บทที่ 1628 ฉันไม่สกุลจ้าวแล้วได้ไหม + ตอนที่ 1629 ไม่มียาวิเศษ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1628 ฉันไม่สกุลจ้าวแล้วได้ไหม + ตอนที่ 1629 ไม่มียาวิเศษ Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1628 ฉันไม่สกุลจ้าวแล้วได้ไหม

เหมยเหมยทานปลาย่างต่ออย่างเฉยเมยและปิดการรับสารจากจ้าวอิงหย่งโดยอัตโนมัติ

จ้าวอิงหัวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย บนตัวลูกสาวมีความลับอยู่เขาพอจะรู้อยู่บ้าง เขาเองก็ไม่อยากให้คุณปู่จากไปเร็วเหมือนกัน ในเมื่อก็เป็นพ่อแท้ ๆ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เขาไม่ใจเหี้ยมขนาดนั้น

แต่ลูกสาวไม่ยอมเอาให้ เขาเองก็ไม่อยากบังคับฝืนใจลูกสาว ความสับสนภายในใจของจ้าวอิงหัวทำให้เขาจงใจหลงลืมเรื่องนี้แต่ตอนนี้จ้าวอิงหย่งกลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

จ้าวอิงหย่งแค่นหัวเราะ “พวกแกอย่าบอกว่าฉันว่าไม่มียาวิเศษ อย่างอื่นฉันจะไม่พูดแล้วกัน ช่วงนี้อาจารย์เซียวกับอาจารย์โจวทำไมจู่ ๆถึงสุขภาพดีขึ้นได้? แกกล้าบอกฉันว่าไม่เกี่ยวกับลูกสาวแกงั้นเหรอ?”

เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น จ้าวอิงหย่งส่งคนตามสืบเธอ การกระทำต่ำช้าเสียจริง

“หนูไม่เข้าใจว่าลุงสามกำลังพูดอะไร อาจารย์เซียวกับอาจารย์โจวแค่โชคดีที่ได้หมอดีเท่านั้น แล้วเกี่ยวอะไรกับหนูด้วย?” เหมยเหมยพูดเสียงเรียบและกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน

ยิ่งไล่ต้อนเธอเท่าไรเธอก็ยิ่งไม่มีวันให้ยาวิเศษนั่นหรอก!

เธอชักจะสงสัยแล้วว่าเมื่อกี้ที่คุณปู่หมดสติไปเป็นการแสดงละครแล้วล่ะ!

ในเมื่อทั้งครอบครัวนี้ทำอะไรก็ไม่ค่อยโปร่งใสสักเท่าไรอยู่แล้ว

จ้าวอิงหัวแค่ฟังก็รู้ว่าเหมยเหมยไม่ยอมช่วยคุณปู่ แม้จะรู้สึกเสียใจแต่เขาไม่โทษลูกสาว คุณปู่เป็นฝ่ายทำผิดก่อนจะมาโทษเหมยเหมยว่าแค้นฝังใจไม่ได้

“นั่นสิ เหมยเหมยของฉันจะมียาวิเศษได้ไง? ฉันว่าแกสติเลอะเลือนแล้ว วัน ๆเอาแต่คิดเรื่องชั่วร้ายแบบนี้” จ้าวอิงหัวช่วยพูดอีกเสียงพลางมองจ้าวอิงหย่งด้วยสายตาดูถูกดูแคลน

คุณปู่ชายตามองเหมยเหมยแวบหนึ่งอย่างรู้สึกผิดหวังในใจ แต่ส่วนมากคือความไม่พอใจ

หลานสาวใจเหี้ยมเกินไปแล้ว ยอมช่วยคนแปลกหน้าแต่กลับไม่ยอมช่วยคุณปู่แท้ ๆอย่างเขา!

คุณปู่มั่นใจแล้วว่าเหมยเหมยมียาวิเศษในครอบครอง ตอนนี้เขาไม่มีความคิดที่จะเอายาวิเศษไปเอาใจนายใหญ่อีกแล้ว เขาแค่อยากมีชีวิตต่ออีกหลายปีเพราะสภาพร่างกายตัวเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน

ยิ่งแก่เขายิ่งกลัวตาย ไม่สิ เขายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เขายังตายไปทั้งแบบนี้ไม่ได้

เขาจะต้องเห็นตระกูลจ้าวรุ่งโรจน์ขึ้นมาอีกครั้งถึงจะตายได้อย่างสบายใจ ไม่อย่างนั้นเขาคงนอนตายตาไม่หลับ

คุณปู่ไอติดต่อกันหลายที เขาไม่อยากรออีกแล้ว วันนี้ที่เขาหมดสติไปเป็นการแสดงละครครึ่งหนึ่งและเป็นจริงอีกครึ่งหนึ่ง ความจริงสภาพร่างกายเขาแย่มากจริง ๆ ไฟชีวิตที่ใกล้ดับมอดรอความตายต้องการยาวิเศษเพื่อมาชโลมให้ฟื้นกลับมามีชีวิตใหม่โดยด่วน

“เหมยเหมย…” คุณปู่ขานเรียกด้วยเสียงแหบแห้ง ทุกคนในที่นี้ต่างเงียบเสียงลงไม่รู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร เหมยเหมยเม้มปากด้วยท่าทีอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก

เธอสังหรณ์ใจว่าต่อจากนี้คุณปู่ต้องขอยาวิเศษจากเธอโดยไม่คิดจะเล่นละครต่อไปแล้ว

ตอนนี้เธอเห็นกระจ่างแล้วว่าคนที่เล่นละครตบตาได้ดีที่สุดของตระกูลจ้าวก็คือคุณปู่ตรงหน้าผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นคุณย่าหรือจ้าวอิงสยงไม่มีใครมืออาชีพเท่าคุณปู่เลย

เธอลุกยืนเงียบ ๆ เรื่องมารยาทไม่เป็นรองใครแต่ท่าทีกลับห่างเหินมาก

คุณปู่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างเสียดอยู่กลางอกจนไออีกหลายทีปานจะขาดใจ ให้คนเห็นคอยกังวลว่าเขาจะหายใจทันหรือเปล่า

“เธอยังโทษปู่อยู่ใช่ไหม?” คุณปู่ถาม

“ไม่กล้าหรอกค่ะ” เหมยเหมยตอบเสียงเรียบ บอกเพียงว่าไม่กล้าก็สื่อให้รู้ถึงความแค้นใจของเธอแล้ว

คุณปู่เข้าใจความหมายเธอเลยหัวเราะเย้ยตัวเองก่อนจะไออีกหลายทีถึงพูดต่อ “เพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูล ไม่ว่าใครก็ต้องทนลำบากกันทั้งนั้น เหมยเหมยเธอเป็นหลานสาวของตระกูลจ้าว เธอ…”

เหมยเหมยฟังแล้วนึกรังเกียจจับใจเลยพูดขัด “ทุกคนของคุณปู่ไม่ใช่ทุกคนของหนู อีกอย่างหนูทำเพื่อตระกูลจ้าวมามากพอแล้วแต่หนูได้อะไรกลับมาบ้างคะ?”

เธอแค่นหัวเราะเสียงเย็นชาหลายทีพร้อมกล่าว “เหอะ คนตระกูลจ้าวตายกันหมดแล้วหรือไง? ผู้ชายคอยหลบเป็นกาฝากอยู่หลังหนู หนูไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะคอยให้คนอื่นมารังแกข่มเหงฝ่ายเดียว ในเมื่อใช้ชื่อสกุลจ้าวแล้วต้องทนเจอเรื่องแบบนี้งั้นหนูขอคืนนามสกุลจ้าวให้คุณปู่แล้วกัน แม่คะ หลังจากนี้ไปหนูขอสกุลเดียวกับแม่นะคะ!”

……………………………

ตอนที่ 1629 ไม่มียาวิเศษ

เหมยเหมยพูดแบบนี้ก็มีจุดประสงค์แอบแฝงเช่นกัน เธอจงใจพูดขัดไม่ให้คุณปู่พูดถึงเรื่องยาวิเศษ ขอเพียงไม่ให้โอกาสเขาได้พูดออกมาเธอก็สามารถแกล้งโง่ได้ต่อไป

แต่ถ้อยคำเหล่านี้กลับเป็นความในใจของเธอ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เธอเคยคิดจะเปลี่ยนนามสกุลแต่ตอนนี้เธอทั้งออกหนังสือทั้งถ่ายละครแล้วยังมีอสังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนมากมายภายใต้ชื่อนี้ หากเปลี่ยนนามสกุลคงเป็นเรื่องวุ่นวายมากทีเดียว

หากไม่ถึงหนทางสุดท้ายจริง ๆเธอก็ไม่อยากเปลี่ยนหรอก!

“พ่อคะ แม่คะ หนูขอตัวกลับก่อนนะ วันหลังพ่อแม่มาก็ไม่ต้องเรียกหนูมาด้วย หนูกลัวว่าถึงตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรนิดอะไรหน่อยแล้วจะโยนความผิดมาให้หนูหมด ในเมื่อหนูเป็นตัวกาลกินีนี่นา!” เหมยเหมยมองจ้าวอิงหย่งอย่างเย้ยหยันแวบหนึ่งก่อนหมุนตัวเดินออกไป

“ห้ามไป ไม่เอายาวิเศษออกมาก็ห้ามไป!”

จ้าวอิงหย่งยื่นมือไปคว้าตัวเหมยเหมยไว้ด้วยสีหน้าดุดัน

จ้าวอิงหัวเห็นดังนั้นเลยรีบไปกระชากตัวจ้าวอิงหย่งออกมา เพียงแต่จ้าวอิงหย่งกำไว้แน่นเหมือนคีมที่แกะไม่ออก เหมยเหมยถูกบีบจนแขนเกือบหักรอมร่อเจ็บจนขมวดคิ้วแน่น

“ไม่มียาวิเศษ ปล่อยมือนะ!” เหมยเหมยตวาดใส่

“จะไม่มีได้ยังไง ยังคิดจะหลอกฉันอีกเหรอ? ยัยเนรคุณ น่าโดนดีนัก!” จ้าวอิงหย่งไม่สบอารมณ์เลยตวัดฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นคิดจะตบหน้าเหมยเหมย จ้าวอิงหัวยื่นมือไปขวางไว้แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง

“จ้าวอิงหย่งแกกล้าตบเหมยเหมยดูสิ!” เพิ่งสิ้นเสียงจ้าวอิงหัวก็มีแสงขาวแวบผ่านไปก่อนจะเกิดเสียงร้องโหยหวนขึ้น จ้าวอิงหย่งที่กำลังกอดแขนก้มตัวลงด้วยความเจ็บปวด ส่วนบริเวณลำคอเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด

ฉิวฉิวนั่งอยู่ตรงหัวไหล่เหมยเหมยแล้วยีเขี้ยวขู่ใส่

กล้ารังแกเจ้านายต่อหน้าเขา เห็นเขาตายไปแล้วหรือไงกัน!

เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งก็หันหลังเดินจากไป เหยียนซินหย่าก็รีบตามไปอย่างไม่ลังเลแถมยังถลึงตาใส่จ้าวอิงหัวแรง ๆทีหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เขาที่ดั้นด้นจะมาฉลองเทศกาลปีใหม่ที่นี่ให้ได้ ตอนนี้ครอบครัวพวกเขาสามคนคงสนุกสนานกันดี ไม่จำเป็นต้องมาโดนรังแกที่นี่เลย!

จ้าวอิงหัวยืนค้างอยู่พักใหญ่เมื่อเห็นว่าทั้งภรรยาทั้งลูกสาวไปหมดแล้วเลยกล่าว “ผมก็ต้องขอตัวกลับก่อน พ่อถ้าสุขภาพไม่ดีก็รีบพักผ่อนนะ!”

เขารีบสวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่สวมหมวกพันผ้าพันคอแล้วเดินสับเท้าไปทางประตู ต้องเร็วหน่อยไม่อย่างนั้นถ้าสองแม่ลูกนั่นขับรถไป ในวันส่งท้ายปีที่ไม่มีรถผ่านไปผ่านมาแบบนี้เขาคงต้องเดินจนขาลากแน่

“เจ้าสาม ฉันอยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว!”

คุณปู่เรียกจ้าวอิงหัวไว้ด้วยใบหน้าที่เหี่ยวย่นเหมือนเปลือกส้มแห้งเหี่ยว

ได้ยินชื่อเล่นที่ไม่ได้ยินมานานทำให้จ้าวอิงหัวรู้สึกแสบจมูกน้อย ๆ ถ้ายาวิเศษอยู่ที่เขาก็คงเอาให้แล้วแต่เขาไม่มี อีกอย่างเขาไม่อาจบังคับฝืนใจให้ลูกสาวเอาออกมาได้

เทียบกับคุณปู่แล้วจ้าวอิงหัวเป็นห่วงลูกสาวมากกว่า ฉะนั้น–

“วันปีใหม่แบบนี้พ่อพูดจาเหลวไหลอะไรเนี่ย พ่อจะต้องมีอายุยืนยาวนับร้อยปี ผมไปก่อนล่ะไว้จะมาเยี่ยมใหม่” จ้าวอิงหัวสายตาหลุกหลิกไม่กล้าสบตาคุณปู่เพราะเขากลัวตัวเองใจอ่อนแต่เขาก็อับจนหนทางเช่นกัน

จ้าวอิงหัวรีบหนีเพื่อไล่ตามสองแม่ลูกเหมยเหมยให้ทัน

เหมยเหมยนั่งอยู่ตำแหน่งคนขับพลางเลิกคิ้วให้จ้าวอิงหัว “พ่อ ถ้าพ่อยังไม่ออกมาอีกหนูจะพาแม่กลับบ้านแล้วนะ”

เหยียนซินหย่าพูดเสียงเย็นชา “ให้ลูกขับรถไปตั้งแต่แรกแล้ว จะรอทำไม!”

จ้าวอิงหัวยิ้มแก้เก้อพลางเปิดประตูขึ้นรถไป ยังไม่ทันนั่งก้นติดเบาะดีรถก็สตาร์ททำเขาตกใจรีบปิดประตูรถทันทีก่อนพูดเสียงโวย “เหมยเหมยอย่าล้อเล่น ลูกขับรถเป็นที่ไหน!”

“ปึง”

คล้ายว่ารถยนต์จะไปชนของบางอย่างเข้าเลยส่งเสียงดังสนั่นเรียกให้จ้าวอิงหัวใจสั่นหน้าขาวซีด

“พี่หมิงซุ่นยังชมว่าหนูขับดีเลย!” เหมยเหมยบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจก่อนที่ตัวรถจะสั่นอีกครั้ง พอเห็นว่าจ้าวอิงหัวหน้าซีดไปหมดแล้วถึงยอมขับรถตามปกติไม่แกล้งพ่อของเธออีก

ใครใช้ให้จ้าวอิงหัวดึงดันจะมาฉลองเวลาเทศกาลปีใหม่ที่นี่กันล่ะ!

จ้าวอิงหัวลอบก่นด่าในใจ เจ้าเหยียนหมิงซุ่นคงเพื่อเอาใจลูกสาวเขาถึงขนาดพูดโป้ปดหน้าตาเฉย

นี่เรียกว่าขับดีหรือ?

……………………….