปเทียนหยวน ข้าฝึกฝนพลังที่มีพลังยิ่งกว่าพลังเซียน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ข้ามีความแข็งแกร่งของคนในระดับขอบเขตดั้งเดิม”

จริงรึ ? ข้าก็คิดไปว่ามีบางคนที่สามารถเอาชนะขีดจำกัดของผนึกและไปถึงขอบเขตดั้งเดิม ดูเหมือนว่าเจ้าก็ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้” กุยไฮ่ยี่เต่าพูดพึมพำ เขาค่อนข้างหดหู่

“เฮ้อ ” หยางลี่หายใจออกเบา ๆ เขากล่าวว่า “ข้าเองก็คิดไปว่าเรามีความหวัง แต่มันก็แค่ทำให้ผิดหวัง”

เจี้ยนเฉินจ้องทั้งสองคนด้วยความสับสน เขาถามว่า “ผู้อาวุโส ท่านหมายถึงอะไรที่ว่า “โลกที่ถูกผนึก ? ” และท่านคาดหวังอะไร ? ”

กุยไอ๋ยี่เต่าจ้องท้องฟ้า ดวงตาของเขาลึกซึ้งแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกไร้อำนาจ เขากล่าวว่า “เจี้ยนเฉิน เจ้าอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่โลกนี้ถูกผนึกไว้จริง ๆ มีผนึกที่ทรงพลังอย่างมากอยู่นอกมิติ ป้องกันไม่ให้ผู้คนไปถึงขอบเขตดั้งเดิม ตราบใดที่ผนึกยังอยู่ โลกนี้จะไม่สามารถให้กำเนิดจอมยุทธ์ขอบเขตดั้งเดิมได้”