ตอนที่ 2011 คลื่นยักษ์ที่รุนแรง

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2011 คลื่นยักษ์ที่รุนแรง

 

หลิงฮันถอนหายใจโล่งอก เขาไม่ใช่พวกดวงซวยที่ดึงดูดแต่ศัตรูให้เข้าหาจริงๆ ด้วย

 

เพราะคลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเขาเสียหน่อย

 

ทุกคนบนเรือรีบเคลื่อนไหว ส่วนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังดาดฟ้าเรือ ในขณะที่อีกกลุ่มมุ่งหน้าไปยังท้องเรือ เพื่อเตรียมการรับมือกับคลื่นยักษ์

 

หลิงฮันขึ้นมายังดาดฟ้าเรือและหันมองรอบด้าน ก่อนจะพบเห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ กําลังซัด มายังทษทางของพวกเขา ภายในคลื่นยักษ์ตรงหน้านี้ ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นตราประทับที่ ส่งประกายอยู่ได้อย่างชัดเจน

 

คลื่นยักษ์นี้ไม่ใช่คลื่นยักษ์ธรรมดา เนื่องจากพลังทําลายของมันเทียบได้กับการโจมตีของปรมาจารย์ที่ทรงพลัง

 

“เป็นคลื่นยักษ์ที่มีพลังทําลาย ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้เป็นอย่างน้อย” หลิงฮันจ้องมองตราประทับบนคลื่นอยู่ครู่หนึ่งและรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว

 

แม้การรับรู้พลังของจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่าจะเป็นเรื่องยาก แต่คลื่นยักษ์ตรงหน้านั้นมีตราประทับที่บ่งบอกพลังอยู่อย่างชัดเจน

 

นี่จะต้องเป็นคลื่นยักษ์ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้อย่างแน่นอน หากหลิงฮันถูกคลื่นยักษ์ซัดเข้าใส่ตรงๆ เกรงว่าร่างคงจะถูกบดขยี้เป็นเศษซากในพริบตา

 

“รีบเปิดใช้ค่ายกลคุ้มกันเร็วเข้า” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา

 

หลิงฮันเองก็ลงมือช่วยเช่นกัน ในเมื่อลงเรือลําเดียวกันแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีส่วนช่วยเหลือเมื่อพบเจออันตราย

 

แม้บนเรือจะมีค่ายกลอาคมคุ้มกันอยู่หนึ่งเดียว แต่แก่นรูปแบบอาคมที่ติดตั้งเอาไว้นั้นมีอยู่หลายสิบจุด เพราะงั้นจึงสามารถชี้นําปราณก่อเกิดเข้าไปยังรูปแบบอาคมได้หลายที่พร้อมกัน

 

หลิงฮันไม่ลังเลและช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ

 

‘พรึบ’ แสงของแก่นรูปแบบอาคมส่องประกายขึ้นที่ละจุด และเกราะคุ้มกันรูปทรงไข่ได้ปรากฏขึ้นรอบตัวเรือ

 

‘ตูม’ คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง จนเกราะคุ้มกันเกิดการสั่นสะเทือน

 

คลื่นยักษ์นี้ไม่เพียงมีพลังทําลายที่น่าสะพรึงกลัว แต่ยังผสานเอาไว้ด้วยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่มีคุณสมบัติกัดกร่อนอีกด้วย

 

‘ครืนน’ ยิ่งคลื่นยักษ์ถาโถมนานเท่าไหร่ อํานาจแห่งกฏเกณฑ์ก็ยิ่งกัดกร่อนให้เกราะคุ้มกันบางลง ‘ฟู่ว’ คลื่นยักษ์พัดผ่านไปในที่สุด ซึ่งหลังจากนั้นเกราะคุ้มกันก็พังทลายลงพอดี

 

นับว่าพวกเขาโชคดีอย่างมาก ถ้าหากเกราะคุ้มกันพังทลายเร็วกว่านี้เพียงเล็กน้อยล่ะก็ พวกเขาคงจะถูกบดขยี้ไม่เหลือซากไปแล้ว

 

เพียงแต่ก่อนที่ทุกคนจะมีเวลาให้ดีใจ คลื่นยักษ์ก็ถาโถมเข้ามาจากด้านหน้าอีกครั้ง

 

ยังมีอีกระลอก!

 

หลังจากตกตะลึง พวกเขาก็รีบถ่ายเทปราณก่อเกิดเข้าไปยังแก่นรูปแบบอาคมอีกครั้ง

 

‘พรึบ’ เกราะคุ้มกันปรากฏขึ้นมาใหม่ โดยที่ทุกคนพยายามรีดเค้นพลังอย่างสุดความสามารถ

 

ตูม!

 

คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่จนเกราะคุ้มกันสั่นสะเทือน

 

ครั้งนี้พวกเขาก็โชคดีอีก ที่เกราะคุ้มกันพังทลายหลังจากที่คลื่นยักษ์พัดผ่านไป

 

หลังจากคลื่นยักษ์ลูกนี้ ก็ยังมีคลื่นลูกที่สามต่อ

 

ไม่จบไม่สิ้นเลยรึไง?

 

ทุกคนไม่มีเวลาจะมาบ่น และต้องรีบกระตุ้นค่ายกลอาคมอีกครั้ง

 

ลูกที่สาม… สี่ ห้า…คลื่นยักษ์ยังคงถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน หลังจากผ่านไปเจ็ดร้อยกว่าลูก ทุกคนก็โอดครวญและเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก

 

ลูกสี่แปดร้อย… เก้าร้อย… หนึ่งพัน

 

‘ตุบ’ ใครบางคนทรุดตัวลงกับพื้นเรือด้วยความเหน็ดเหนื่อย และหมดสติในทันที

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ลูกเรือคนอื่นๆ ที่เหลืออยู่ย่อมต้องรับภาระที่หนักยิ่งขึ้น เพื่อทดแทนหน้าที่ของคนที่สลบไป

 

หนึ่งพันสองร้อย… หนึ่งพันสี่ร้อย!

 

‘ตุบ ตบ ตุบ’ จํานวนของคนที่หมดสติมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนแรกหลิงฮันคิดจะให้พวกจักรพรรดินีออกมาช่วย แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปทันที เนื่องจากพลังของพวกเขากับคลื่นยักษ์แตกต่างกันเกินไป ต่อให้เพิ่มจํานวนขึ้นมาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

นอกจากนี้ก็ยังมีตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ ที่คอยช่วยต้านทานคลื่นยักษ์ที่อยู่บริเวณหัวเรือ หากไม่ใช่เพราะเขาช่วยสกัดคลื่นยักษ์บางส่วนออกไป เรือลํานี้คงพังทลายไปนานแล้ว

 

ตูม! ตูม! ตูม! โครม!

 

หลังจากถูกคลื่นยักษ์เกือบจะหนึ่งพันห้าร้อยลูกซัดเข้าใส่ เรือก็ถึงขีดจํากัดและพังทลายลงในที่สุด

 

ทันใดนั้นเอง ร่างของทุกคนก็ถูกชัดลอยกระเด็น

 

“รีบดําลงไปยังมหาสมุทร อาจจะยังพอรอดชีวิต!” ปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ตะโกนเสียงดัง

 

ทุกคนรีบดําดิ่งลงไปใต้มหาสมุทรอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคลื่นลูกใหม่เริ่มเข้ามาใกล้แล้ว

 

เพียงแต่ก็มีคนส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถดําลงไปในความลึกที่มากพอได้ทัน เมื่อคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่ ร่างของพวกเขาก็ถูกบดขยี้กลายเป็นละอองโลหิตในพริบตา

 

หนึ่งวัน สามวัน สิบวัน หลังจากรอคอยเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ในที่สุดคลื่นยักษ์ก็อ่อนแรงลง

 

ใช่แล้ว เพียงแค่อ่อนแรงลงเท่านั้นแต่ยังไม่หยุด

 

พลังทําลายของคลื่นยักษ์ลดลงไปเหลือเพียงแค่ระดับโลกียนิพพาน แค่ระยะของมันก็ขยายกว้างขึ้น ส่งผลให้ร่างของผู้คนถูกพัดแยกออกจากกัน

 

‘ฟึบ’ หลิงฮันลอยตัวขึ้นมาจากมหาสมุทร และพบเห็นเพียงคนเจ็ดคนที่ยังอยู่รอบข้าง บังเอิญเหลือเกินที่ฉินเหว่ย คนที่ช่วยให้เขาขึ้นเรือด้วยก็อยู่หมู่คนเจ็ดคนนี้ด้วย เพียงแต่ถ้าหากลองมองไปในระยะที่ไกลขึ้น ก็จะพบว่ายังมีคนอีกจํานวนหนึ่งที่ลอยอยู่ในบริเวณห่างไกลโดยที่ จํานวนคนลดลงกว่าจํานวนที่นับได้บนเรือมาก

 

หลิงฮันคว้าเกาะเศษซากเหลือเอาไว้ น้ําทะเลในมหาสมุทรแห่งนี้พิเศษเป็นอย่างมาก ทําให้ยากต่อการใช้ร่างกายของตนเองแหวกว่าย

 

หลังจากสถานการณ์สงบลง ทุกคนโดยรอบก็มารวมตัวกัน ซึ่งจํานวนคนที่เหลืออยู่คือสามสิบสี่คนเท่านั้น ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ นอกจากนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง บางที่พวกเขาอาจจะตายไปแล้ว หรืออาจจะรวมตัวกันเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไกล

 

ทุกคนนั่งลงบนเศษซากเรือและลอยไปตามคลื่น

 

ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนทําได้มีเพียงหวังให้เรือขนสินค้าลําอื่นผ่านมาช่วยเหลือเท่านั้น

 

ส่วนหลิงฮันนั้นเขายังมีความหวังอยู่อีกอย่างหนึ่งคือหวีไฟหรง ตอนนี้นางคงจะกําลังตามหาฮูหนิวอยู่เป็นแน่

 

หลังจากเวลาผ่านไปหลายวัน สายลมที่รุนแรงก็พัดผ่านท้องมหาสมุทร ทําให้ซากเรือที่ทุกคนนั่งอยู่เคลื่อนที่ได้ไว ยิ่งกว่าตอนนี้พวกเขานั่งอยู่บนเรือเสียอีก

 

เจ็ดวันต่อมาเงาสีดําก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของทุกคน

 

“คงไม่ใช่จ้าวมหาสมุทรหรอกนะ” ใครบางคนกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ

 

“ไม่ใช่ นั่นมันเกาะ!”

 

“โอ้ ข้าคิดว่าข้าเห็นสิ่งก่อสร้างบนเกาะนั่นด้วย”

 

“ยอดไปเลย พวกเราไปอาศัยอยู่ที่นั่นกันก่อน ยิ่งกว่านั้นต้นไม้ที่เติบโตในเขตมหาสมุทรไร้พรมแดน ก็สามารถนํามาใช้สร้างเป็นเรือได้ เพียงแค่ติดตั้งรูปแบบอาคมง่ายๆ บนเรือ พวกเราก็จะสามารถข้ามมหาสมุทรแห่งนี้ไปได้”

 

“ใช่แล้ว ตราบใดที่ไม่พบเจอพายุหรือคลื่นที่รุนแรง เพียงแค่นั้นก็น่าจะพอ”

 

ทุกคนตื่นเต้นและรีบออกแรงใช้มือทั้งสองข้างพายซากเรือมุ่งไปยังเกาะ