บทที่ 1632 มอบยาให้ + ตอนที่ 1633 ฉันอยากเรียนขับเครื่องบิน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1632 มอบยาให้ + ตอนที่ 1633 ฉันอยากเรียนขับเครื่องบิน Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1632 มอบยาให้

พอส่งจ้าวอิงหัวสองสามีภรรยาไปแล้วเหมยเหมยก็กลับบ้านตัวเองทันที เหยียนหมิงซุ่นเก็บข้าวของจัดกระเป๋าเดินทางและยังมีเรื่องที่ต้องกำชับลูกน้องไว้ด้วย

ตอนที่เธอไปถึงบ้าน เสียวหลี่กับเสี่ยวอวิ๋นต่างแบกสัมภาระเดินออกมาพอดี พอเห็นเธอก็ยืนตรงคำนับในแบบฉบับทหาร เหมยเหมยจึงรีบโค้งคำนับกลับ

“พวกคุณกลับเข้ากองทัพหรือกลับบ้านเหรอ?”

“กลับกองทัพค่ะ ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก” เสี่ยวอวิ๋นตอบ สีหน้ากระตือรือร้นอยากลิ้มลองจนอดใจแทบไม่ไหว เมื่อเทียบกับการได้อยู่ในบ้านคอยปกป้องคุณหนู เขาชื่นชอบการออกปฏิบัติหน้าที่ที่อันตรายมากกว่า

ไม่งั้นเธอจะผ่านความยากลำบากทั้งหมดมาจนกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเหยียนหมิงซุ่นทำไมเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเห็นว่าการติดตามคุณชายหมิงมีท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ให้เธอได้โบยบิน!

แต่ไม่ใช่การอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ แม้มันจะทำให้มีอายุยืนยาวเธอก็ไม่ต้องการ เหมยเหมยมองคนทั้งคู่ที่คอยอยู่กับเธอมาค่อนเดือน อ่อนเยาว์มากกำลัง องอาจกล้าหาญ เป็นเพราะการอุทิศตนของพวกเขาถึงได้ทำให้ประเทศชาติและราษฎรอยู่อย่างผาสุก

“พวกเธอรอฉันก่อน ฉันมีของจะให้พวกเธอ!”

เหมยเหมยวิ่งเหยาะ ๆเข้าไปหาเหยียนหมิงซุ่นในบ้าน เธออยากจะมอบยาอมที่ทำเองให้กับเสี่ยวอวิ๋นและคนอื่น ๆ ถึงยาอมจะช่วยชีวิตไม่ได้แต่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น และในช่วงที่ไม่มีอาหารก็จะช่วยบำรุงกำลังได้ด้วย

เสี่ยวอวิ๋นและคนอื่น ๆปกป้องเธอมาครึ่งเดือน เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องกับพวกเขา

เหยียนหมิงซุ่นยังคงสั่งงานกับลูกน้องอยู่ พอเห็นเหมยเหมยยืนกวักมือเรียกอยู่หน้าประตูตรงหว่างคิ้วของเขาก็คลายลงพร้อมกับเดินออกไป

“มีอะไรหรือ?”

น้ำเสียงอ่อนโยนมาก ถึงแม้ลูกน้องไม่กี่คนในบ้านจะคุ้นชินแล้วแต่ก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดี ถ้าคุณชายหมิงดีต่อพวกเขาได้สักครึ่งหนึ่งของคุณหนูจ้าวก็นับว่าบุญโขแล้ว

เหมยเหมยเขย่งเท้าพลางกระซับข้างหูเขา เมื่อพูดจบดวงตากลมโตก็จ้องมองเขาปริบ ๆ

เหยียนหมิงซุ่นเคยมีความคิดที่จะให้ลูกน้องใช้ยาวิเศษแต่ถ้าเหมยเหมยไม่พูดออกมาก่อน ตลอดชีวิตนี้เขาก็ไม่มีทางเอ่ยถึง แต่ตอนนี้เหมยเหมยกลับพูดออกมาก่อน ถ้างั้น…

“ถ้าให้พวกเสี่ยวอวิ๋นก็ต้องให้คนอื่น ๆด้วยนะ เธอเต็มใจเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม

เหมยเหมยกัดริมฝีปาก เหลือบมองลูกน้องไม่กี่คนที่อยู่ในบ้านพลางพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น “เต็มใจค่ะ พวกเขายอมสละชีพเพื่อประเทศชาติ ควรค่าที่จะใช้ยาพวกนี้!”

เมื่อก่อนความคิดของเธอนั้นแคบเกินเอาแต่กังวลว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง จึงซ่อนยาวิเศษไว้อย่างมิดชิด ซึ่งแบบนี้ไม่ดีเลย เธอต้องทำเพื่อเหยียนหมิงซุ่นบ้าง เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วบีบจมูกของเธออย่างเอ็นดู เอ่ยเสียงแหบพร่า “ขอบใจมากนะที่รัก!”

ถ้าไม่เป็นเพราะเขา เหมยเหมยไม่มีทางนำยาวิเศษออกมาเด็ดขาด ขนาดคุณปู่จ้าวเหมยเหมยยังไม่ยอมเลย!

คนอื่น ๆล้วนพูดว่าเขาเป็นคนปกป้องเหมยเหมย แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเหมยเหมย เขาคงไม่อาจยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ อาจจะตายในหน้าที่ไปแล้ว

เหมยเหมยย่นจมูกอย่างออดอ้อน เหมยเหมยหยิบยาอมออกมาขวดหนึ่ง เม็ดยามีอยู่ราวร้อยกว่าเม็ดแล้วยกทั้งหมดนั่นให้เหยียนหมิงซุ่น

“ถ้าไม่พอฉันจะไปทำเพิ่ม ไม่นานหรอก!”

“พอแล้วล่ะ คนที่ต้องใช้มีไม่มาก”

เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้คิดจะใช้ยาวิเศษกับทุกคน คิดว่าจะให้แค่พวกลูกน้องคนสนิทเท่านั้น และนี่ก็เป็นวิธีการซื้อใจคนอย่างหนึ่งของเขา ด้วยสวัสดิการที่แตกต่างจะทำให้คนอื่น ๆทุ่มเทมากขึ้น!

เหมยเหมยเอาให้พวกเสี่ยวอวิ๋นและเสียวหลี่คนละสิบเม็ดด้วยตัวเอง

“นี่เป็นยาอมที่พี่หมิงซุ่นขอให้แพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกทำขึ้นมา พวกเธอกินแค่ห้าเม็ดก่อน อีกห้าเม็ดเก็บไว้ใช้ในยามมีภัยอันตราย บางทีอาจช่วยให้พวกเธอผ่านช่วงที่ยากลำบากไปได้”

สายตาของเหมยเหมยที่หนักแน่นทำให้เสี่ยวอวิ๋นทั้งคู่ที่ไม่ค่อยจริงจังนักพลันหนักแน่นตามไปด้วย สองมือรับยา พร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ

เพราะยาพวกนี้ถึงช่วยให้พวกเขาโชคดีเอาชีวิตรอดมาได้ ไว้ค่อยเล่าทีหลังแล้วกัน

………………………………………………………..

ตอนที่ 1633 ฉันอยากเรียนขับเครื่องบิน

เหยียนหมิงซุ่นเองก็แบ่งให้ลูกน้องคนอื่น ๆคนละสิบเม็ดเช่นกัน และพูดเช่นเดียวกับเหมยเหมย ต่อให้เรื่องยาวิเศษแพร่งพรายออกไปคนอื่นก็ไม่มีทางสงสัยมาถึงตัวเหมยเหมยได้

ภายในบ้านเหลือพวกเขาแค่สองคน เหยียนหมิงซุ่นวางกระเป๋าสัมภาระที่จัดไว้เสร็จนานแล้วขึ้นรถเตรียมตัวไปสนามบิน

“ไม่เตรียมของฝากขึ้นชื่อไปหน่อยเหรอ? ถึงอย่างไรก็เป็นเดือนแรกของปีนะ!” เหมยเหมยเห็นกระเป๋าสัมภาระที่เรียบง่ายก็อดไม่ได้ที่จะพูด

เหยียนหมิงซุ่นปิดประตูท้ายรถหมุนตัวกลับมาหยิกแก้มเธอ ยิ้มและพูดว่า “เธอคือของขวัญที่ดีที่สุด อย่างอื่นไม่ต้องเอาไปหรอก!”

เหมยเหมยมองค้อนเขายังคงคิดว่าไม่ถูกต้องนัก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอไปในฐานะคู่หมั้นของเหยียนหมิงซุ่นเลยนะ! แล้วก็เป็นช่วงปีใหม่ด้วย ถึงอย่างไรก็ไม่ควรจะเสียมารยาท

“ไม่ได้ เราต้องไปซื้อของฝากที่ห้างสักหน่อยก่อน ถ้าเราไปมือเปล่า คุณปู่คุณย่าของพี่คงไม่คิดอะไรหรอกแต่เพื่อนบ้านเห็นเข้าจะว่าเอาได้”

การหิ้วของไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ความจริงคือการหิ้วไปให้คนอื่นเห็น แบบนั้นถึงจะทำให้คนเฒ่าคนแก่ได้หน้าได้ตาต่างหากล่ะ!

เหยียนหมิงซุ่นปิดปากเงียบไม่แย้งอะไร เบื่อที่จะถกเถียงเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆกับเหมยเหมย ทุกอย่างเอาตามที่เธอสบายใจ แค่ต้องไปซื้อของฝากที่ห้างก่อน ถุงน้อยถุงใหญ่กองพะเนินเป็นภูเขาลูกเล็ก

“พี่ขับเครื่องบินเองไม่ใช่เหรอ งั้นเอาไปเยอะ ๆก็แล้วกัน เอาไปให้คุณอาและพวกญาติทุกคนของพี่ด้วยเลย ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน!” เหมยเหมยจัดการได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

“สมแล้วที่เป็นภรรยาของพี่คิดได้รอบคอบมาก กลับไปต้องบอกให้คุณย่าคุณยายใส่ซองแดงหนา ๆให้เธอแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างกระหยิมยิ้มย่อง

เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อ แต่พอคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นคุณนายเหยียนในเร็ว ๆนี้ ในใจก็หวานหยดย้อยปานน้ำผึ้ง รอยยิ้มค่อย ๆเผยกว้างขึ้น ไม่แม้แต่จะปกปิดความดีใจเลยสักนิด

สายตาเอ็นดูรักใคร่ของเหยียนหมิงซุ่นนั้นอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าสายไหม หมุนตัวมาช่วยรัดเข็มขัดนิรภัยให้เหมยเหมย จากนั้นก็หยิกแก้มเธออย่างอดไม่ได้แล้วค่อยออกรถ

เครื่องบินของเขาจอดอยู่ในสนามบินค่ายทหาร ทันทีที่พวกเขาไปถึงก็มีคนเข้ามาทำความเคารพรายงานความปกติของเครื่องบินให้เหยียนหมิงซุ่นวางใจในการขับขี่

นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยเหมยมาสนามบินค่ายทหาร  สิ่งที่ผ่านเข้าตาล้วนเป็นสีเขียวทั้งหมด ดูเข้มงวดน่าเกรงขาม บรรยากาศแตกต่างจากสนามบินพลเรือนอย่างสิ้นเชิง เหยียนหมิงซุ่นก็ทำการตรวจสอบเครื่องบินด้วยตัวเองอีกครั้งถึงวางใจให้เหมยเหมยขึ้นมาพร้อมเตรียมออกบิน

“ขับเครื่องบินเรียนง่ายไหม?”

เครื่องบินขับเคลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว มองก้อนเมฆนอกหน้าต่างอันงดงาม เหมยเหมยตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ความรู้สึกนั้นต่างไปจากการได้นั่งเครื่องบินพลเรือนโดยสิ้นเชิง น่าตื่นเต้นกว่ามาก ๆราวกับได้โบยบินบนท้องฟ้าจริง ๆ

เป็นความรู้สึกอิสระที่ได้โผบินบนท้องฟ้าสูงทะเลกว้าง!

“ขับเครื่องบินไม่ได้เรียนง่ายขนาดนั้น เธอขับรถบนถนนจะดีกว่านะ” เหยียนหมิงซุ่นไม่เห็นด้วย

ทุกวันนี้นับวันภรรยาของเขาก็ยิ่งป่าเถื่อนขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรียนจนขับเครื่องบินได้ล่ะก็เกรงว่าจะลอยขึ้นฟ้าแล้วล่ะ ให้อยู่บนพื้นไปแบบนั้นจะดีกว่า!

เหมยเหมยมุ่ยปาก ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจพร้อมหันหน้าไปชมวิว

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มพลางถอนหายใจ ความเอาแต่ใจก็เริ่มมีมากขึ้นทุกวี่วัน เขาจึงทำได้เพียงยอมให้ “วันหลังถ้ามีเวลาพี่จะสอนเธอขับเครื่องบินแล้วกัน แบบนี้โอเคไหม?”

“ขอบคุณค่ะคุณสามี พี่ดีที่สุดแล้ว!”

เหมยเหมยยิ้มตาหยีในทันทีตาโค้งราวพระจันทร์เสี้ยว

ขอแค่เรียนขับเครื่องบินเป็น ต่อไปนี้เธออยากไปไหนก็ไปได้ เครื่องบินสะดวกสบายกว่ารถยนต์มาก!

เมืองจิน บ้านตระกูลเหยียน

คุณย่าหยางมองถานซูฟางที่มาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยด้วยสายตาไม่เป็นมิตร สับสนภายในใจ ไม่ใช่ว่าถูกหลานชายคนโตสั่งย้ายไปช่วยงานอยู่ภาคใต้เหรอ? ทำไมถึงกลับมาล่ะ?

“แม่คะ หมิงซุ่นจะกลับมาใช่ไหม? เดี๋ยวหนูช่วยแม่ทำอาหารนะคะ”

ความหยิ่งผยองของถานซูฟางเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ขยันขันแข็งขึ้นมาก หนำซ้ำยังรู้จักเอาอกเอาใจมากขึ้น เธอดูจะแก่ตัวลงมาก ทั้งดำทั้งผอม การแต่งกายค่อนข้างบ้านนอก ไหนเล่าจะหลงเหลือบุคลิกของภรรยาคนตำแหน่งใหญ่โตเหมือนตอนนั้นอีก?

…………………………………………………………..