เธอร้องไห้ปากของเธอพึมพำ:”ลูกชายของฉัน หลานชายของฉัน เธอสองคนลำบากมากสินะ!”

เซียวไห่หลงรู้สึกเสียใจราวกับเป็นเด็ก ปาดน้ำตาแล้วสะอึก:”คุณย่า คุณไม่รู้หรอกว่า ผมเจอความทุกข์ยากแบบใดกับพ่อในช่วงเวลานี้ นี่คือความยากลำบากที่ผมไม่เคยเจอในชีวิตนี้ ผมรับมาหมดแล้ว ”

เซียวฉางเฉีบนถอนหายใจและพูดว่า:”เฮ้อ ก็เหมือนเดิม อย่าพูดถึงเรื่องเหล่านั้นเลย พูดออกไปจะทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น”

นายหญิงใหญ่เซียวพยักหน้าและรีบถามว่า:”จริงสิฉางเฉียนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ใครเป็นคนประกันตัวพวกเรา?”

“ผมก็ไม่รู้……”เซียวฉางเฉียนส่ายหัวแล้วพูดว่า:”ผมกับไห่หลงก็ถูกพาตัวออกไปในทันที แล้วรถของพวกเขาก็ส่งเรามาที่นี่และให้เรารอที่นี่ เราไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร”

ในเวลานี้ ชายที่รับนายหญิงใหญ่เซียวและเซียวเวยเวยจากสถานกักขัง รีบเดินไปหาครอบครัวสี่คนอย่างรวดเร็วและพูดว่า:”ขอแนะนำตัว ผมชื่ออู๋ตงเฟิง เป็นของตระกูลอู๋ของซูหาง พี่ชายชื่ออู๋ตงไห่ พวกคุณน่าจะเคยได้ยิน”

“ตระกูลอู๋?!”สมาชิกทั้งสี่ของตระกูลเซียวตกตะลึง

พวกเขาจะไม่รู้จักตระกูลอู๋ได้อย่างไร?

ตระกูลอู๋เป็นตระกูลอันดับ 1 ของเจียงหนานที่เก่งกว่าตระกูลซ่งมาก!

ตอนนั้นเมื่อนายท่านตระกูลอู๋อยู่ในการควบคุม ตำนานของเขาได้แพร่กระจายไปทั่วภาคเจียงหนาร

ตอนนั้น นายท่ายเซียวมักพูดถึงนายท่านของตระกูลอู๋ทุกวัน และถือว่าเขาเป็นไอดอลที่คู่ควรกับการพยายามเลียนแบบ

ตระกูลเซียวไม่เคยคิดฝันว่าพวกเขาจะสามารถสร้างความสัมพันธ์กับตระกูอู๋ และคราวนี้ตระกูลอู๋เป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเขา นี่มันน่าทึ่งจริงๆ หรือว่าตระกูลเซียวจะมีเงินทองไหลมาเหรอ?

เมื่อคิดเช่นนี้ นายหญิงใหญ่เซียวก็ยิ้มอย่างประจบสอพลอให้กับอู๋ตงเฟิงและถามว่า:”คุณอู๋ ฉันขอถามคุณหน่อย คุณพาเราออกมา แล้วพาเรามาที่นี่ จะทำอะไรเหรอคะ?”

อู๋ตงเฟิงพูดอย่างใจเย็น:”ผมมารับพวกคุณตามคำสั่งของพี่ชายคนโตของผม แต่รับพวกคุณไปทำไมกันแน่ ผมก็ไม่รู้ แต่เวลาเร่งด่วน อย่าถามคำถามมากมาย ขึ้นเครื่องบินก่อน พี่ชายของผมจะอธิบายให้พวกคุณฟังเอง”

เมื่อนายหญิงใหญ่เซียวได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าทันทีและโพล่งออกมา:”คุณอู๋พูดถูก เราไม่ควรถ่วงเวลาคุณ และอย่าเสียเวลาของพี่ชายคุณ เราควรขึ้นเครื่องบินไปซูหางและพบพี่ชายของคุณก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

อู๋ตงเฟิงพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไร แล้วจึงก้าวขึ้นเครื่องบินสมาชิกสี่คนของตระกูลเซียวรีบตามหลังเขาและขึ้นเครื่องบิน

เมื่อกี้เซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงได้ขึ้นเครื่องบินแล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นเครื่องบิน พวกเขาไม่แปลกใจกับการตกแต่งภายในที่หรูหราของเครื่องบินมากนัก

แต่นายหญิงใหญ่เซียวและเซียวเวยเวยตกตะลึง

พวกเขาเคยนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวซะที่ไหน? ปกตินั่งเครื่องบินอแกไปยังไม่กล้านั่งชั้นหนึ่งเลย นับประสาเครื่องบินส่วนตัว

ดังนั้นนายหญิงเซียวจึงเปรียบเสมือนคุณยายหลิวที่เข้ามาชมในสวน ดวงตาของเธอเปล่งประกาย ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ไหน

อู๋ตงเฟิงดูถูกครอบครัวนี้จากใจเลย เขารู้สึกว่าอึดอัดเล็กน้อย ที่จะนั่งบนเครื่องบินลำเดียวกันพร้อมกับพวกบ้านนอกจำนวนมาก

ดังนั้นเขาจึงทักทายพนักงานต้อนรับหญิงที่มีเสน่ห์ รินวิสกี้ให้เขาสักแก้ว แล้วขอเอาผ้าปิดตาให้ตัวเอง

แอร์โฮสเตสในกระโปรงสั้นบิดตัวที่อวบอ้วนของเธอ รอให้อู๋ตงเฟิงดื่มจนเสร็จ และรอเขาอีกครั้ง ช่วยเขาสวมผ้าปิดตาแนบหูแนบหูแล้วพูดว่า:”คุณพักผ่อนก่อน เครื่องบินจะบินแล้ว ถ้าคุณต้องการอะไรให้เรียกฉันอีกครั้ง”

เซียวไห่หลงมองจากที่นั่งด้านหลัง

แอร์โฮสเตสคนนี้ก็สวยเกินไป และเธอถึงขั้นพยายามเอาใจอู๋ตงเฟิง ถ้าเธอสามารถให้บริการตัวเองแบบนี้ได้ จะยอดเยี่ยมขนาดไหน…

เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็รีบพูดกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินว่า :”สวัสดีครับ ช่วยนำไวน์มาให้ผมสักแก้วได้ไหม?”

หลังจากให้บริการอู๋ตงเฟิง แอร์โฮสเตสก็ลุกขึ้น ดึงกระโปรงของเธอลง และพูดอย่างเหยียดหยาม:”ขอโทษค่ะ ฉันเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินส่วนตัวของคุณอู๋ และฉันไม่ให้บริการคนอื่น”