ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1429 ช่วยภรรยาโดยพลการ
แต่เธอไม่ได้ร้องขอความเมตตาเลย เพียงแค่กัดริมฝีปากทนไป พ่อของเธอเชียนหยวนฮอนเด็นเห็นดังนั้นก็ยิ่งโกรธ “ยังมีแรงอยู่ใช่มั้ย? ดี ตีมันให้หนักๆ! เชียนหยวนล๋ายเย่ ฉันไม่เคยรู้เลย ว่าแกจะเป็นคนชั่วร้ายแบบนี้ แม้แต่พี่สาวแท้ๆแกก็กล้าลงมือ!” เขาสั่งให้คนในวัด เฆี่ยนลูกสาวคนนี้ให้แรงกว่าเดิม นี่ก็เป็นกฏเกณฑ์ของพวกเขา หากลูกหลานของตระกูลอันสูงส่งทำผิด ต่างต้องถูกส่งมายังสถานที่เช่นนี้เพื่อลงโทษ หนึ่งก็เพื่อสำนึกผิดต่อหน้าบรรพบุรุษ สองก็เพื่อให้ลูกหลานคนนี้สำรวจตนเอง แต่เห็นได้ชัดว่า เชียนหยวนล๋ายเย่ผู้นี้ไม่ได้สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย เธอถูกมัดไว้กับเสา โดนเฆี่ยนไปสิบไม้ แม้แต่ในปากยังมีเลือดไหลออกมา ดูแล้วใกล้จะสลบเต็มที แต่เธอกลับไม่อ่อนข้อ
เชียนหยวนฮอนเด็น : “……………….” ในขณะที่กำลังจะเพิ่มความรุนแรงนั้น ด้านนอกก็มีเงาคนบุกเข้ามา “ล๋ายเย่!” เมื่อเขาเห็นฉากอันน่าอนาถใจในวัดแห่งนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาก็เปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าแม่ชีคนนั้นกำลังเงื้อไม้หอมเพื่อที่จะเฆี่ยนเด็กสาวที่ถูกมัดไว้กับเสาที่ตอนนี้บาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง เขาก็ปรี่เข้ามาคว้าไม้หอมนั่นเอาไว้ “ไสหัวไป!” เขาระเบิดเสียงออกมา ไม้หอมในมือเขาถูกหักเป็นสองท่อน ส่วนแม่ชีคนนั้นก็ถูกเขาเตะจนล้มลงกับพื้น
เมื่อเชียนหยวนฮอนเด็นเห็น ก็รีบลุกขึ้น : “อากิยามะ คุณทำอะไรนะ? ผมกำลังสั่งสอนลูกสาวของผมอยู่!” ใช่แล้ว คนผู้นี้ ก็คือคณาธิปนั่นเอง แต่เขาตอนนี้ ไม่ได้ฟังสิ่งที่พ่อภรรยาของเขาพูดแล้ว เขาขว้างไม้หอมนั่นทิ้งไป แล้วรีบแก้มัดให้กับเด็กสาวที่ถูกเฆี่ยนจนตอนนี้หายใจรวยรินและอุ้มเธอไว้แนบอก “ล๋ายเย่? เป็นยังไงบ้าง?” แดงฉานอย่างน่าตกใจ สิ่งนี้ทิ่มแทงเข้าไปในสายตาของเขา เมื่อเอ่ยปาก แม้แต่เสียงของเขาก็สั่นเทิ้มไปหมด ขนตาที่ยาวของเชียนหยวนล๋ายเย่สั่นกระตุกอยู่บนใบหน้าที่ไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ในที่สุดเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาในอ้อมอกของชายผู้นี้
“ที่….รัก….” “อือ ไม่ต้องกลัวนะ ผมมารับคุณกลับไป” คณาธิปถอดเสื้อนอกของตนเองออก หลังจากที่เขาอุ้มเด็กสาวที่โดนเฆี่ยนไปทั้งร่างจนแทบไม่มีชิ้นดี เขาก็เตรียมพาเธอจากไปด้วยนัยน์ตาที่แดงกล่ำ แต่ในขณะนั้นเอง เด็กสาวที่ยังอยู่ในอ้อมอกเขาส่ายหัว “ไม่….ไม่ต้องค่ะ ที่รัก ฉัน….ฉันผิดจริงๆ ฉัน….ฉันไม่คู่ควร….” “ผิดอะไร? หากการที่คุณลงโทษคนที่ควรจะลงนรกไปตั้งนานแล้ว เช่นนั้นเรียกว่าทำผิดแล้วละก็ งั้นสองมือของผมที่เต็มไปด้วยเลือด ก็ไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้แล้วสิ” ชายหนุ่มขึ้นเสียง และเขวี้ยงเสื้อผ้าออก สองตาเดือดพล่าน_____ไปด้วยกระแสแห่งความชั่วร้ายและความเกลียดชังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อเชียนหยวนฮอนเด็นเห็น ความมั่นใจและความแข็งแกร่งก็หายไปอย่างไม่มีเหตุผล ลูกเขยคนนี้ เขารู้จักดี ความโหดร้ายเมื่อเขาอยู่ที่ซาจากรุ๊ป เป็นที่เลื่องลือจริงๆ ดังนั้น การที่เขาพูดเช่นนี้เขาก็ไม่แปลกใจเลย เชียนหยวนฮอนเด็นจึงหน้าซีด “อากิยามะ ตอนนี้เธอยังเป็นคนของตระกูลเชียนหยวนนะ การที่เธอก่อเรื่องเช่นนี้ ฉันต้องมีคำตอบให้กับคนในตระกูล” “คำตอบอะไร? เธอแต่งงานกับผมแล้ว ก็ไม่ใช่คนในตระกูลเชียนหยวนแล้ว ผู้หญิงคนนี้ แต่งงานและเชื่อฟังสามี ดังนั้น ตอนนี้ชื่อของเธอ คือคณาสุ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกคุณอีก” “แก—” เชียนหยวนฮอนเด็นโมโหจนหน้าซีดเผือด แต่นี่ยังไม่นับว่ากระไร เพราะครู่ต่อมา ลูกเขยคนนี้ก็นำของบางอย่างออกมาจากตัวและโยนให้เขา “คุณดูละกัน นี่เป็นเรื่องดีๆที่ลูกสาวคนโตของคุณได้ทำไว้ หากคุณให้ความสำคัญกับกฏและจริยธรรมของตระกูลเชียนหยวนจริงๆ คุณก็ลองดูแล้วกันว่าสิ่งเหล่านี้ที่เธอทำ เพียงพอสำหรับโทษตายของตระกูลคุณไหม?” “หากว่าพอ งั้นสิ่งที่ล๋ายเย่ทำในวันนี้ ก็แค่เพียงจัดการล่วงหน้าในฐานะหัวหน้าครอบครัวเท่านั้น!” เมื่อพ่นคำพูดที่ดุร้ายเหล่านี้แล้ว เขาก็ไม่ลังเลที่จะอุ้มหญิงสาวในอ้อมอกจากไป ส่วนเชียนหยวนฮอนเด็นก็มองอย่างตกตะลึง แล้วเก็บสิ่งของบนพื้นเหล่านั้นขึ้นมา เมื่อดูจนหมด เลือดทั้งหมดของเขาก็พุ่งขึ้นสู่ศีรษะ เขาโมโหกะทันหันจนกระทบจิตใจ ในที่สุดก็ถูกความโกรธทำให้แตกสลายไป
ในที่สุด คณาธิปก็พาคนกลับมา ตระกูลหิรัญชาที่เพิ่งกลับถึงโรงแรมไม่นานได้ยินว่าเด็กสาวผู้นี้ถูกเฆี่ยนจนหายใจรวยริน นอกจากปอร์เช่และแสนรักที่รออยู่ที่โรงแรมเพื่อดูแลเด็กแล้ว ทุกคนต่างก็มากันหมด
เส้นหมี่ : “เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
คณาธิป : “ยังไม่ทราบเลยครับ เพิ่งจะเข้าห้องผ่าตัดไปครับ” ผู้ชายคนนี้ยืนอยู่นอกห้องผ่าตัดนานแล้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าเขาแม้แต่เสียงก็แหบแห้ง เส้นหมี่จึงรออยู่กับแสงดาวตรงนั้นอย่างร้อนใจ ยังดีที่หลังจากรอประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า คุณหมอก็ออกมาบอกพวกเขาว่า เด็กสาวคนนี้แม้ภายนอกจะโดนเฆี่ยนจนดูน่าตกใจ แต่เชียนหยวนฮอนเด็นไม่ได้ลงมือหนักมาก จึงไม่มีบาดเจ็บตรงจุดสำคัญ เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น จึงคลายความกังวลลงได้ ส่วนคณาธิปนั้นหลังจากที่เซไปมา จึงพยุงตัวกับกำแพงและค่อยๆนั่งลงตรงเก้าอี้ยาวตัวนั้น