บทที่ 2152 หยางชิ่งอยากร้องไห้

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

หยางชิ่งโบกมือ “ไม่อย่างนั้นล่ะ! ใต้หล้าสุขสันต์ก็เพราะผลประโยชน์ ใต้หล้าวุ่นวายก็เพราะผลประโยชน์! กำลังพลกลุ่มนี้ประจำอยู่ที่แดนรัตติกาลมานานมากแล้ว ตำแหน่งที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลก็มีอยู่เท่านั้น มีคนไม่น้อยที่ศักยภาพสูงขึ้นแล้วแต่มองไม่เห็นโอกาสประสบความสำเร็จ ในใจจะไม่มีความคับแค้นเชียวหรือ? ตอนที่คนพวกนี้อยู่ที่กองทัพองครักษ์ ฝ่าบาทยังจับพวกเขาไปแทรกไว้ในสี่ทัพได้ นำไปใช้สิ้นเปลืองอยู่ท่ามกลางการแก่งแย่งผลประโยชน์กับสี่ทัพ อยู่ที่นี่ไม่ได้เสียหายอะไร คนที่อยู่เบื้องบนขึ้นมาถึงยอดแล้วก็นิ่ง ส่วนคนเบื้องล่างก็ขยับไม่ได้เหมือนกัน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ยังจะมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของกองทัพองครักษ์เหลืออยู่กี่ส่วน?”

สองแม่ลูกได้ฟังแล้วแอบตกใจ มิน่าล่ะฝ่าบาทถึงยินดีที่จะนำกำลังพลกองทัพองครักษ์เข้าไปแทรกไว้ในสี่ทัพ ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าฝ่าบาทอยากอาศัยสิ่งนี้กัดกร่อนสี่ทัพ วันนี้ถึงตระหนักได้อย่างตกใจ ว่าที่แท้แล้วฝ่าบาททำต้องการกำจัดคนเบื้องบนเพื่อให้ตำแหน่งว่างกับคนเบื้องล่าง ใช้วิธีนี้รักษาสภาพแวดล้อมที่ดี ถือว่าโหดพอสมควร!

ชิงหยวนจุนระแวงสงสัย “ฝ่าบาทมีความสามารถที่จะแทรกคนของทัพใหญ่แดนรัตติกาลเข้าไปอยู่ในสีทัพได้เลย”

หยางชิ่งจองเขาพลางกล่าวช้าๆ “ฝ่าบาทตั้งใจจะเพิ่มกำลังของทัพใหญ่แดนรัตติกาล มีจุดประสงค์จะสร้างทัพใหญ่แดนรัตติกาลให้เป็นเหมือนดาบแหลม ถ้าโอกาสสุกงอมเมื่อไหร่ จะต้องใช้ดาบนี้แทนหลังของทัพใต้แน่นอน จะแบ่งกำลังของทัพใต้ออก! หลังจากเกิดศึกใหญ่แล้ว ก็ย่อมทำลายไปได้เยอะพอสมควรในรวดเดียว!”

สองแม่ลูกตระหนกตกใจอีกครั้ง ที่แท้ในไม่ช้าก็เร็วทัพใหญ่แดนรัตติกาลจะต้องกลายเป็นของที่ใช้แล้วทิ้งของฝ่าบาท สิ่งที่ทำให้สองแม่ลูกกังวลกว่านั้นก็คือ แต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่ประมุขชิงทำ ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาสองแม่ลูกจะไม่รู้เลย วันนี้มีคนเปิดเผยถึงได้เข้าใจ รู้สึกได้อย่างลึกซึ้งว่าเมื่อก่อนตัวเองโง่เกินไป

เพราะด้วยเหตุนี้เอง สองแม่ลูกมองหยางชิ่งด้วยแววตาที่กระตือรือร้น นี่ก็คือบุคคลคุณมีความสามารถที่พวกเขาขาดแคลน!

หยางชิ่งพูดต่อว่า “ถามหน่อยว่าด้วยสถานการณ์ของทัพใหญ่แดนรัตติกาลตอนนี้ ถ้าเหนียงเหนียงกับองค์ชายโน้มน้าวให้ท่านอ๋องแบ่งอาณาเขตให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาล มีส่วนแบ่งผลประโยชน์มหาศาลขนาดนี้ แม่ทัพใต้บังคับบัญชาขององค์ชายจะไม่ปลาบปลื้มได้อย่างไร ให้เหนียงเหนียงบอกอีกว่ามีตระกูลเซี่ยโห้วคอยสนับสนุนเพื่อปลอบขวัญพวกเขา มีหรือที่พวกเขาจะไม่จงรักภักดีต่อองค์ชาย? ประกอบกับมีการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้ว อำนาจทางทหารของทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็ย่อมถูกควบคุมไว้ในมือองค์ชาย ฝ่าบาทอยากจะปล้นก็ปล้นไปไม่ได้!”

สองแม่ลูกฟังจนรู้สึกเร่าร้อนฮึกเหิมไม่หยุด แต่ทั้งสองก็ไม่ใช่คนโง่บริสุทธิ์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กล่าวยังสงสัยว่า “อาณาเขตสามสายในมือท่านอ๋องหนิว ถ้าแบ่งให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลหนึ่งสาย ท่านอ๋องหนิวจะตอบตกลงเหรอ?”

หยางชิ่งตอบพร้อมรอยยิ้ม “ก็ต้องดูว่าเหนียงเหนียงกับองค์ชายจะไปโน้มน้าวท่านอ๋องยังไง มียืมก็ต้องมีคืน เมื่อยืมครั้งต่อไปก็ไม่ยาก!”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กล่าวอย่างร้อนใจ “ข้าโง่เง่า มียืมก็ต้องมีคืนยังไง? ยินดีฟังความเห็นอันสูงส่งของท่านบุรุษเพื่อคลายความสงสัย”

หยางชิ่งกล่าวเสี่ยงเรียบ “ขอยืมอาณาเขตของท่านอ๋องไม่ได้แปลว่าจะครอบครองอาณาเขตของท่านอ๋อง จุดประสงค์ของการยืมอาณาเขต ก็เพื่อควบคุมทัพใหญ่แดนรัตติกาล สามารถยืมอาณาเขตมาใช้งานได้ก่อน รอให้แม่ทัพใต้บังคับบัญชาขององค์ชายขัดบัญชาสวรรค์ไปรับตำแหน่งในอาณาเขตท่านอ๋องแล้ว เช่นนั้นก็ชัดเจนแล้วว่าจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฝ่าบาท พวกเขาก็จะไม่มีทางถอยแล้ว ถึงตอนนั้นฝ่าบาทจะต้องเดือดดันมากแน่นอน ภายใต้แรงกดดันจากฝ่าบาทและท่านอ๋อง แม่ทัพเหล่านั้นก็ต้องคายอาณาเขตที่เคยฮุบเข้าปากไปแล้วออกมา แล้วตามองค์ชายถอยกลับมาที่แดนรัตติกาลอย่างว่าง่าย ขอถามหน่อยว่า ถ้าพวกเขาตัดทางหนีทีไล่ฝั่งฝ่าบาทแล้ว หลังจากกลับมาที่แดนรัตติกาล นอกจากจงรักภักดีต่อองค์ชาย พวกเขายังมีทางอื่นด้วยเหรอ? ขอเพียงอธิบายเหตุผลนี้ให้ท่านอ๋องรู้อย่างชัดเจน ท่านอ๋องก็ยอมเลิกห่วงหน้าพะวงหลัง การยืมอาณาเขตหนึ่งสายคงจะไม่ยาก! หลังจากจบเรื่องแล้วท่านอ๋องก็ไม่มีทางทนเห็นฝ่าบาทกำจัดเหนียงเหนียงและองค์ชายเพื่อแต่งตั้งให้จ้านหรูอี้ขึ้นสู่ตำแหน่ง ตราบใดที่องค์ชายแสดงความจริงใจในการเป็นพันธมิตรกับท่านอ๋อง ถึงตอนนั้นทัพใต้ก็จะเป็นฉากกำบังของทัพใหญ่แดนรัตติกาล ส่วนองค์ชาย จุดยืนและอำนาจทางทหารล้วนอยู่ในมือ เป้าหมายก็บรรลุแล้ว ถ้ามีแผนในระยะยาวอะไรอีกก็สามารถวางรากฐานจากตรงนี้ได้เลย ถ้าไม่มีหลักฐานนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับจอกแหนที่ไร้ราก!”

ชิงหยวนจุนใจสั่นแรงมาก ตื่นเต้นจนคอแห้งกระหายน้ำ

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตาลุกวาว มองหยางชิ่งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมทิ้งศักดิ์ศรีของราชินีสวรรค์ โค้งตัวให้หยางชิ่งแล้ว “ท่านบุรุษมีแผนดีจริงๆ ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ!”

ชิงหยวนจุนก็รีบโค้งตัวขอบคุณตามเช่นกัน

สำหรับสองแม่ลูก จะเคยพบเห็นอุบายเหนือชั้นอย่างนี้มาก่อนได้อย่างไร ทำให้ใจลอยไปถึงเป้าหมายแล้ว!

เมื่อก่อนไม่เคยมีใครแสดงความรู้และประสบการณ์อย่างนี้ให้สองแม่ลูกเห็น อุบายเหนือชั้นที่เหมือนพลิกเมฆคว่ำฝนนี้ เมื่อก่อนเป็นสิ่งที่ทั้งสองไม่แม้แต่จะกล้าคิดถึงเลย และคิดไม่ถึงด้วย ข้างกายไม่เคยมีคนเก่งกาจอย่างนี้เมื่อก่อน ไม่เคยได้คลุกคลีด้วยเลย ที่ผ่านมาปล่อยให้คนอื่นบงการเหมือนหุ่นเชิดมาตลอด

ในตอนนี้สองแม่ลูกเชื่อแล้วจริงๆ หนิวโหย่วเต๋อได้รับความช่วยเหลือจากเสนาธิการอย่างนี้ได้ ไม่แปลกใจที่คนธรรมดาที่เอะอะตะโกนท้ารบถึงผงาดขึ้นมาได้เร็วขนาดนี้ สามารถโค่นล้มฮ่าวเต๋อฟางและกลายเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ได้!

สองแม่ลูกมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าหนิวโหย่วเต๋อในปีนั้นไม่รู้ต้องเท่าไหร่ หนิวโหย่วเต๋อสามารถทำได้ แล้วทำไมพวกเขาจะทำไม่ได้ล่ะ? สิ่งที่แตกต่างกันก็คือข้างกายขาดคนเก่งกาจที่ใช้งานได้เท่านั้นเอง!

“มิบังอาจ มิบังอาจ!” หยางชิ่งรีบหลบ ทำท่าเหมือนรับการเคารพนี้ไม่ไหว

แต่หลังจากชิงหยวนจุนโค้งตัวขอบคุณแล้ว ก็ยังมีคำถามอีก “แผ่นนี้ของท่านบุรุษคือประสงค์ของท่านอ๋องเหรอ?”

หยางชิ่งส่ายหน้า “ไม่เกี่ยวกับท่านอ๋อง หลายวันมานี้ลำบากครุ่นคิดว่าจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้องค์ชายยังไง เป็นความคิดที่ตื้นเขินเท่านั้นเอง องค์ชายรู้สึกว่าข้าน้อยทำอย่างนี้แล้วจะไม่มีทางชี้แจงต่อฝั่งท่านอ๋องได้ ในใจจึงเกิดความระแวงใช่ไหม? องค์ชายไม่ต้องคิดมาก ท่านอ๋องส่งข้าน้อยมาก็เพื่อช่วยให้องค์ชายข้ามผ่านวิกฤต เป็นภารกิจของข้าน้อยอยู่แล้ว ขอเพียงข้าน้อยสามารถทำภารกิจนี้สำเร็จ ก็คือคำชี้แจงที่ดีที่สุดที่จะให้ต่อท่านอ๋องได้ ยิ่งไปกว่านั้นแผนการนี้ก็ไม่ได้ทำให้ท่านอ๋องมีอะไรเสียหาย ท่านอ๋องไม่ควรตำหนิข้าน้อย ข้าน้อยกับท่านอ๋องอยู่ด้วยกันมาหลายปี เชื่อว่าท่านอ๋องยังใจกว้างอยู่บ้าง”

พอได้ยินแบบนี้ ชิงหยวนจุนก็วางใจลงแล้วไม่น้อย

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กลับฟังออก ว่าตอนหลังอีกฝ่ายมีท่าทีจะกลับไปหาหนิวโหย่วเต๋อ จึงร้อนใจทันที ได้เจอกับผู้มีความสามารถโดดเด่นอย่างนี้แล้ว มีหรือจะปล่อยให้พลาดไป แต่เพิ่งจะเจอหน้ากัน ยังไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร จึงไม่สะดวกจะบอกอีกฝ่ายว่าอย่ากลับไปหาหนิวโหย่วเต๋อ บอกให้มาอยู่กับพวกเขาสองแม่ลูกแทน

ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วน จู่ๆ นางก็ทำด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่รู้ว่าท่านบุรุษจะรังเกียจข้าหรือเปล่า?”

ชิงหยวนจุนหันกลับมามองมารดาตัวเองอย่างงุนงง

“เอ่อ…” หยางชิ่งอึ้งทันที ไม่รู้ว่านางถามเช่นนี้หมายความว่าอะไร รีบกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “เหตุใดเหนียงเหนียงจึงกล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยจะกล้าดูแคลนเหนียงเหนียงนี่ยังไง”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จึงถามพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นคำพูดของข้า ท่านบุรุษยินดีจะฟังหรือไม่?”

หยางชิ่งไม่กล้ารับปาก ตอบอย่างคลุมเครือว่า “เหนียงเหนียงมีอะไรก็กำชับมาตรงๆ ได้เลย!”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จ้องเขาพลางถอนหายใจ “ข้ารู้สึกว่าตัวเองมีวาสนากับท่านบุรุษแล้ว”

มีวาสนา? หยางชิ่งงงงวยกับคำพูดที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของนาง หมายความว่าอะไร?

ชั่วขณะนั้นเขาไม่กล้าเอ่ยรับคำพูดของอีกฝ่าย ได้แต่ตอบอย่างนอบน้อม แต่ใครจะคิดว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะถามถึงอายุของเขา แล้วจู่ๆ ก็บอกว่า “น่าเสียดายที่ข้าไม่มีลูกสาว แล้วจุนเอ๋อร์ก็เป็นผู้ชายด้วย ไม่อย่างนั้นข้าก็อยากจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับท่านบุรุษจริงๆ ลองคำนวณดูแล้ว ข้าอายุมากกว่าท่านบุรุษนิดหน่อย ยินดีจะเป็นพี่สาวร่วมสาบานของท่านบุรุษ ไม่ทราบว่าท่านบุรุษยินดีหรือเปล่า?”

ชิงหยวนจุนเข้าใจกระจ่างทันที เข้าใจเจตนาของมารดาแล้ว นั่นก็คืออยากจะดึงท่านนี้มาไว้ให้ตัวเองใช้งาน

“หา!” หยางชิ่งอุทานเสียงหลง งงเป็นไก่ตาแตกตรงนั้นเลย หลังจากเรียกสติกลับมาแล้วก็รีบโบกมือ “มิบังอาจมิบังอาจ ข้าน้อยฐานะต่ำต้อย จะกล้าอาจเอื้อมเหนียงเหนียงได้อย่างไร ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด”

เขาคิดคำนวณมาหลายตลบแล้ว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะมาไม้นี้ เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง ไม่เคยนึกถึงสิ่งนี้มาก่อนเลย โดนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เล่นงานจนกลายเป็นคนโง่ไปแล้ว ลนลานรับมือไม่ถูกเล็กน้อย

“วีรบุรุษมิถามถึงชาติกำเนิด บรรพบุรุษตระกูลเซี่ยโห้วของข้าสูงส่งเท่าไหร่กัน? มนุษย์เราไม่คุยกันเรื่องชาติกำเนิดสูงต่ำ ต้องดูกันที่อนาคต! ถ้าท่านบุรุษปฏิเสธก็แสดงว่าดูถูกข้า…”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่มีความสามารถอย่างอื่น แต่ใช้ชีวิตอยู่ในวังมานาน ความสามารถในการตีสนิทก็ยังมีอยู่บ้าง เป็นพี่สาวน้องชายไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตอนอยู่ในวังนางมีน้องสาวไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ สุดท้ายน้องสาวเหล่านั้นก็ถูกนางเล่นงานจนตายไปแล้วไม่น้อยอยู่ดี

ภายใต้ความพยายามซ้ำแล้วซ้ำอีกของนาง สุดท้ายหยางชิ่งก็เข้าใจความคิดของสองแม่ลูกนี้แล้ว แอบรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สงสัยยามแสดงความเก่งกาจมากเกินไปจะเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเอง แบบนี้มันใช่เรื่องเสียที่ไหน? เพื่อให้แผนนี้ราบรื่น ด้วยความที่ปฏิเสธหลายครั้งแล้วไม่ได้ผล เขาเองก็ต้องเสแสร้งแกล้งทำ สุดท้ายก็ยอมตอบรับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่แล้ว

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทำเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมาก ให้ชิงหยวนจุนนำกระถางธูปมาตั้งไว้บนเตียงเสียเลย

ชิงหยวนจุนจุดธูปสองดอก แล้วแบ่งให้สองคน

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ดึงแขนเสื้อหยางชิ่ง ดึงให้เขามายืนเรียงตรงหน้าเตียง ใช้สองมือถือธูป แล้วคุกเข่าลงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทั้งยังหันมามองหยางชิ่งและยิ้มบอกใบ้ด้วย

หยางชิ่งปวดประสาทเล็กน้อย ชื่อเสียงของวีรบุรุษแห่งยุคถูกผู้หญิงคนหนึ่งทำลายแล้ว ทำได้เพียงแข็งใจคุกเข่าลง

“มหามรรคาสูงสุด เทพเจ้าโปรดเตือนใจ ข้าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่วันนี้สาบานเป็นพี่น้องกับหยางชิ่ง จะปฏิบัติเหมือนเป็นสายเลือดเดียวกัน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน…” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พูดมาเป็นชุด ถึงอย่างไรก็พูดความหมายประมาณนั้น

หลังจากพูดสิ่งเหล่านี้ตามแล้ว ในใจหยางชิ่งก็นึกอยากร้องไห้

ตอนนี้ถึงคราวที่เขาได้นึกไม่ถึงบ้างแล้ว ราวก็เป็นความฝันจริงๆ นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งตัวเองกลับราชินีสวรรค์จะได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน นึกถึงตอนที่อยู่อุทยานหลวงปีนั้น อีกฝ่ายสูงส่งจนไม่ชายตาแลเขา ใครจะไปคาดคิดว่าตัวเองจะได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับผู้หญิงคนนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลหรอกหรือ ทำไมดูเหมือนเด็กๆ กำลังเล่นพ่อแม่ลูกกัน

ประเด็นของปัญหาก็คือ เขารู้ชัดเจนมากว่าเป้าหมายของการมาที่นี่คืออะไร และเดาจุดจบของสองแม่ลูกออกแล้วเช่นกัน มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าตัวเองจะผิดคำสาบาน อยู่ดีๆ ก็จะได้แบกรับข้อหาผิดคำสาบาน โดนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่เล่นงานจนอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา

แน่นอน เขาเข้าใจความรู้สึกของสองแม่ลูกคู่นี้ได้ ถูกคนอื่นวางอุบายจนเดินมาถึงขั้นนี้ ต่อให้เป็นเชือกฟางช่วยชีวิตแค่เส้นเดียว แต่ก็อยากจะเกาะเอาไว้ให้แน่นไม่ยอมปล่อย

หลังจากพี่สาวกับน้องชายโขกศีรษะกับพื้นสามครั้งแล้ว ก็ปักธูปแล้วยืนขึ้นพร้อมกัน รับสุรามาจากชิงหยวนจุน ชูจอกสุราดื่มร่วมกัน นับว่ากำหนดสถานะอย่างเป็นทางการแล้ว

ตอนที่วางจอกสุราลง หยางชิ่งก็ถูกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่มองด้วยรอยยิ้มสนิทสนมจนรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

“น้องชาย!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เสียงเรียกนี้แทบจะทำให้หยางชิ่งขนลุก

สายตาของนางช่างดูอาลัยอาวรณ์จริงๆ จะบอกว่าชอบก็ไม่ผิด ตอนนี้ขอเพียงหยางชิ่งเต็มใจ ต่อให้นางใช้ร่างกายเข้าแลกก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่นางก็รู้ตัวเองดี อีกฝ่ายคงไม่ชื่นชอบในรูปลักษณ์ภายนอกของตน ไม่อย่างนั้นนางคงไม่สาบานเป็นพี่น้อง แต่จะมอบความอ่อนโยนไร้ที่เปรียบให้แทน

“เหนียงเหนียง!” หยางชิ่งก้มหน้าเรียกอย่างอับอาย

“หืม?” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แสร้งไม่พอใจ

หยางชิ่งทำสีหน้าบิดเบี้ยวทันที รีบเปลี่ยนคำเรียกอย่างยากลำบากว่า “พี่…พี่สาว…”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่หัวเราะคิกคัก มองไปที่ชิงหยวนจุน “จุนเอ๋อร์ ยังไม่มาคำนับท่านน้าอีก?”

ชิงหยวนจุนก้าวมายืนตรงหน้าทันที แล้วกุมหมัดคารวะ “หยวนจุนคำนับท่านน้า!”

ท่านน้า? หยางชิ่งอยากร้องไห้…

……………