บทที่ 2150 คนกตัญญู

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เรื่องบางเรื่องคนที่อยู่ในสถานการณ์มักเลอะเลือน ส่วนคนที่อยู่ข้างนอกเห็นชัดเจน คำกล่าวนี้ไม่ผิดเลยสักนิด หยางชิ่งนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าสองแม่ลูกจะมองเขาเป็นคนฉลาดล้ำเลิศอะไร ยิ่งนึกไม่ถึงด้วยว่าสองแม่ลูกคิดจะดึงตัวลูกน้องของหนิวโหย่วเต๋อไป

ไม่ใช่ปัญหาว่าคิดถึงหรือคิดไม่ถึง แต่ไม่ได้คิดไปทางด้านนั้นเลย คนที่สมองแจ่มชัดหน่อยก็น่าจะรู้ ว่าสองแม่ลูกมีอะไร? ไม่ว่าจะเป็นอำนาจหรือแนวโน้มสถานการณ์ก็ล้วนไม่อยู่ฝั่งพวกเขา แม้แต่ทรัพยากรที่อยู่ในมือก็ล้วนเป็นอ๋องสวรรค์ของทัพใต้ที่ให้เขา ส่วนความสามารถของสองแม่ลูกก็น่ากังวล ไม่ใช่พวกมังกรทะยานฟ้า ยากที่จะมีอนาคตอะไรได้ ไม่ใช่พวกที่ใจกว้างยอมรับคนอื่นด้วย คนที่สมองมีปัญหาเท่านั้นถึงจะไปขอพึ่งพาพวกเขา

ภายใต้ปัจจัยต่างๆ ที่ไม่ดี พวกเขาเองจะยืนหยัดอยู่ได้หรือไม่ก็ยังเป็นปัญหาเลย หยางชิ่งจะไปคิดถึงทางด้านนั้นได้อย่างไร

เพราะว่าคนพวกนี้มองไม่เห็นตัวเองชัดเจน ปัจจัยที่ไม่ดีต่างๆ ล้วนเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ยุติธรรม พวกไม่เคยคิดถึงปัญหาที่มาจากตัวเองเลย ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ แม้สองแม่ลูกจะรู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองไม่ดี แต่ในส่วนลึกก็ยังสำคัญตัวเองผิดมากเกินไป นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าอัตตาสูง

จู่ๆ ชิงหยวนจุนก็ถามอย่างนี้ ทำให้หยางชิ่งอึ้งอยู่บ้าง ในใจพึมพำว่า เจ้าหมอนี่ไม่อยากแก้ไขวิกฤต แต่กลับมาถามสิ่งนี้ อย่าบอกนะว่ามีแนวคิดอะไร? อดไม่ได้ที่จะกุมหมัดคารวะถาม  “ยินดีฟังความเห็นอันสูงส่งขององค์ชาย!”

ชิงหยวนจุนก็อึ้งเช่นกัน บอกทันทีว่า “ผู้ที่ไม่คำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม มิอาจปกครองดินแดน ผู้ที่ไม่ได้ผ่านมาหลายยุค มิอาจวางแผนเรื่องตรงหน้าได้ หากท่านบุรุษยืนอยู่ในมุมของข้า อย่าบอกนะว่าไม่มีความเห็นอะไรเลย?”

หยางชิ่งกลุ้มใจนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่จะพูดจาสำบัดสำนวนทำไม ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะพลิกแพลงสถานการณ์ด้วยซ้ำ จะโยงไปไกลขนาดนั้นทำไม? จึงถามโดยตรงว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายหรือขอรับ?”

“เอ่อ…” ชิงหยวนจุนสะอึกพอสมควร ถามกลับว่า “หรือว่าไม่เกี่ยวกันล่ะ?”

สถานการณ์คุมเชิงด้านนอกก็ยังไม่รู้ว่าจะคลี่คลายเมื่อไร หยางชิ่งไม่มีเวลามาพูดจาจอมปลอมอย่างนี้ จึงบอกตรงๆ เลยว่า “สถานการณ์ภาพรวมหรือการผ่านมาหลายยุคอะไรล้วนไม่เกี่ยวกับองค์ชาย ถ้าองค์ชายไม่มีแม้แต่ที่ยืนเพื่อเป็นรากฐาน ยังจะพูดเรื่องสถานการณ์ภาพรวมหรือเหตุการณ์หลายยุคอีกทำไม ผ่านวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นตรงหน้าให้ได้ก่อนต่างหากคือเรื่องสำคัญที่สุด สิ่งที่ไม่สอดคล้องกับความจริงพวกนั้นล้วนไม่ใช่สิ่งที่องค์ชายควรพิจารณา”

ชิงหยวนจุนถูกว่าจะรู้สึกอับอายนิดหน่อย ความคิดที่จะร้องเพลงเสียงสูงที่คนไม่นิยม[1]ฟังถูกโจมตีกลับคืนสู่สภาพเดิมทันที ในใจรู้สึกไม่ค่อยสบาย แต่ก็ยังต้องขอคำชี้แนะอย่างไม่มั่นใจ “ยินดีฟังความเห็นอันสูงส่งของท่านบุรุษ!”

หยางชิ่งบอกตรงๆ ว่า  “หลังจากท่านอ๋องรู้สถานการณ์จากเหนียงเหนียง สืบรายละเอียดมาแล้วเล็กน้อย คาดว่าข่าวที่เหนียงเหนียงได้ยินมาอาจจะเป็นความจริง มีความเป็นไปได้สูงว่าจ้านหรูอี้อาจจะมีทายาทให้ฝ่าบาทแล้ว แต่ตอนนี้แค่ยังไม่เปิดเผยความลับเท่านั้นเอง สำหรับองค์ชายแล้ว ความหมายลึกล้ำที่แฝงอยู่ในนั้นน่ากลัวที่สุด อาจจะเป็นวิกฤตที่องค์ชายต้องเผชิญเช่นกัน! ท่านอ๋องได้รับเมตตาจากเหนียงเหนียง ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยองค์ชายตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่ก็ไม่อาจนิ่งดูดายต่อองค์ชายได้ ถึงได้ส่งข้าน้อยมาหาองค์ชาย ให้คอยเป็นคนกลางช่วยเหลือให้ท่านอ๋อง!”

พอได้ยินว่าจ้านหรูอี้อาจจะให้กำเนิดทายาทไว้แล้ว ในใจของชิงหยวนจุนก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น กำหมัดสองข้างแน่น พยายามข่มไฟโกรธเอาไว้ ไม่ระบายความเคียดแค้นออกมาให้หยางชิ่งเห็น ว่ากันตามตรง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ สงสัยในการกระทำนี้อยู่บ้าง “อ๋องสวรรค์หนิวช่วยข้าขนาดนี้ มีผลดีอะไร?”

หยางชิ่งยังรับมือกับเขาได้อย่างมั่นใจไม่เปลืองแรง โบกมือบอกว่า “ไม่ใช่ว่ามีผลดีหรือหรือไม่มีผลดีอะไรหรอก ถ้าจะบอกว่ามีผลดีอะไร ก็พูดอย่างนี้แล้วกัน ท่านอ๋องกับจ้านหรูอี้ไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในอดีตเคยจับจ้านหรูอี้แขวนไว้บนเสาธง ได้รับความอัปยศที่สุด ตระกูลอิ๋งล้มแล้ว จ้านหรูอี้ตกต่ำจนเท่าทุกวันนี้ ท่านอ๋องก็ยิ่งหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ เรื่องนี้ทุกคนรู้กันหมด ถ้ามีคนมาแทนที่องค์ชายเมื่อไหร่ หากท่านนั้นได้ขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ในอนาคต ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ท่านนั้นนึกถึงความอัปยศในอดีตที่เคยถูกท่านอ๋องจับแขวนบนเสาธง มีหรือที่จะทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้? ในใจจะต้องเคียดแค้นท่านอ๋องแน่นอน ดังนั้นสำหรับท่านอ๋องแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะทนมองจ้านหรูอี้ขึ้นสู่ตำแหน่งราชินี และไม่มีทางทนมองลูกชายของจ้านหรูอี้มาแทนที่องค์ชายได้เช่นกัน ต่อให้ไม่มีผลประโยชน์อะไร ท่านอ๋องก็ต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้อยู่ดี! อย่างที่องค์ชายเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ นี่ต่างหากที่เรียกว่า ผู้ที่ไม่คำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวม มิอาจปกครองดินแดน ผู้ที่ไม่ได้ผ่านมาหลายยุค มิอาจวางแผนเรื่องตรงหน้าได้!”

ชิงหยวนจุนเข้าใจกระจ่างในทันที หินก้อนสุดท้ายในใจถูกปล่อยลงพื้นแล้ว ไม่ผิดหรอก อาศัยแค่ความขัดแย้งระหว่างหนิวโหย่วเต๋อกับจ้านหรูอี้ อีกฝ่ายจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อหยุดยั้งไม่ให้จ้านหรูอี้ผงาดขึ้นมา ในบรรดาอ๋องสวรรค์ ก็มีแค่หนิวโหย่วเต๋อที่กลัวว่าจ้านหรูอี้จะผงาดขึ้นมาที่สุด!

ตอนยังไม่มีใครเปิดเผยก็ยังหวาดระแวง แต่พอมีคนเปิดเผยจุดนี้แล้วก็พบว่าไม่ซับซ้อนเลย ชิงหยวนจุนพบว่าก่อนหน้านี้ตัวเองมัวคำนึงถึงผลได้ผลเสีย มัวคิดมากขนาดนั้นไปก็ช่างไร้ประโยชน์ เพราะปัญหาก็เรียบง่ายเท่านี้เอง

ตอนนี้ชิงหยวนจุนรู้สึกแค้นจนกัดฟันกรอด แค้นจ้านหรูอี้อย่างถึงที่สุด ถามว่า “ฟังจากความหมายที่ท่านบุรุษพูด ฝ่าบาทมีความคิดที่จะถอดตำแหน่งของข้าแล้วเหรอ?”

หยางชิ่งตอบว่า “ไม่ว่าฝ่าบาทมีความคิดจะปลดตำแหน่งองค์ชายหรือไม่ แต่วิกฤตก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว ท่านอ๋องไม่มีทางนิ่งดูดาย รอให้เรื่องเกิดขึ้นจนจัดการสถานการณ์ไม่ได้แล้วค่อยลงมือ องค์ชายก็ควรป้องกันไว้ล่วงหน้าเช่นกัน ถ้ารอให้ฝั่งจ้านหรูอี้กลั่นแกล้งจริงๆ เกรงว่าถึงตอนนั้นต่อให้องค์ชายมานึกเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว!”

ชิงหยวนจุนเห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง กุมหมัดคารวะขอคำชี้แนะ  “ป้องกันไว้ล่วงหน้ายังไง?”

“อำนาจทางทหาร!” หยางชิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “ตราบใดที่องค์ชายสามารถกุมอำนาจทางทหารของทัพใหญ่แดนรัตติกาลไว้ในมือได้อย่างแน่นหนา ถ้ามีกำลังพลกลุ่มนั้นอยู่ในมือ ฝ่าบาทจะต้องไม่กล้าเอ่ยเรื่องปลดตำแหน่งง่ายๆ แน่นอน ไม่อย่างนั้นก็จะบีบให้องค์ชายก่อกบฏ ผลที่ตามมานั้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านชื่อเสียงบารมีหรือความเป็นจริง ฝ่าบาทก็รับไม่ไหวทั้งนั้น!”

ชิงหยวนจุนขมวดคิ้ว เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาในห้องสมาธิ สุดท้ายก็หยุดเดิน แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าถอนหายใจยาว “ท่านบุรุษพูดเกินไปแล้ว ข้าจะไม่รู้ได้ยังไงว่าอำนาจทางทหารสำคัญ ยังไม่ต้องพูดถึงความลำบากใจของเรื่องนี้ ถ้าข้าทำอย่างนี้จริงๆ เกรงว่าจะทำให้เสด็จแม่ที่อยู่ในวังลำบากไปด้วย!”

หยางชิ่งก้าวขึ้นมาโน้มน้าว “องค์ชายกล่าวไม่ถูก ตราบใดที่ตระกูลเซี่ยโห้วยังอยู่ ฝ่าบาทก็ไม่กล้าแตะต้องราชินีสวรรค์ซี้ซั้วหรอก!”

ชิงหยวนจุนหันตัวกลับมาบอกว่า “แตะต้องนั้นไม่กล้าแตะต้องหรอก แต่หยามศักดิ์ศรีเหมือนอดีตนั้นเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเอาแต่ดูเสด็จแม่ถูกหยามศักดิ์ศรีอยู่ในวัง แต่ข้ากลับไม่สนใจ จะทำตัวไม่สมกับเป็นลูกชายหรือเปล่า?”

“องค์ชาย…” หยางชิ่งกล่าว

เขายังคิดจะพูดอะไรอีก แต่ชิงหยวนจุนกลับยกมือห้ามไว้ “ไม่ต้องพูดอีกแล้ว นอกเสียจากจะช่วยเสด็จแม่ออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นก็ทำเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด นั่นจะทำให้เสด็จแม่ทรมานอยู่ท่ามกลางไฟและน้ำ!”

คำนึงถึงมารดานั่นก็เรื่องหนึ่ง อีกสาเหตุหนึ่งก็คืออยากให้หยางชิ่งเห็นว่าตนเป็นคนกตัญญูรู้คุณ ควรค่าที่จะร่วมงานด้วย

หยางชิ่งพึมพำในใจว่า ไม่มีความสามารถอย่างอื่น แต่การเสแสร้งตีหน้าซื่อกลับเรียนรู้ได้แปดเก้าส่วน ถ้ามีจิตใจอย่างนั้นจริง ก็ไม่ต้องแยแสตำแหน่งราชันสวรรค์แล้ว

แต่ในเมื่อชิงหยวนจุนพูดถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่สะดวกจะโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเลิกกตัญญู ถ้าทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นคนทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการเพื่อตัวเองจริงๆ เกรงว่าจะทำให้ถูกสงสัย ภารกิจในครั้งนี้ของเขาสำคัญมาก ทำผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ก็พยักหน้าเบาๆ “ที่องค์ชายพูดก็มีเหตุผล เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะติดต่อท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ให้ท่านอ๋องหาทางช่วยราชินีสวรรค์ออกมาจากวัง”

ชิงหยวนจุนตาเป็นประกาย “ทำได้จริงเหรอ?” มารดาถูกกักบริเวณอยู่ ในใจเขารู้สึกทรมานจริงๆ อยากจะช่วยมารดาให้พ้นจากทะเลทุกข์ในเร็ววัน จึงพูดเสริมอีกว่า “กลัวก็แต่เสด็จแม่จะไม่ยอมออกจากวังสวรรค์น่ะสิ!” ก่อนหน้านี้เขาเคยโน้มน้าวแล้ว แต่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่ยอมไป ดึงดันจะเสียเวลาอยู่ที่นั่นให้ได้

“ให้ท่านอ๋องลองดูก่อนก็ได้!” หยางชิ่งกล่าวช้าๆ ไม่ได้พูดจากหนักแน่นเกินไป เขาเองก็รู้ว่าอาศัยเหมียวอี้ไม่มีทางพาเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกจากวังสวรรค์ได้ แต่สามารถให้ตระกูลเซี่ยโห้วหาข้ออ้างสักอย่างก็ได้ ถ้าพาเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกมาแล้ว ชิงหยวนจุนอาจจะโน้มน้าวตระกูลเซี่ยโห้วไม่ได้ผล แต่ท่านอ๋องสามารถทำได้แน่นอน ขอเพียงท่านอ๋องหาทางโน้มน้าวเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ก็พอ  อาศัยความสามารถของท่านอ๋อง คงไม่มีเหตุผลที่ทำให้โน้มน้าวไม่สำเร็จ

ชิงหยวนจุนกล่าวอย่างดีใจว่า “แบบนี้ก็ดีมาก!”

ทั้งสองตกลงกันตามนี้ และหยางชิ่งก็หลบอยู่ในห้องสมาธิของเขาชั่วคราว

รอให้ชิงหยวนจุนเดินออกไปแล้ว หยางชิ่งก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้ทันที บอกเงื่อนไขของชิงหยวนจุนให้รู้

เหมียวอี้ที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือขมวดคิ้ว ลอกว่า : เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกมาไม่ได้แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเขาล่ะ จะทำเรื่องยุ่งยากแบบนี้ไปทำไม ประมุขชิงยังไม่ถึงขั้นปลดตำแหน่งราชินีสวรรค์เพราะเขา การที่ประมุขชิงไม่ปลดราชินีก็เพราะมีตระกูลเซี่ยโห้วอยู่ เขาคิดว่าเขาเป็นใคร มีความสำคัญสักแค่ไหนเชียว? ถ้าเขามีความสามารถยืนด้วยตัวเองได้ ประมุขชิงก็ยังไว้หน้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่อยู่บ้าง มารดาสูงส่งได้เพราะลูกชาย ในวังจะได้มีคนช่วยพูดให้นางเพิ่ม แค่หลักการคายอำนาจแบบนี้ยังไม่รู้จักอีกเหรอ?

หยางชิ่ง : เขากลัวว่ามารดาจะได้รับความลำบากอยู่ในวัง…ท่านอ๋อง ข้าน้อยลองคิดดูแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ดังนั้นจึงไม่ได้ห้าม

เหมียวอี้ : หมายความว่ายังไง?

หยางชิ่ง : ถ้าให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โผล่หน้าอยู่ที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลอย่างเปิดเผย ก็เป็นเวลาที่ประมุขชิงจะสงสัยและบีบให้ชิงหยวนจุนส่งมอบอำนาจทางทหารออกมา!

เหมียวอี้ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจกระจ่างทันที เข้าใจถึงควมเชื่อมโยงที่ร้ายแรงแล้ว ตอบทันทีว่า : ดี! ข้าจะรีบจัดการเรื่องนี้!

ความเคลื่อนไหวนี้ได้ผลดีมาก ชิงหยวนจุนโน้มน้าวเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่สำเร็จ แต่เหมียวอี้กลับจัดการได้อย่างง่ายดาย ฝั่งตระกูลเซี่ยโห้วก็ดำเนินการอย่างรวดเร็ว

ท่าทีที่ตระกูลเซี่ยโห้วมีต่อวังสวรรค์ก็คือ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่พอใจที่ถูกกักบริเวณ บอกว่าตระกูลเซี่ยโห้วมีคนฉลองงานวันเกิด หวังว่าจะรับราชินีสวรรค์กลับมาเยี่ยมญาติที่บ้าน ต้องการจะช่วยเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกจากที่กักบริเวณ

ประมุขชิงเข็นเรือไปตามน้ำเช่นกัน ถึงอย่างไรเรื่องของจ้านหรูอี้เขาก็เป็นฝ่ายไม่มีเหตุผล แต่จ้านหรูอี้ถูกรังแก เขาก็อยากจะให้คำชี้แจงกับจ้านหรูอี้อีก สาเหตุหลักเป็นเพราะเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก่อเรื่องรุนแรงเกินไป แต่เขาก็ไม่สะดวกจะปล่อยเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกไปเร็วขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นจะเสียหน้า แต่ก็ไม่สะดวกจะไม่ไว้หน้าตระกูลเซี่ยโห้ว จึงอนุญาตให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ออกจากวังสวรรค์เยี่ยมญาติ รอจนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่กลับมา การทำโทษที่เรียกว่ากักบริเวณก็ย่อมไม่มีอยู่แล้ว ทุกคนล้วนมีบันไดลง

ส่วนจะกลับมาหรือไม่นั้น เขาไม่ได้กังวลในด้านนี้เลย ตระกูลเซี่ยโห้วส่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่มาแต่งงานกับเขาเพื่ออะไรล่ะ? ต่อให้ตระกูลเซี่ยโห้วจะมีเรื่องอะไรอีก เขาก็ไม่ถึงขั้นจับภรรยาที่ผูกปมผมกับตัวเองมาเป็นตัวประกัน ถึงตอนนั้นต่อให้ตัวเองมีเหตุผล แต่ก็จะโดนคนอื่นดูถูกอยู่ดี

จวนท่านปู่สวรรค์ สวนต้องห้าม ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า ชีเจวี๋ยเดินมาข้างหลังเฉาหม่านแล้วรายงานว่า “นายท่าน เหนียงเหนียงถูกส่งตัวออกจากแดนรัตติกาลแล้ว!”

เฉาหม่านเงียบไป แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าถอนหายใจเบาๆ “นายท่านใหญ่คิดจะทำอะไรกันแน่? หรือเกิดความคิดจะเปลี่ยนประมุขของใต้หล้าอีกแล้ว?”

ชีเจวี๋ยโน้มน้าวอยู่ข้างๆ “นายท่านใหญ่มีความคิดลึกล้ำมองการณ์ไกล ไม่ใช่คนเลอะเลือน แม้จะทำอย่างนี้แล้ว ก็จะต้องมีเหตุผลแน่นอน…ขอกล่าวสิ่งที่ไม่น่าฟัง ช่วงนี้นายท่านใหญ่เคลื่อนไหวถี่มาก อาจจะกำลังเตรียมสั่งเสียขอรับ!”

เฉาหม่านได้ยินแล้วพยักหน้าเบาๆ ที่จริงเขาก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน ยิ่งท่านพ่อทำอย่างนี้ ก็ยิ่งแสดงว่าอายุขัยใกล้เข้ามาถึงแล้ว เขายิ่งไม่กล้าอกตัญญู ยิ่งไม่กล้าทำเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านพ่อคิดมาก ในใจเขาค่อนข้างเฝ้าคอย รอคอยวันที่จะได้เป็นหัวหน้าตระกูลอย่างแท้จริง เขาหลบอยู่ในที่มืดมานานหลายปีแล้ว…

…………………………


[1] ร้องเพลงเสียงสูงที่คนไม่นิยมฟัง 曲高和寡 อุปมาว่า อุปมาถึงอุดมการณ์สูงส่ง แนวคิดลึกล้ำเกินไป ทำให้ยากต่อการเข้าใจและไม่มีใครอยากฟัง