บทที่ 2161 หาเจอแล้ว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ประมุขชิงส่ายหน้าให้ซ่างกวนชิง เรื่องนี้ย่อมยอมไม่รับไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้พวกซีเหมินอู๋เหย่ถอยไปซ่อนตัวหรอก

ซ่างกวนชิงตอบทันทีว่า : กองทัพองครักษ์สิบล้านลอบสังหารท่านอ๋องเหรอ? ไม่มีเรื่องนี้แน่นอน! อ๋องสวรรค์ อย่าบอกนะว่าดูไม่ออกว่าตระกูลเซี่ยโห้วมีเจตนาไม่ซื่อ? ทัพใหญ่แดนรัตติกาลโจมตีกำลังพลของเจ้า เบื้องหลังองค์ชายมีใครยืนอยู่ ยังต้องให้บอกอีกเหรอ?

เหมียวอี้ : ช่างน่าขำ! ไม่ต้องร่วมมือกันหรอก อ๋องผู้นี้แก้ไขปัญหาเองได้!

จบการติดต่อตรงนี้ ซ่างกวนชิงส่ายหน้าอย่างจนปัญหา สื่อให้ประมุขชิงรู้ว่าเจรจาไม่ได้ผล

อีกด้านหนึ่ง หลังจากหยางเจาชิงรอให้เหมียวอี้วางระฆังดาราแล้ว ถึงได้รายงานว่า “ท่านอ๋อง เฮยทั่นส่งข่าวมาแล้วขอรับ กำลังพลดักซุ่มถอยแล้ว เข้าไปซ่อนตัวในจุดลึกของแดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้ว!”

“คิดจะหนีเหรอ?” เหมียวอี้แสยะยิ้ม “บอกเฮยทั่น อย่ามัวขี้โม้ให้ข้าฟัง สะกดรอยตามกำลังพลดักซุ่มไว้ให้ดี ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นมีประโยชน์มาก ข้าต้องเอามาให้ได้ ถ้าทำให้งานข้าพัง ข้าจะไม่ยกโทษให้เขา! บอกชิงเยว่ ลงมือได้!” ขณะที่สั่งก็หยิบฆังดาราออกมาติดต่อเถิงเฟย

“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับ

จวนอ๋องสวรรค์เถิง เถิงเฟยเดินไปเดินมาอยู่ระหว่างศาลา ตอนนี้หยุดฝีเท้าแล้วหันมาถามว่า “แน่ใจนะว่าทัพใหญ่แดนรัตติกาลโจมตีออกมาแล้ว?”

เถิงจงพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ ยืนยันแล้ว”

เถิงเฟยเผยสีหน้าร้อนรนทันที เริ่มเดินไปเดินมาอีก คุยกับหนิวโหย่วเต๋อไว้แล้วว่าถ้าทัพใหญ่แดนรัตติกาลลงมือเมื่อไร ฝั่งเขาก็จะลงมือตาม แต่ใครจะคิดว่าประมุขชิงจะเห็นเรื่องลูกชายก่อกบฏเป็นเรื่องรอง เพ่งเล็งเขาไม่ปล่อย กำลังพลกองทัพองครักษ์หลายร้อยล้านกำลังจ้องเขม็งอยู่ตรงหน้าเขา ชัดเจนแล้วว่าจะหนุนหลังเฉิงไท่เจ๋อให้ได้ ทำให้เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวส่งเดช

ฝั่งนี้กังวลอะไร สิ่งนั้นก็มาถึง เหมียวอี้ส่งข่าวมาแล้ว เถิงเฟยหยิบระฆังดาราออกมา : ท่านอ๋องหนิว ทางฝั่งเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?

เหมียวอี้ : ท่านอ๋องเถิง อย่าถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ เหตุใดฝั่งเจ้าถึงยังไม่ลงมืออีก?

ตอนนี้เขาอยากจะจุดชนวนปัญหาไปทั่ว ให้ประมุขชิงปวดหัว ไม่มีทางรวบรวมกำลังมารับมือกับการเคลื่อนไหวตอนหลังของเขาได้ อาศัยให้เถิงเฟยตรึงกำลังพลกองทัพองครักษ์กลุ่มนั้นไว้ แต่ใครจะคิดว่าเถิงเฟยไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ ทำให้กองทัพองครักษ์กลุ่มนั้นย้ายที่ทำศึกได้ทุกเมื่อ ที่เถิงเฟยไม่ลงมือก็เพราไม่แน่ใจว่าจะเหนี่ยวรั้งกำลังพลกองทัพองครักษ์กลุ่มนั้นได้

เถิงเฟย : สถานการณ์ของฝั่งข้า คาดว่าเจ้าก็คงรู้ดี กองทัพองครักษ์ระดมพลห้าร้อยล้านแล้ว ข้าจะเอากำลังมากมายจากไหนมาปะทะกับพวกเขา ไหนจะกำลังพลของเฉิงไท่เจ๋ออีก ฝั่งข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย!

เหมียวอี้ : ไม่ได้ให้เจ้าออกรบฝ่ายเดียวเสียหน่อย ขอเพียงกองทัพองครักษ์กล้าแทรกแซง พวกเราหลายบ้านก็จะเคลื่อนทัพไปช่วยทันที ไม่ให้ประมุขชิงทำสำเร็จหรอก!

เถิงเฟย : แต่ประเด็นก็คืออ๋องสวรรค์ก่วงกับอ๋องสวรรค์โค่วไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อข้า จะให้ข้าแน่ใจได้ยังไงว่าพวกเขาจะช่วยข้าแน่นอน? ไม่สู้ให้ท่านอ๋องโน้มน้ามพวกเขาให้ระดมพลมาช่วยเสริมอำนาจก่อนสักกลุ่ม ขอเพียงกำลังพลมาถึงแล้ว ข้าก็จะลงมือทันที!

เหมียวอี้ : ท่านอ๋องเถิงลังเลขนาดนี้ ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็รอโอกาสดีต่อไปเถอะ!

หลังจากติดต่อกันเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็แอบด่าแม่ พบว่าเถิงเฟยไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น ที่สำคัญเป็นเพราะประมุขชิงเด็ดขาด แสดงกำลังพลห้าร้อยล้านไว้ที่นั่น กดหางอำนาจใหญ่แต่ละฝ่ายเอาไว้ ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ก่วงหลิงกงกับโค่วหลิงซวีก็ไม่ใช่คนโง่ ยังไม่ถึงเวลาแตกคอกันง่ายๆ ทั้งยังได้นั่งบนภูดูเสือกัดกัน มีหรือที่จะเคลื่อนทัพง่ายๆ เขาออกหน้าโน้มน้าวไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าสถานการณ์ไม่ดำเนินไปถึงขั้นที่สองคนนั้นได้ประโยชน์ ตาเฒ่าสองคนนั้นก็จะไม่เคลื่อนทัพแน่นอน

ตอนนี้เขานึกเสียใจทีหลังนิดหน่อยที่ไม่ได้ปรึกษากับหยางชิ่งให้ดีๆ การดำเนินการอย่างเผด็จการครั้งนี้ ดูท่าแล้วคงมีช่องโหว่อยู่มาก ถ้าให้หยางชิ่งตั้งใจใคร่ครวญคิดการวางแผนดีๆ บางทีสถานการณ์อาจจะเป็นอีกแบบหนึ่งก็ได้

ทว่ามานึกเสียใจทีหลังตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ลูกธนูง้างอยู่บนสายแล้วมิอาจไม่ยิง หายนะก็ก่อไปแล้ว ขี่หลังเสือแล้วลงยาก!

บนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง ไป๋เฟิ่งหวงมองไปรอบๆ อย่างเบื่อหน่าย ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหมียวอี้มีเจตนาอะไรกันแน่ วิ่งไปสักพักแล้วก็หลบอยู่ที่นี่หมายความว่าอะไร?

แต่พอมองซ้ายมองขวา ก็ดูเหมือนไม่มีอันตรายอะไรเลยจริงๆ

หลังจากชิงเยว่ที่อยู่ข้างๆ กันเก็บระฆังดาราแล้ว ก็ถ่ายทอดเสียงบอกนางว่า “ท่านอ๋องมีคำสั่ง บอกว่าภารกิจของเจ้าเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้จะให้คนคุ้มกันส่งเจ้ากลับจวนท่านอ๋อง”

ไป๋เฟิ่งหวงตอบ “อืม” แต่ในใจพึมพำว่า เจ้ากำลังทำอะไรกันแน่?

กำลังพลกลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากดาวเคราะห์รกร้าง แบ่งออกเป็นสองสาย แยกทางกันแล้ว สายหนึ่งตามชิงเยว่ไป อีกสายหนึ่งคุ้มกันส่งไป๋เฟิ่งหวงออกไป

หลังจากนั้นสองชั่วยาม ก็มาถึงทางเข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ แม่ทัพที่ประจำอยู่ที่นี่ได้รับแจ้งอย่างลับๆ ตั้งนานแล้ว รีบก้าวขึ้นมาคำนับแล้ว

“จัดการหนอนบ่อนไส้ซะ!” ชิงเยว่กล่าวเสียงต่ำ

แม่ทัพพยักหน้าอย่างเข้าใจ หันกลับไปโบกแขนส่งสัญญาณมือให้กำลังพลที่อยู่ไกลๆ

ชั่วพริบตานั้น ในกองทัพที่ปิดล้อมอยู่ตรงทางเข้าก็วเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอยู่พักหนึ่ง หลังจากมีเสียงต่อสู้ดังขึ้นสักพัก ก็คุมตัวแม่ทัพคนหนึ่งที่มีสภาพสะบักสะบอมเข้ามา

“ซูฮุยหวง เจ้าช่างกล้ากินบนเรือนขี้บนหลังคา!” แม่ทัพชี้คนที่ถูกคุมตัวมาพลางตะโกนอย่างเดือดดาล

ซูฮุยหวงฝืนยิ้มอย่างน่าเวทนา ก้มหน้าอย่างห่อเหี่ยว รู้ว่าทุกอย่างจบแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรเช่นกัน ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าลงมือกับเป้าหมายได้ชัดเจนขนาดนี้ ก็แสดงว่าสงสัยเขามาตั้งนานแล้ว

ชิงเยว่องอาจห้าวหาญ เหล่มองซูฮุยหวงด้วยสายตาเย็นเยียบแวบหนึ่ง นางไม่พูดอะไรทั้งนั้น โยนหนังสือที่เหมียวอี้เขียนด้วยตัวเองให้แม่ทัพ

หลังจากแม่ทัพตรวจสอบคำสั่งแล้ว ก็หันกลับมาตะโกนบอกว่า “เปิดประตู!”

ค่ายกลใหญ่ที่ปิดล้อมทางเข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ถูกปิดชั่วคราว พอชิงเยว่โบกมือ คนที่อยู่ข้างหลังก็ปล่อยกำลังพลออกมาหนึ่งหมื่นนาย แล้วนำคนพุ่งเข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์อย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งกำลังพลที่เข้าไปก่อนส่งข่าวมา ยืนยันแล้วว่าข้างในปลอดภัย ชิงเยว่ถึงได้รีบนำกำลังพลบุกเข้าไป

“ปิดประตู!” พอแม่ทัพตะโกน ก็เปิดใช้งานค่ายกลใหญ่ที่ปิดทางเขาอีกครั้ง แสงสีขาวประหลาดกลบทางเข้าไว้แล้ว และตอนที่เขาหันตัวกลับมาอีกครั้ง ก็โบกมือตบหน้าซูฮุยหวงอย่างแรงหนึ่งที ตบจนซูฮุยหวงฟันร่วงเลือดสาด

ไม่ให้เขาโมโหไม่ได้หรอก เบื้องบนมอบหมายภารกิจสำคัญขนาดนี้ให้เขา เรื่องเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของท่านอ๋อง มีคนเล่นไม่ซื่ออยู่ใต้หนังตาแต่เขากลับไม่สังเกตเห็น แม่ทัพคนสำคัญอย่างเขายากจะพ้นความผิด! ถ้าไม่ใช่เพราะเบื้องบนสั่งมาว่าอย่าเพิ่งฆ่า เก็บไว้ชั่วคราวยังมีประโยชน์ เขาก็อยากจะสับเนื้อซูฮุยหวงสักพันดาวหมื่นดาบจริงๆ!

ทะเลทรายหินที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มีรอยแยกกลางอากาศไม่หยุด พวกชิงเยว่ถลันพุ่งออกมา คนส่วนใหญ่เข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก พอเข้ามาก็โซเซเหมือนจะล้ม

รอบข้าง กำลังพลหนึ่งหมื่นที่เข้ามาก่อนรับหน้าที่ระแวดระวังแล้ว สภาพเมฆปราณชั่วร้ายหายไปแล้วเช่นกัน หลังจากกำลังพลดักซุ่มถอยไปแล้ว เมฆปราณชั่วร้ายตรงนี้ก็หายไปหมด

“ผู้ตรวจการซ้าย พวกเขาบอกว่าคนที่ชื่อ ‘คุณชายเฮย’ สั่งให้พวกเขารอท่านอยู่ที่นี่” แม่ทัพที่เข้ามาก่อนสั่งให้คนคุมตัววิญญาณชั่วร้ายสี่คนเข้ามา

สี่คนนี้มีทั้งชายทั้งหญิง ยามเผชิญหน้ากับกำลังพลตำหนักสวรรค์ที่สวมเกราะหนักกลุ่มนี้ พวกเขาก็กังวลหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

ชิงเยว่มองประเมินทั้งสี่คน ในใจพึมพำว่าคุณชายเฮยเหรอ? นางรู้จักเฮยทั่น ตอนอยู่จวนท่านอ๋องเคยเจอหลายครั้ง รู้ว่าคนที่ทำหน้าที่มารับนางครั้งนี้ก็คือเฮยทั่น เพียงแต่ไม่รู้จริงๆ ว่าเฮยทั่นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าคุณชายเฮย จึงถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

วิญญาณชั่วร้ายหนึ่งในนั้นตอบด้วยเสียงอ่อนปวกเปียก “คุณชายเฮยไปตามหาคนคิดไม่ซื่อพวกนั้นแล้ว กำชับให้พวกเรามารอนายท่านอยู่ที่นี่ ให้พวกเราคอยบอกทิศทางให้นายท่านอยู่ที่นี่ พร้อมทั้งคอยระวังไม่ให้นายท่านถูกปีศาจเล็กๆ ที่ไม่มีตาพวกนั้นก่อกวนขอรับ” ที่บอกว่า ‘ปีศาจเล็กๆ ที่ไม่มีตา’ ก็หมายถึงพวกปราณชั่วร้ายที่มีสติปัญญาแล้วแต่กลับยังโง่งง

“ตัวเขาไปไหนแล้ว?” ชิงเยว่ถาม

วิญญาณชั่วร้ายชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

ชิงเยว่ออกคำสั่งทันที เก็บกำลังพลเข้ากระเป๋าสัตว์ คนจำนวนหนึ่งร้อยปล่อยสัตว์พาหนะออกมา กระโดดครึ่งสัตว์พาหนะตามไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนเฮยทั่นก็ทิ้งวิญญาณชั่วร้ายเอาไว้คอยชี้บอกทางตลอดทาง เมื่อเจอทางเลี้ยว ก็จะทิ้งวิญญาณชั่วร้ายเอาไว้หนึ่งตนเพื่อคอยรับและบอกทิศทางให้ชิงเยว่…

“พระเจ้าตาบอดหรือไง? คนมากขนาดนั้นหนีมาที่นี่ ขนาดคนตาบอดยังเห็นเลย ไม่รู้เลยเหรอว่าเป็นหลบอยู่ที่ไหนแล้ว?”

บนภูเขาแห่งหนึ่ง เฮยทั่นชี้หน้ากลุ่มวิญญาณชั่วร้ายพลางด่าทอ

หนึ่งในวิญญาณชั่วร้ายบอกว่า “คุณชายเฮย ปีศาจเล็กๆ พวกนั้นอยู่ในสภาพซื่อบื้อ ไม่มีดวงตาด้วย…”

เฮยทั่นถลึงตาทันที “เจ้านี้ข้ออ้างเยอะจังเลยนะ!” เขายิงฟัน เผยใบหน้าดุร้ายออกมาจนหมด

วิญญาณชั่วร้ายตนนั้นรีบโบกมือบอกว่า  “คุณชายเฮย ผู้น้อยไม่ได้หมายความอย่างนั้น ผู้น้อยกำลังบอกว่า คนจะต้องหลบอยู่บริเวณนี้แน่นอน ลองหาดูสักหน่อยก็น่าจะหาครบ”

เฮยทั่นโบกมือชี้พวกเขา “เช่นนั้นพวกเจ้ายังจะรออะไรอีก? ยังไม่รีบไปหา? ถ้าทำงานใหญ่ของปู่พัง เดี๋ยวกลับไปจะเด็ดหัวมาเติมใส่ท้องปู่ให้หมด!”

กลุ่มวิญญาณชั่วร้ายวุ่นวายทันที ทยอยกันแยกย้ายออกไปแล้ว

ใช้เวลาไม่นานนะ เมฆปราณชั่วร้ายที่มโหฬารพันลึกปรากฏขึ้นอีกครั้ง หมอกชั่วร้ายมาเยือนพื้นดินอีกครั้ง แทรกซึมลงไปค้นหาใต้ดินทั้งหมด

หลังจากนั้นครึ่งวัน ยังหาคนไม่พบ เฮยทั่นเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ

ผลปรากฏว่ายังไม่เจอกำลังพลดักซุ่ม รอจนพวกชิงเยว่ตามมาทันแล้ว

เมื่อเห็นเมฆปราณชั่วร้ายที่มืดฟ้ามัวดินกับตาตัวเอง พวกชิงเยว่ก็ตกใจไม่เบา หลังจากเหยียบลงพื้นแล้วก็เดินมาอยู่ข้างกายเฮยทั่น

เฮยทั่นหรี่ตายิ้มทันที “อ้าว! นี่ผู้ตรวจการซ้ายไม่ใช่เหรอ จุจุ ยิ่งนับวันยิ่งสวยขึ้นจริงๆ”

ชิงเยว่กลอกตาเล็กน้อย แล้วถามว่า “คนล่ะ?”

เฮยทั่นยิ้มแห้ง “กำลังหา หาอยู่ จะหาเจอเดี๋ยวนี้แหละ”

“เดี๋ยวนี้คือเมื่อไร?” ชิงเยว่ขมวดคิ้ว

“ก็คืออีกไม่นานไง!” เฮยทั่นตอบ

ชิงเยว่ทำได้เพียงรออยู่ข้างๆ แต่จนใจที่รออยู่ครึ่งชั่วยามแล้วก็ยังไม่เห็นข่าวคราว อดไม่ได้ที่จะถามเสียงต่ำอีกครั้ง “ต้องรอถึงเมื่อไหร่กันแน่?”

“ใกล้แล้ว อีกไม่นาน” เฮยทั่นตอบอย่างเริงร่าอยู่อย่างนั้น

ชิงเยว่กลับไม่ทำหน้าทะเล้นกับเขา ถ้าทำงานใหญ่เสียนางก็รับผิดชอบไม่ไหว จึงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้

ใครจะคิดว่าเฮยทั่นจะทำตัวเหมือนแมวโดนเหยียบหางทันที ชี้ไปที่ระฆังดารานี่มือนางพลางตะโกนถาม “เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ?”

“ข้าไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน ก็ต้องรายงานสถานการณ์ของที่นี่ให้ท่านอ๋องรู้อยู่แล้ว” ชิงเยว่กล่าว

เฮยทั่นตบหน้าอกรับประกันทันที  “นี่เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ! ข้าบอกแล้วไงว่าใกล้จะเจอแล้ว เดี๋ยวอีกไม่นานก็เจอแล้ว จะรออีกหน่อยเถอะ อย่าเพิ่งรายงาน กำลังจะเจอเดี๋ยวนี้แหละ จะเสร็จเดี๋ยวนี้ จะเจอเดี๋ยวนี้จริงๆ!” เขาเคยคุยโม้กับเหมียวอี้ไว้แล้ว พูดราวกับมีดอกไม้โปรยลงมาจากฟ้า บรรยายตัวเองไว้อย่างยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน บอกว่าอยู่ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็ไม่มีเรื่องไหนที่เขาทำไม่สำเร็จ ตอนนี้ถ้าให้เหมียวอี้รู้ว่าเขาทำงานนี้พัง…เขาติดตามอยู่กับเหมียวอี้มานานมาก มีหรือที่จะไม่รู้ว่าเหมียวอี้ปกครองทัพอย่างเข้มงวด ถ้าเอาเรื่องบนสนามรบมาคุยโม้ จะต้องยั่วโมโหเหมียวอี้แน่นอน ถึงตอนนั้นต่อให้ไม่ตายแต่ก็สภาพไม่ดีสักเท่าไหร่ จะไม่กลัวได้อย่างไร

ชิงเยว่เห็นปากเจ้าเวรนี่เชื่อถือไม่ได้ นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้สนใจเขา เขย่าระฆังดาราในมือต่อไป ใครจะคิดว่าจู่ๆ จะมีวิญญาณชั่วร้ายลอยมา แล้วกล่าวอย่างดีใจว่า “หาเจอแล้ว คุณชายเฮย หาเจอแล้ว!”

เฮยทั่นกระปรี้กระเป่าทันที คว้าแขนวิญญาณชั่วร้ายที่มารายงาน แล้วรีบถามว่า “อยู่ตรงไหน?”

วิญญาณชั่วร้ายโบกมือชี้ไปทางทิศตะวันออก “ซ่อนตัวอยู่ในร่องลำธารระหว่างภูเขาแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกสามร้อยลี้”

“วะฮ่าๆๆ!” เฮยทั่นผลักเขา ดีใจจนกระโดดโลดเต้น ตบหน้าอกใส่ชิงเยว่พร้อมบอกว่า “เป็นยังไงล่ะ? ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอีกไม่นาน! เจ้านี่จริงๆ เลย จะดีจะร้ายก็เป็นคนที่ทำงานใหญ่ ทำไมไม่รู้จักอดทนรอสักนิด กลับไปข้าจะต้องตำหนิเจ้าให้ท่านอ๋องฟังสักหน่อยแล้ว!”

“…” ชิงเยว่เถียงไม่ออก

…………………