ตอนที่ 2737

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,737 : แลกกับ ผลึกเทพ!

 

 

“องค์ชาย 13…แล้วท่านเล่า บังเกิดความโลภเช่นนั้นหรือไม่?”

 

ได้ยินคำพูดของหลงเฟยอวิ๋นต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาลึกซึ้ง ถามออกเสียงเรียบ

 

“ขอบอกน้องต้วนตามตรง ในใจข้าย่อมบังเกิดความโลภเช่นกัน…”

 

หลงเฟยอวิ๋นกล่าวออกตามตรง

 

แต่ภายใต้สายตาที่เปลี่ยนเป็นเยียบเย็นของต้วนหลิงเทียน มันก็ยิ้มแหยๆกล่าวสืบต่อว่า “อย่างไรก็ตามพอข้าคิดถึงเรื่องที่ได้ทุ่มหมดหน้าตัก กระทั่งตำรับโอสถหลัวเทียนก็ให้ท่านไปแล้ว อีกทั้งต่อให้ข้าจะบอกให้ชิวหลิงจับน้องสาวฮ่วนเอ๋อมาขัง แต่ข้าเชื่อว่าข้าคงไม่มีทางได้รับเคล็ดอมตะ วรยุทธ์อมตะ รวมถึงเวทย์พลังอันใด…คิดได้เช่นนี้ความโลภในใจข้าก็หายไปหมดสิ้น”

 

“แทนที่จะเลือกหนทางเสี่ยงอย่างไร้ความหวัง มิสู้ข้ายึดมั่นในความหวังที่มีอยู่ริบหรี่ดีกว่า”

 

หลงเฟยอวิ๋นกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา มองสบตาต้วนหลิงเทียนไม่มีหลบ

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนได้ยินคำตอบจากใจของหลงเฟยอวิ๋น สายตาเย็นชาก็ค่อยๆมลายหาย มองจ้องหลงเฟยอวิ๋นด้วยสายตาลึกซึ้งอีกครั้ง ค่อยเอ่ยว่า “องค์ชาย 13 นับว่าเป็นคนฉลาด”

 

“หากข้าไม่ใช้สมองให้มาก เกรงว่าข้าคงไม่อาจมาถึงจุดนี้ได้…”

 

หลงเฟยอวิ๋นระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

“จริงสิ น้องต้วน…”

 

ทันใดนั้นคล้ายฉุกคิดอะไรได้ออก สองตาหลงเฟยอวิ๋นทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง หันไปมองและกล่าวกับต้วนหลิงเทียนต่อว่า “ข้ามีสหายอยู่คนหนึ่ง และในมือสหายข้าคนนี้ก็มียอดสมบัติสวรรค์ที่สามารถปกปิดกลิ่นอายบางอย่างรวมถึงกลิ่นอายเลือดเนื้อได้…หลังข้าพาท่านไปส่งเข้าที่พักในวังแล้ว ข้าจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อนำยอดสมบัติสวรรค์ที่ว่ามาให้นองสาวฮ่วนเอ๋อ”

 

“มียอดสมบัติสวรรค์เช่นนั้นด้วยรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

 

“มี”

 

หลงเฟยอวิ๋นพยักหน้า “ยอดสมบัติสวรรค์ประเภทนี้หาได้ยากยิ่ง…เนื่องเพราะยอดสมบัติสวรรค์ประเภทนี้ แม้จะจัดเป็นอุปกรณ์อมตะราคาแพง แต่ทว่าก็มีแค่ความสามารถในการปิดซ่อนกลิ่นอายบางอย่างเท่านั้น มันไม่มีพลังอำนาจในด้านโจมตีหรือป้องกันเลย”

 

“เช่นนั้นมันก็เลยเป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่คนไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ จึงไม่ค่อยมีผู้ใดหลอมสร้างของเช่นนี้ออกมาให้ขาดทุน อย่างไรก็ตามสหายข้าคนนี้เป็นคนชอบสะสมสิ่งของแปลกๆ จึงมียอดสมบัติสวรรค์เช่นนั้นเก็บไว้”

 

หลงเฟยอวิ๋นกล่าว

 

“องค์ชาย 13…”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหลงเฟยอวิ๋นพลางกล่าวออกมาด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง “แม้สุภาพบุรุษไม่คิดแย่งชิงของรักผู้อื่น…แต่ถ้าสหายของท่านมียอดสมบัติสวรรค์ที่ว่าจริงๆ รบกวนท่านไปเอ่ยถามให้ฮ่วนเอ๋อหน่อยเถอะ ไม่ว่าอีกฝ่ายเรียกราคาเท่าไหร่ ข้าจะพยายามซื้อมาให้ได้”

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟัง ก็มีความคิดอยากขอซื้อยอดสมบัติสวรรค์ที่ว่าจริงๆ

 

เพราะสุดท้ายแล้วยอดสมบัติเช่นนั้น มีความสำคัญกับฮ่วนเอ๋ออย่างยิ่งยวด!

 

ที่หลงเฟยอวิ๋นกล่าวมาก่อนหน้า…ไม่มีผิดแม้ครึ่งคำ! หากใครตรวจพบกลิ่นอายเลือดเนื้อ จนทราบอายุขัยที่แท้จริงของฮ่วนเอ๋อ รวมถึงรับทราบถึงพลังฝึกปรือของนางแล้วละก็ พวกมันย่อมเชื่อสนิทใจว่าฮ่วนเอ๋อเป็นตัวตนที่มาจากขุมพลังอันมีความเป็นมายิ่งใหญ่ เช่นนั้นนางต้องครอบครองเคล็ดอมตะ วรยุท์อมตะและเวทย์พลังเลิศล้ำมากมายแน่! ต่อให้เป็นอรหันต์ก็ไม่แน่ว่าอาจตบะแตก!!

 

ถึงตอนนั้นเกรงว่าฮ่วนเอ๋อคงต้องตกอยู่ในเภทภัยไม่สิ้นสุด

 

นั่นไม่ใช่อะไรที่เขาอยากจะเห็นแม้แต่น้อย

 

“น้องต้วน สหายข้าคนนี้ไม่ขาดแคลนหินอมตะเลย…และข้าขอบอกต่อท่านตามตรง ข้าไม่รู้ว่าจะหยิบยืมหรือขอซื้อยอดสมบัติสวรรค์นั่นมาให้ท่านได้หรือไม่ ข้าเพียงแต่จะลองพยายามให้ดีที่สุดเท่านั้น”

 

เมื่อเห็นความสนใจและมุ่งมาดของต้วนหลิงเทียน หลงเฟยอวิ่นได้ได่แต่คลี่ยิ้มแห้งๆ กล่าวกล่าววาจาดักไว้ประหนึ่งฉีดยาป้องกันไว้เบื้องหน้า…

 

“รบกวนแล้ว”

 

ได้ยินคำพูดดังกล่าวของหลงเฟยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็พึ่งตระหนักได้ ว่าก่อนหน้าหลงเฟยอวิ๋นเพียงใช้คำว่าจะ ‘พยายามให้ดีที่สุด’ เท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่า กระทั่งตัวหลงเฟยอวิ๋นเอง…ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้มาเต็มสิบส่วน!

 

“ไม่รบกวน ไม่รบกวนอันใด”

 

หลงเฟยอวิ๋นเร่งส่ายหัวไปมาเป็นพัลวัน จากนั้นก็เริ่มนำทางเข้าไปในพระราชวังหลวง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเขตวังของตัวเอง

 

หลังจากจัดแจงต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อให้เข้าสู่ที่พักแล้ว หลงเฟยอวิ๋น ก็เร่งออกเดินทางไปข้างนอกพร้อมชิวหลิงทันที

 

หลงเฟยอวิ๋น ในฐานะองค์ชายลำดับที่ 13 นั้น ถึงแม้ฮ่องเต้เถิงหลงจะไม่ได้ดูดำดูดี แต่วังส่วนตัวของมันก็ใหญ่โตโอ่อ่า ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล มีสวนกว้างใหญ่ มีทะเลสาบขนาดเล็ก! และจวนรับรองแขกที่จัดแจงให้เป็นที่พักของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อนั้น ก็ใหญ่โตมโหราฬจนเรือนพักของโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนไม่ต่างอะไรจากรังหนูไปทันที

 

“พี่หลิงเทียน ในเมื่อยอดสมบัติสวรรค์ที่ว่ามีประโยชน์กับฮ่วนเอ๋อ…ทำไมไม่ให้ฮ่วนเอ๋อไปแย่งมาเลยเล่า?”

 

ภายในห้องหับอันกว้างขวาง ฮ่วนเอ๋อก็มองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัยตาแป๋ว

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนคิดจะอบรมสั่งสอนให้ฮ่วนเอ๋อที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาดั่งผ้าขาวเดินบนเส้นทางคุณธรรม แต่ทัศนะต่อคุณค่า และเรื่องราวดีชั่วถูกผิดทั้งหลาย ก็ใช่ว่าจะสั่งสอนอบรมได้ในเวลาชั่วข้ามคืน จึงต้องใช้เวลาอบรมฮ่วนเอ๋อให้เข้าใจ…

 

“ฮ่วนเอ๋อ”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่า การไปฉกชิงสิ่งของผู้อื่นมาโดยมิชอบนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกไม่ควร…ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เจ้าคิดจะไปฉกสิ่งของผู้อื่นเขาจริงๆโดยไม่สนคุณธรรมและความเหมาะสม แต่เจ้าก็ต้องมีพลังฝีมือสูงมากพอจะทำเช่นนั้น!  คนที่สามารถเป็นสหายกับองค์ชาย 13 ได้ และกระทั่งองค์ชาย 13 เองยังไม่มั่นใจว่าจะซื้อหาหรือหยิบยืมสิ่งของมาได้แบบนี้…บ่งบอกให้รู้ว่าคนๆนี้มีความเป็นมาไม่ธรรมดา และไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆแน่นอน”

 

“ตัวตนเช่นนี้บางทีพลังฝีมือส่วนตัวของมันอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าข้างกายของมันจะไร้คนที่แข็งแกร่งเหนือเจ้า”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

ฮ่วนเอ๋อพอได้ฟังต้วนหลิงเทียนอบรมไปฉอดหนึ่ง ก็ทำหน้าสลดปากเบ้ สองตาหมองเศร้าแลดูรู้ผิด ชวนให้ผู้คนบังเกิดความเวทนาสงสารนัก ต้วนหลิงเทียนเห็นเช่นนี้ก็ใจอ่อนยวบลงในฉับพลัน “ฮ่วนเอ๋อไม่ต้องคิดมาก…ยอดสมบัติสวรรค์ที่ว่า พี่หลิงเทียนจะพยายามเอามาให้เจ้าให้ได้”

 

“อื้อ”

 

ฮ่วนเอ๋อพยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสองตาเป็นประกาย “พี่หลิงเทียน แล้วพวกเราจะออกไปเที่ยวเล่นซื้อของหาของกินกันอีกเมื่อไหร่เหรอ…ตั้งแต่มาถึงเมืองนี้ฮ่วนเอ๋อไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวกับพี่หลิงเทียนเลย ฮ่วนเอ๋ออยากซื้อของกับหาขนมอร่อยๆ กินเยอะๆ”

 

“พวกเราพึ่งมาถึงวังแห่งนี้ เช่นนั้นก็พักหรือบ่มเพาะพลังที่นี่สัก 2-3 วันก่อนแล้วกัน…จากนั้นพวกเราค่อยออกไปเที่ยวข้างนอกกัน”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“อื้อ”

 

แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ แต่ฮ่วนเอ๋อก็พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

 

เมื่อเห็นว่าฮ่วนเอ๋อเตรียมหยิบผลึกเทพออกมาบ่มเพาะพลัง ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะเดินออกมาจากห้อง

 

ด้วยความที่ห้องพักในจวนรับรองแขกหลังนี้ก็มีค่ายกลรวมพลังวิญญาณฟ้าดินจัดตั้งไว้มากมาย ต้วนหลิงเทียนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นอายพลังวิญญาณฟ้าดินภายใน

 

นอกจากนั้นห้องนี้ยังเป็นห้องที่อยู่ใกล้สวนด้านหลัง ซึ่งห่างจากลานด้านหน้าไม่น้อย และระหว่างทางก็มีห้องหับมากมาย มีประตูใหญ่ปิดกั้นหลายชั้น…

 

เขาก็เลยไม่ต้องกังวลเรื่องที่ไอพลังวิญญาณฟ้าดินจากผลึกเทพของฮ่วนเอ๋อจะแพร่ออกไปด้านนอก จนทำให้ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ข้างกายหลงเฟยอวิ๋นตรวจพบ

 

หลังออกมาจากห้องแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไปนั่งรอองค์ชาย 13 ที่ลานหน้าจวน

 

“น้องต้วน…”

 

ราวๆครึ่งชั่วยามต่อมา ต้วนหลิงเทียนที่นั่งรอองค์ชาย 13 อยู่ ก็เห็นองค์ชาย 13 หลงเฟยอวิ๋นยิ้มแห้งๆมาแต่ไกล สีหน้ายังแลดูซึมเซาไม่น้อย เผยให้รู้ว่าท่าทางเรื่องไปติดต่อขอซื้อหากหรือหยิบยืมยอดสมบัติที่ว่าจะล้มเหลว…

 

“คนผู้นั้นไม่คิดขายหรือ?”

 

แม้จะเดาได้แล้วว่าเรื่องลงเอยอย่างไร แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังกล่าวถามออกไปเพื่อยืนยัน

 

“ไม่ใช่ว่าไม่คิดขายหรอก…เพียงแต่เขาอยากเจอน้องต้วน”

 

หลงเฟยอวิ๋นคลี่ยิ้มเเหยๆออกมา ค่อยกล่าวต่อว่า “เขาบอกว่า…ยอดสมบัติสวรรค์ระดับกลางชิ้นนี้ มอบให้น้องต้วนก็ได้ แต่เขามีเงื่อนไขบางประการที่คิดคุยกับน้องต้วนเป็นการส่วนตัว…”

 

“ต้องขอโทษท่านด้วยน้องต้วน…”

 

หลงเฟยอวิ๋นกล่าวขอโทษออกมาอีกครั้ง

 

“แล้วเขาอยู่ที่ไหนหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนลุกขึ้นยืน เอ่ยถาม

 

“น้องต้วนจะลองไปพบเขาหรือ?”

 

หลงเฟยอวิ๋นพอได้ฟังก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นขมว่า “น้องต้วน สหายข้าคนนี้ไม่เคยทำการค้าที่ขาดทุน…ข้าเกรงว่าเงื่อนไขที่เขาคิดเสนอให้น้องต้วน จะสร้างความลำบากให้น้องต้วนไม่น้อย”

 

“ไม่ว่าจะยากเย็นขนาดไหน ข้าก็ต้องลองไปหาสหายท่านดูก่อน…ยอดสมบัติสวรรค์ระดับกลางที่ว่า สำคัญกับข้ามากจริงๆ”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง กล่าวออกเสียงเข้ม

 

“เช่นนั้นข้าจะพาน้องต้วนไปเจอเขา”

 

ภายใต้การนำทางของหลงเฟยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางออกจากวังอีกครั้ง สุดท้ายก็เดินทางไปถึงคฤหาสน์ส่วนตัวหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ไกลห่างทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงประเทศอมตะเถิงหลง

 

คฤหาสน์หลังนี้แม้จะกว้างขวางใหญ่โต หากแต่อาณาบริเวณโดยรอบช่างเปลี่ยวร้างวังเวง ไม่มีบ้านเรือนอาคารปลูกสร้างใดๆ แลดูสันโดษนัก!

 

แอ๊ด! แอ๊ด!

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 3 มาถึงประตูหน้าคฤหาสน์ ประตูบานเขื่องก็เปิดอ้าออกด้วยตัวเอง โดยที่ต้วนหลิงเทียนมั่นใจมากว่าไม่มีใครอยู่ด้านหลังค่อยเปิดประตูอยู่เลย บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นฝีมือคนที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ใช้พลังควบคุมโดยตรง

 

อีกทั้งคนผู้นั้นสมควรรู้แล้วว่าพวกเขามาเยือน

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจจับร่องรอยสำนึกเทวะหรือกลิ่นอายพลังใดๆได้เลย นี่บ่งบอกให้เขารู้ว่าพลังฝึกปรือของอีกฝ่ายนั้นสูงส่งลึกล้ำนัก

 

“เข้าไปกันเถอะ”

 

ด้านหลงเฟยอวิ๋นไม่ได้แลดูแปลกใจกับเรื่องนี้แต่อย่างใด หลังกล่าวชวนต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็เดินนำลิ่วเข้าคฤหาสน์ไปก่อน

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนก้าวตามหลงเฟยอวิ๋นเข้าไปในคฤหาสน์ พอมองย้อนกลับไป เขาก็พบว่าชิวหลิง ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ตอนนี้ชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังนัก ลึกลงไปในแววตายังเผยให้เห็นถึงเค้าลางความหวาดกลัวประการหนึ่ง!

 

ราวกับชิวหลิงหวาดกลัวต่อผู้ที่เปิดประตูเมื่อครู่มาก!!

 

‘ดูเหมือน…สหายขององค์ชาย 13 คนนี้จะไม่ใช่ธรรมดาแล้วจริงๆ’

 

ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ฝีมือย่อยเปิดประตูเมื่อครู่ สมควรเป็นคนของสหายที่หลงเฟยอวิ๋นกล่าวถึง

 

จนเมื่อเขาได้เดินติดตามหลงเฟยอวิ๋นล่วงลึกเข้ามาในคฤหาสน์ จวบจนทะลุไปถึงลานด้านหลังคฤหาสน์ เขาจึงได้รับทราบว่า…

 

ผู้ที่ใช้ฝีมือย่อยเปิดประตูเมื่อครู่ ไม่ใช่คนของสหายหลงเฟยอวิ๋น แต่ที่แท้เป็นการลงมือของสหายหลงเฟยอวิ๋นเอง! เพราะในคฤหาสน์หลังเขื่องแห่งนี้ ไม่มีบุคคลที่ 2 อยู่เลยนอกจากเจ้าตัว!!

 

“พี่ใหญ่เผย”

 

จากนั้นพอพบเจอคนแล้ว หลงเฟยอวิ๋นก็กล่าวทักทาย พลางผายมือแนะนำต้วนหลิงเทียนให้อีกฝ่ายรู้จัก “นี่คือ น้องต้วน ที่ข้าพูดถึงก่อนหน้า”

 

ต้วนหลิงเทียนเริ่มมองพินิจสหายของหลงเฟยอวิ๋นคนนี้อย่างจริงจัง

 

อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม สวมใส่ชุดคลุมยาวสีขาวแลดูธรรมดาๆ หากแต่แววตากลับเผยให้เห็นถึงความลึกล้ำทั้งเปลี่ยนแปลงไร้สิ้นสุด บอกให้รู้ชัดว่าคนผ่านพ้นเรื่องราวมามากมาย หาใช่คนหนุ่มดั่งรูปลักษณ์อีกต่อไป

 

นอกจากนี้ยามมองพินิจชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้า เขากลับไม่อาจแลเห็นถึงสิ่งใดได้เลย ให้ความรู้สึกหยั่งไม่ถึงประการหนึ่ง!

 

ความรู้สึกดังกล่าว พึ่งปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก…นับตั้งแต่เขาขึ้นมายังแดนสวรรค์หลิงหลัวเทียนแห่งนี้!

 

แม้กระทั่งตอนที่เขาอยู่ในวังฉินของประเทศอวิ๋นเหยียน สมัยด่านพลังฝึกปรือยังเป็นเพียงจินเซียนอ่อนด้อย เขาก็ไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ตอนเผชิญหน้ากับหญิงชรา ยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะจากนิกายอมตะสือหัง ที่มาล่าตัวเขา!

 

“ข้าได้ยินหลงเฟยอวิ๋นบอกว่า…เจ้าอยากได้ ‘เร้นกลิ่นอาย’ ที่ข้ามีงั้นหรือ?”

 

ชายหนุ่มชุดขาวหันมามองถามต้วนหลิงเทียน

 

แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำว่า ‘เร้นกลิ่นอาย’  แต่ก็ไม่ยากที่เขาจะเดาได้ออก ว่า ‘เร้นกลิ่นอาย’ ที่ว่าสมควรเป็นยอดสมบัติสวรรค์ อันมีความสามารถปกปิดกลิ่นอายเลือดเนื้อที่เขาอยากได้ไว้ให้ฮ่วนเอ๋อใช้ปิดบังอายุ!

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“เร้นกลิ่นอาย ข้ามอบให้เจ้าได้…แต่เจ้าต้องรับปากจะทำอะไรให้ข้าเรื่องหนึ่ง”

 

ชายหนุ่มในชุดสีขาวกล่าว

 

“เรื่องอะไรงั้นหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่กล่าวถามออกไป ใจก็เต้นตุ๊มๆต่อมๆนัก เพราะเขาได้ยินหลงเฟยอวิ๋นกล่าวบอกไว้แต่แรกแล้ว ว่าชายที่ถูกเรียกหาว่าพี่ใหญ่เผยผู้นี้…ไม่เคยทำการค้าที่ขาดทุน!

 

“เฟยอวิ๋น ข้ามีเรื่องจะพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว…”

 

หลังจากที่ชายหนุ่มในชุดขาวหันไปเอ่ยคำกับหลงเฟยอวิ๋น มันก็ไม่ทันรอให้หลงเฟยอวิ๋นตอบสนองสิ่งใด เพียงสะบัดมือคราหนึ่งก็บังเกิดพลังไร้สภาพ ก่อตัวเป็นม่านพลังปิดกั้นเสียงทันที ดั่งสร้างโลกส่วนตัวให้มีแต่มันกับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ตัดขาดกับหลงเฟยอวิ๋นและชิวหลงอย่างสมบูรณ์

 

“หากเจ้าอยากได้ เร้นกลิ่นอาย ก็ง่ายดายนัก…เพียงนำ ‘ผลึกเทพ’ ที่ซ่อนอยู่ในจี้ห้อยคอของนังหนูนั่นมาแลก!”

 

หลังสร้างม่านพลังปิดกั้นเสียงแล้ว ชายหนุ่มในชุดม่วงก็มองจ้องต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ!