ตอนที่ 1998 พลังที่เกินกว่าระดับห้านิพพาน

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1998 พลังที่เกินกว่าระดับห้านิพพาน

 

ใช่ว่าหลิงฮันจะไม่เคยพบเจอปรมาจารย์ยุทธที่ทรงพลังมาก่อน มีจอมยุทธหลายคนที่สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย เพราะมีพลังบ่มเพาะที่สูงกว่า แต่หากเป็นในระดับพลังเดียวกัน หรือ ใกล้เคียงล่ะก็ เขาไม่เคยพ่ายแพ้ใครมาก่อน

 

จี่อู๋หมิงผู้นี้คือคนแรก

 

หลิงฮันมั่นใจว่าตนเองขัดเกลาทุกระดับพลังจนถึงขีดกําจัดสูงสุด จนไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้แล้ว

 

เพราะงั้นไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่สมควรอ่อนแอกว่าจี่อู๋หมิง

 

เพียงแต่ว่าความนั้นช่างโหดร้าย พลังต่อสู้ของเขาไม่สามารถเทียบกับจี่อู๋หมิงได้ หากไม่ใช่ เพราะเขาบ่มเพาะทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรัน สังหารไปหลายครั้งแล้ว

 

หลิงฮันพยุงร่างให้มั่นคง และจับไปที่ท้ายทอยศีรษะ การโจมตีเมื่อครู่ของจีอูหมิงแทนจะบดขยกะโหลกของเขาได้

 

หลิงฮันคาดเดาว่า เหตุผลที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดนี้ ย่อมเป็นเพราะสามารถใช้พลังที่อยู่เหนือระดับห้านิพพานได้

 

เขารีบโคจรอํานาจของอสนีบาตชําระล้างโลกา ทําให้รอยยุบบนกะโหลกศีรษะถูกฟื้น ฟูสภาพในทันที

 

“คนที่ครอบครองวาสนาเช่นเจ้า ช่างจัดการได้ยากเย็นเสียจริง!” จี่อู๋หมิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพุ่งทะยานร่างเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ฮูหนิว

 

“ตัวอัปลักษณ์ หนิวจะทุบตีเจ้าให้ตาย!” ฮูหนิวตะโกนเสียงดัง เจ้าดูถูกหนิวงั้นรึ ถึงได้เลือกจู่โจมหนิวหลังคนอื่น?

 

ฮูหนิวคําราม ร่างเงาของมัจฉาวายุภักษ์ปรากฏออกมาจากด้านหลังของนาง

 

“หากเจ้าเป็นร่างกําเนิดใหม่ของอ่อน ข้าก็จะยอมไว้ชีวิต แต่น่าเสียดายได้ภายในร่างของเจ้ามีเพียงเจตจํานงยุทธของนางประทับเอาไว้เท่านั้น” จี่อู๋หมิงกล่าว “จงถูกข้ากลืนกินเสียเถอะ!”

 

เขาผลักฝ่ามือใส่ฮูหนิว

 

“เจ้าทําให้หนิวโกรธแล้ว!” ฮูหนิวกวัดแกว่งหมัดทั้งสองตอบโต้ ร่างเงามัจฉาวายุภักษ์มีตราประทับที่ส่องประกายพรั่งพรูออกมาทีละอัน และปลดปล่อยกลิ่นอายที่ราวกับจะบดขยี้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าออกมา

 

จี่อู๋หมิงไม่แยแสแม้แต่น้อย สองมือของเขาทั้งผลักฝ่ามือ ปล่อยกําปั้น และจู่โจมในรูปแบบต่างๆ มากมายอย่างสมบูรณ์แบบ ทําให้ร่างเงาของมัจฉาวายุภักษ์ถูกกําราบอย่างง่ายดาย ฮูหนิวจึงต้องรับมือการโจมตีด้วยพลังของนางเพียงอย่างเดียว

 

ไร้เทียมทานสมกับเป็นร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ระดับเก้า!

 

หลิงฮันและยี่คําราม ทั้งสองคนพุ่งโจมตีใส่จี่อู๋จากทั้งด้านซ้ายขวา

 

จี่อู๋หมิงแสยะยิ้ม ก่อนที่ร่างของเขาจะสั่นไหวเล็กน้อย และมีร่างอีกสองร่างแยกออกมาจาก ร่างกายของเขา และร่างแยกทั้งสองนี้ ได้เคลื่อนไหวตอบโต้การโจมตีของหลิงฮันและยี่

 

ความสามารถเหมือนกันการแยกร่างของจักรพรรดินี่งั้นรึ?

 

หลิงฮันปะทะกับร่างแยก และพบว่าร่างแยกนี้คือจี่อู๋หมิงจริงๆ

 

ไม่ว่าจะเป็นออร่า หรือพลังต่อสู้ร่างแยกนี้เหมือนกับจี่อู๋หมิงไม่มีผิดเพี้ยน

 

ร่างตรงหน้าเขาไม่ใช่ร่างแยก

 

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเขาในทันที… ดวงวิญญาณ!

 

หลังจากบรรลุระดับแบ่งแยกวิญญาณแล้ว ดวงวิญญาณของจอมยุทธจะแบ่งออกเป็นสี่ดวง คือดวงวิญญาณหยิน ดวงวิญญาณหยาง ดวงวิญญาณปฐพี และดวงวิญญาณสวรรค์ ดวงวิญญาณทั้งสี่คือสิ่งที่ถอดออกมาจากร่างหลัก เพราะงั้นแก่นแท้ของพวกมันจึงไม่มีความแตกต่างใดๆ กับร่างหลัก

 

เพียงแต่จี่อู๋หมิงยังมีพลังอยู่ในระดับโลกียนิพพานแท้ๆ!

 

ตามหลักทฤษฎีแล้ว การถอดดวงวิญญาณเช่นนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ เพียงแต่ช่วงชีวิตที่แล้วของจี่อู๋หมิงนั้นเคยเป็นราชานิรันดร์ แถมยังเป็นตัวตนที่สูงสุดถึงราชานิรันดร์ระดับเก้าด้วย จึงไม่น่าแปลกใจอะไร ที่อีกฝ่ายจะสามารถทําลายกฎเหล็กของระดับพลัง และมีความสามารถพิเศษเหนือใคร

 

ตูม!

 

หลิงฮันแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับดวงวิญญาณของจี่อู๋หมิง โดยที่ดวงวิญญาณสามารถคงสภาพอยู่ได้ไม่นานเท่านั้น ก็สลายหายไปเอง

 

หลิงฮันเข้าใจทันทีว่า ถึงแม้จี่อู๋หมิงจะใช้ความสามารถของระดับแบ่งแยกวิญญาณได้ แต่ชีวิตที่แล้วของเขาก็ยังเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า ที่อยู่ภายใต้กฏของสวรรค์และปฐพี ทําให้ความสามารถที่ใช้ได้มีขีดจํากัด

 

ในอีกด้าน ยี่เองก็เข้าปะทะกับดวงวิญญาณของจี่อู๋หมิงเช่นกัน

 

จี่อู๋หมิงใช้โอกาสนี้ลงมือกําราบฮูหนิว

 

ซึ่งผ่านไปเพียงไม่กี่กระบวนท่า ฮูหนิวก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หลิงฮันพยายามเข้าใกล้จี่อู๋หมิง แต่ดวงวิญญาณที่สลายไปแล้วของจี่อู๋หมิง ก็กลับปรากฏออกมาอีกครั้ง และถ่วงเวลาเขาเอาไว้ไม่รู้

 

เมื่อเห็นว่าฮูหนิวใกล้จะรับมือไม่ไหว หลิงฮันก็ใช้พลังของหอคอยทมิฬอีกครั้ง เพื่อสับเปลี่ยนตําแหน่งกับนาง

 

จี่อู๋หมิงไม่รู้สึกประหลาดใจ แต่กลับเผยสีหน้าแสยะยิ้ม “ข้ากําลังรอเจ้าอยู่เลย!” เขาปล่อยหมัดเขาเข้าใส่ห้วงจิตวิญญาณหลิงฮัน ครืนน” คลื่นแสงนิรันดร์เก้าแสง พรั่งพรูออกมาพร้อมกับแปรเปลี่ยนกลายเป็นดาบและพุ่งโจมตี

 

หลิงฮันรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง และรับรู้ได้ว่าดาบตรงหน้านี้มีอํานาจมากพอจะสังหารเขาได้

 

เขารีบโคจรพลังของแก่นกําเนิดนิรันดร์ “ตูม” ร่างของเขาระเบิดกลุ่มก้อนเปลวเพลิงที่อัดแน่นไปด้วยตราประทับแห่งบรรพกาลออกมา จนเกิดเป็นทะเลเพลิงที่แผดเผาไปถึงเก้าชั้นสวรรค์

 

“ฉัวะ” ดาบของจี่อู๋หมิงทะลวงเข้าใส่ทะเลเพลิง

 

หลิงฮันใช้โอกาสนี้สะบัดตัวหลบหนีออกมาหลายร้อยไมล์ ก่อนที่เปลวเพลิงบนร่างของเขาค่อยๆ สลายหายไป ที่มุมซ้ายของศีรษะของเขาปรากฏรอยเว้าถูกเฉือนขาด และมีโลหิตไหลออกมา

 

เพียงแค่ดาบหนึ่งกระบวนท่า ก็เกือบจะทําให้เขาสิ้นชีพ!

 

การผสานอํานาจนิรันดร์ทั้งเก้าเข้าด้วยกันช่างน่าสะพรึงกลัวนัก พลังทําลายของมันรุนแรงเกินพรรณนา จนแม้แต่กายหยาบของเขาก็ต้านทานไม่ไหว

 

นี่ขนาดหลิงฮันโคจรอํานาจของแก่นกําเนิดนิรันดร์ออกมาต้านแล้ว ก็ยังหลบออกมาได้อย่างฉิวเฉียดเท่านั้น หากหลบไม่ทันล่ะก็ เขามีแต่ต้องใช้ทักษะกําเนิดใหม่จากเถ้าถ่านสถานเดียว

 

จี่อู๋หมิงประหลาดใจเล็กน้อย “อํานาจแห่งเต๋ของราชาเพลิงสวรรค์งั้นรึ? วาสนาของเจ้าช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ! “การไล่ต้อนฮูหนิวเป็นเพียงการหลอกล่อเท่านั้น ซึ่งเป้าหมายหลักของเขา คือ การบังคับให้หลิงอันใช้การสับเปลี่ยนห้วงมิติ

 

หลิงฮันโคจรแก่นพลังเพื่อฟื้นฟูบาดแผลบนศีรษะ แต่อํานาจของคลื่นแสงนิรันดร์เก้าสีเมื่อครู่ได้ขัดขวางการฟื้นฟูของเขา ความเร็วในการฟื้นสภาพจึงลดลงไปหลายเท่าตัว

 

เขาโคจรอํานาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เข้ามาเสริมทักษะนี้คือทักษะบ่มเพาะระดับมหาปราชญ์สวรรค์ มันจึงช่วยให้ความเร็วในความฟื้นสภาพเร็วขึ้นมาเล็กน้อย

 

“พวกเจ้าอย่าได้สู้กับหมอนั่น ตัวต่อตัวเด็ดขาด” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง ในด้านประสบการณ์ในการต่อสู้นั้น ยังเร็วเกินไปร้อยล้านปีที่พวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของจี่อู๋หมิง

 

เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่อาจลงมือสุ่มสี่สุ่มห้าได้อีกต่อไป