บทที่ 2164 ประลองแพ้ชนะ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“ยอมให้อาณาเขตเหรอ?” ประมุขชิงพลันหรี่ตา สะกิดโดนจุดอ่อนไหวของเขาแล้ว

สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คืออำนาจฝ่ายอื่นจะสมคบกับชิงหยวนจุนและตระกูลเซี่ยโห้ว อิทธิพลที่ทำให้ชิงหยวนจุนกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทรยศ อำนาจที่ลึกลับของตระกูลเซี่ยโห้ว ไหนจะอ๋องสวรรค์ที่กุมอำนาจทางทหารไว้อย่างเปิดเผยขนาดนั้น ถ้าสิ่งเหล่านี้สมคบกัน ผลที่ตามมาก็เลวร้ายจนไม่อยากจะคิดถึง ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังมาตลอดโดยไม่กล้าแตกคอกัน

ในตอนนี้ เรื่องราวเหมือนกำลังดำเนินไปในทิศทางที่เขาไม่อยากเห็น!

ตอนแรกเขากังวลว่าหนิวโหย่วเต๋อกับตระกูลเซี่ยโห้วจะไปสมคบกัน ทำไมเขาถึงอยากกำจัดหนิวโหย่วเต๋อล่ะ? ก็เพราะมีความกลัวนี้อยู่! เขายอมทิ้งเรื่องที่ลูกทรพีก่อกบฏไว้ก่อนชั่วคราว และต้องจับตาดูเถิงเฟยไว้ตลอดด้วย ที่จริงแล้วก็ทำไปเพื่อป้องกันเรื่องนี้ เขาระวังหนิวโหย่วเต๋อมาโดยตลอด!

ซือหม่าเวิ่นเทียนพยักหน้าบอกว่า “กำลังพลอื่นๆ ในอาณาเขตทัพใต้เหมือนไม่ได้เตรียมจะช่วยเหลือสายมะเส็ง ยามเผชิญหน้ากับทัพใต้ เดิมทีกำลังพลของทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็อ่อนแออยู่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้ากระจายกำลังทหารโจมตีทั่วทั้งอาณาเขตสายมะเส็ง ราวกับไม่กลัวสักนิดว่าจะถูกทัพใต้โจมตีกลับ สายมะเส็งเองก็ไม่ได้ต่อต้านด้วย!”

ดวงตาประมุขชิงเผยความดุร้าย รอบกายปรากฏกลิ่นอายสังหารรางๆ จู่ๆ ก็ชี้ไปที่ซ่างกวนชิง “ติดต่อหนิวโหย่วเต๋อ ให้เขาเคลื่อนทัพเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กำจัดทัพใหญ่แดนรัตติกาล ข้าก็จะกำจัดเขาเอง!”

ทุกคนตรงนั้นเงียบไป รู้ว่าเรื่องนี้ล้ำเส้นของเขาแล้ว นี่คือคำสั่งสุดท้ายของเขา ไม่เสียดายที่จะเปิดศึกอย่างเต็มที่!

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงโค้งตัวเอ่ยรับ…

ในดาราจักรอันกว้างใหญ่ ทัพใหญ่แดนรัตติกาลราวกับดอกไม้เบ่งบานตลอดทาง ยึดครองสายมะเส็งอย่างต่อเนื่อง และในเวลานี้หยางชิ่งกลับเร่งรีบกลับมาที่ดาวอ๋องสวรรค์หนิว

ครั้งนี้เรียกได้ว่าเขากลับมาเองโดยไม่ได้เรียก หลังจากรู้ข่าวรบชนะในแดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้ว กลับไม่สามารถลบความกังวลในใจเขาได้ ตอนนี้เขาบอกลากลับชิงหยวนจุนและมารดาชั่วคราว รีบกลับมาที่นี่

พอมาถึงจวนอ๋องสวรรค์ ก็เดินตรงเข้ามาในห้องหนังสือ

เหมียวอี้เจอเขาแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมเจ้ากลับมาแล้วล่ะ? ไม่กลัวว่าพวกเขาสองแม่ลูกจะคิดมากเหรอ?”

“พวกเขาสองแม่ลูกขี่บนหลังเสือแล้ว ไม่มีอะไรให้กังวล! กลับเป็นท่านอ๋อง ไม่รู้ว่าท่านอ๋องก็ขี่หลังเสือแล้วเหมือนกันหรือเปล่า?” หยางชิ่งกระวนกระวายใจ พอกล่าวคำนี้ออกมา เขาก็ตระหนักได้แล้วว่าตัวเองพูดเกินไป จึงเปลี่ยนเป็นพูดว่า “ท่านอ๋อง ทำไมเถิงเฟยถึงยังไม่เคลื่อนทัพโจมตีสักที เกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

ประโยคนี้จี้จุดความสะเพร่าของเหมียวอี้แล้ว ทำให้เหมียวอี้ตกอยู่ในความเงียบ

หยางชิ่งแอบร้องในใจว่าแย่แล้ว สงสัยสิ่งที่ตัวเองกังวลจะกลายเป็นความจริงแล้ว จึงกล่าวอย่างเจ็บปวดว่า “ท่านอ๋องเลอะเลือน! ถ้าเถิงเฟยไม่เคลื่อนทัพตามสัญญา ก็ยับยั้งกองทัพองครักษ์ในอาณาเขตทัพตะวันออกไม่ไหวเลย ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นผลดีกับท่านอ๋องขึ้นมา เถิงเฟยก็ยิ่งไม่มีทางเคลื่อนทัพ กลับจะเหยียบเรือสองแคมไปอยู่ฝั่งประมุขชิงก็ได้ ขออเพียงประมุขชิงให้สัญญากับเถิงเฟยได้ ถ้ากำจัดท่านอ๋องแล้วจะให้เถิงเฟยคุมทัพใต้ ความขัดแย้งระหว่างเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อก็ย่อมคลี่คลายได้ ถึงตอนนั้นกำลังพลทั้งทัพตะวันออกก็จะมีไว้ให้ประมุขชิงใช้งาน ส่วนกำลังพลกองทัพองครักษ์กลุ่มนั้นที่ถูกข่มไว้ก็ว่างมาสู้กับท่านอ๋องแล้ว ถ้าสถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ต่อท่านอ๋องเมื่อไร ขอเพียงประมุขชิงทำให้อ๋องสวรรค์โค่วและก่วงรู้ว่าจะเปลี่ยนเถิงเฟยให้มาแทนที่ท่านอ๋อง ไม่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของสองคนนั้น เพื่อปลอบใจสองคนนั้น เดิมทีอ๋องสองคนนั้นก็ไม่อยากให้กระทบผลประโยชน์ตัวเองอยู่แล้ว คอยนั่งบนภูเขาดูเสือกัดกันมาตลอด ย่อมนิ่งดูดายต่อท่านอ๋องอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นท่านอ๋องจะรับมือกับการโจมตีทั้งกองทัพองครักษ์ยังไง? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีอ๋องสวรรค์เถิงและอ๋องสวรรค์เฉิงของทัพตะวันออกคอยเสริม

ถึงตอนนั้นต่อให้ท่านอ๋องดึงกำลังพลจากแดนอเวจีมาช่วยแล้วยังไง? ไม่มีทางต้านไหวเลย! ถึงตอนนั้นท่านอ๋องจะต้องแพ้แน่นอน ทัพกบฏแดนรัตติกาลจะต้องถูกล้อมปราบ ความพยายามหลายปีมานี้ของท่านอ๋องจะโดนเผาไหม้หมด! ตามความเห็นของข้าน้อย ประมุขชิงลงมือได้ไม่ธรรมดา เปิดกระดานมาก็ใช้กองทัพองครักษ์ห้าร้อยล้านเพ่งเล็งเถิงเฟยไว้เลย ต้องวางแผนนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้วแน่นอน ที่จริงแล้วกำลังพลในอาณาเขตทัพตะวันออกมีไว้เพื่อเตรียมไว้สู้กับท่านอ๋อง เพียงแต่ท่านอ๋องหลบอยู่หลังบ้านตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เห็นวี่แววว่าท่านอ๋องจะมาเข้าร่วมสักนิด กอปรกับเขากลัวว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะมีแผนร้ายอะไร จึงไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม

ถ้าบีบจนประมุขชิงเป็นสุนัขกระโดดกำแพง เขาจะต้องลงมือกับท่านอ๋องแน่นอน! ก่อนหน้านี้ข้าน้อยมองเจตนาของประมุขชิงไม่ออก นึกว่าประมุขชิงหมดหนทางแล้ว จนกระทั่งทัพใหญ่แดนรัตติกาลบุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ แต่เถิงเฟยกลับช้าไม่ยอมเคลื่อนไหว ข้าน้อยถึงตระหนักได้ว่าฝั่งทัพตะวันออกถูกประมุขชิงคุมไว้แล้ว พอจัดระเบียบความคิดดูอีกที ข้าน้อยถึงตื่นตัว ว่าประมุขชิงวางหมากตัวเดียวเพื่อสยบใต้หล้ามาตั้งแต่แรกอย่างแนบเนียน ตราบใดที่ไม่เกิดสถานการณ์ที่ทำให้เขาหมดหนทางรับมือ เช่นนั้นเขาก็กำหนดตั้งแต่แรกแล้วว่า ขอเพียงให้ท่านอ๋องกล้ากระโดดออกมา ก็จะแพ้ด้วยน้ำมือเขาแน่นอน! พอดูฝั่งแดนสุขาวดีอีก ทำไมป่านนี้แล้วเขายังไม่ให้กองทัพพระของแดนสุขาวดีมาเข้าร่วมอีกล่ะ?

อธิบายได้เช่นเดียวกันว่าทำไมตอนนี้สถานการณ์ยังไม่หลุดจากการควบคุมของเขา เขาเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ มาตลอด! ท่านอ๋อง จากสิ่งเหล่านี้ก็จะรู้ได้ เราประเมินประมุขชิงไม่ได้เด็ดขาด ก้มมองใต้หล้าจากเบื้องสูงมานานขนาดนี้ ชี้ชะตาตะวันจันทราฟ้าดิน ฮุบกลืนใต้หล้า เป็นคนฉลาดแกล้งโง่ที่แท้จริง! ถ้าใครคิดว่าเขารังแกง่าย ต้องได้กลั่นสุราขมไว้ดื่มเองแน่! แน่นอน ในมือท่านอ๋องยังมีไพ่อย่างตระกูลเซี่ยโห้ว แต่ถ้าสู้กันจนถึงขั้นนั้นจริงๆ ถ้าท่านอ๋องโดนบีบจนถึงขั้นเข้าตาจนแล้วจริงๆ ท่านอ๋องคิดว่าไพ่อย่างตระกูลเซี่ยโห้วจะยังสำแดงอานุภาพได้สักเท่าไรกัน?”

ร่ายยาวเป็นชุด เหมียวอี้ฟังแล้วอับอายจนเหงื่อชุ่มหลัง ที่แท้ในสายตาประมุขชิง ตัวเองก็กลายเป็นเนื้อบนเขียงแต่กลับไม่รู้ตัวไปแล้ว

ตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่าตอนแรกที่ตัดสินใจอย่างเผด็จการนั้นเสี่ยงอันตรายขนาดไหน

ก่อนหน้านี้หยางชิ่งยังนึกว่าเหมียวอี้มีแผนการอะไรอย่างอื่น พอเห็นสถานการณ์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงตระหนักได้ว่าท่าไม่ดีแล้ว จึงรีบทิ้งพวกชิงหยวนจุนแล้วรีบกลับมาทำให้ชัดเจน

“ท่านอ๋อง เกรงว่าตอนนี้ ไม่ว่าใครก็มองออกว่าท่านอ๋องกับชิงหยวนจุนเป็นพวกเดียวกัน นี่ต่างหากที่ล้ำเส้นประมุขชิง เกรงว่าประมุขชิงคงอดทนไม่ไหวต้องการจะลงมือกับท่านอ๋องแล้ว!” หยางชิ่งส่ายหน้าอย่างขื่นขม

หยางเจาชิงได้ยินแล้วไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าต่อให้ฝั่งนี้จะก่อเรื่องวุ่นวายขนาดไหน แต่ก็เทียบไม่ได้กับประมุขชิงที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ ในใจรู้สึกหนาวสั่นหวั่นกลัว มือเท้าเริ่มสั่นแล้ว

ในขณะนี้เอง เหมียวอี้รู้สึกขนลุก หลังจากหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อแล้ว ก็เงยหน้าจ้องหยางชิ่ง กัดฟันบอกว่า “เกรงว่าจะเป็นไปตามที่ท่านบุรุษคาดไว้ ซ่างกวนชิงออกคำสั่งสุดท้ายให้ข้าแล้ว ถ่ายทอดบัญชาประมุขชิง สั่งให้ข้าปราบทัพใหญ่แดนรัตติกาล ไม่อย่างนั้นจะกำจัดข้าแทน!”

หยางชิ่งรีบเอามือกด “ท่านอ๋องอย่าร้อนใจ ทำให้เขาสงบก่อน บอกไปว่าจะเจรจากัน! ถ้าไม่ถึงขั้นจนตรอก ประมุขชิงไม่มีความมั่นใจว่าจะสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับตระกูลเซี่ยโห้วได้อย่างง่ายดาย เขาไม่รู้ถึงสถานการณ์ของตระกูลเซี่ยโห้วชัดเจน นี่ก็คือจุดอ่อนที่สุดของเขา พวกเราใช้ประโยชน์จุดอ่อนนี้ได้ อ้างว่าเจรจาเพื่อทำให้เขาสงบก่อน!”

เหมียวอี้พยักหน้า ตอนนี้เขาคิดถึงทางเลือกอื่นไม่ออกเหมือนกัน จึงทำตามที่หยางชิ่งบอกทันที

รอจนกระทั่งเก็บระฆังดาราแล้ว เหมียวอี้ก็ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “คุมให้สงบได้ชั่วคราว ฝั่งนั้นจะให้ฮวาอี้เทียนมาเจรจากับข้า!”

“ดี! แบบนี้ก็ดี!” หยางชิ่งถอนหายใจแรงอย่างโล่งอก ในใจรู้สึกโชคดี โชคดีที่กลับมาทันเวลา เกือบทำงานใหญ่พังแล้ว เพียงแต่เขาแปลกใจนิดหน่อย สถานการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เหตุประมุขไป๋ที่หลบอยู่ข้างหลังถึงไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย? ก่อนหน้านี้เขามีความโชคดีทางด้านนี้ สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ เพราะมองออกว่ามีประมุขไป๋ มีแค่ต้องให้ประมุขไป๋ยื่นมือเข้ามามากๆ เท่านั้น ถึงจะได้ข่าวบางอย่างที่ตัวเองต้องการเยอะๆ จนกระทั่งอดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาถึงได้ถ่อกลับมา

เหมียวอี้เดินอ้อมหลังโต๊ะออกมา โค้งตัวให้หยางชิ่ง “ในเมื่อท่านบุรุษมองทะลุแผนชั่วของประมุขชิงแล้ว ไม่ทราบว่ามีแผนการดีๆ อะไรจะชี้แนะข้าหรือเปล่า?”

หยางชิ่งรีบบอกว่ามิบังอาจ รีบก้าวหลบ หลังจากยื่นมือไปประคองเล็กน้อย เขาก็ไม่อิดออดเช่นกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอิดออด กล่าวเสียงต่ำว่า “ไม่นับว่าเป็นแผนชั้นดีหรอก เรื่องที่ท่านอ๋องทำอยู่เหมือนดึงขนเส้นเดียวแล้วขยับทั้งตัว ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็จะทำให้อำนาจแต่ละฝ่ายสู้กัน ไม่ใช่เรื่องที่ใช้กำลังแก้ปัญหาได้เหมือนในอดีตแน่นอน! แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านอ๋องใช้หมากอย่างราชินีสวรรค์กับชิงหยวนจุนเพื่อผลักดันให้สถานการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ช้าเร็วประมุขชิงก็ต้องรู้ความจริง ถึงตอนนั้นเกรงว่าจะไม่ธรรมดาแค่การลอบสังหารท่านอ๋องแล้ว มีแต่ต้องใช้กลยุทธ์ทางการทหารแบบใหม่มาประลองกับประมุขชิงแล้ว”

มีวิธีการก็ดีแล้ว เหมียวอี้เผยสายตาเฝ้าคอย “ยินดีล้างหูรอฟัง!”

หยางชิ่งกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “ยืนกรานปฏิเสธมาสมคบกับชิงหยวนจุน เจรจากับประมุขชิงตต่อไป ต้องบีบให้คนอื่นร่วมกันเจรจากับประมุขชิงด้วย…” เขาอธิบายแผนการที่กลั่นกรองไว้ดีแล้ว

หยางเจาชิงฟังแล้วพยักหน้าเบาๆ

เหมียวอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ปรบมือ “ดี! แม่จะมีความเสี่ยงและความผันผวนมาก แต่กลับเป็นแผนที่ดี ตกลงตามที่ท่านบุรุษบอก!”

“อะไรนะ?”

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่ดื่มสุราอยู่ในศาลาพลันยืนขึ้น ทำสีหน้าตกใจไม่เบา

ถังเฮ่อเหนียนพยักหน้า “คงจะไม่ผิดพลาดขอรับ สถานการณ์แต่ละด้านล้วนพิสูจน์สิ่งหนึ่งแล้ว ว่าหนิวโหย่วเต๋อจงใจแบ่งอาณาเขตให้ชิงหยวนจุน!”

โค่วหลิงซวีส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้! อาศัยกำลังของหนิวโหย่วเต๋อตอนนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในฝ่ายที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสี่ทัพ ถ้าตัดสิ่งเหล่านี้ออก ในใต้หล้านี้ก็นับว่าเป็นรองเพียงหนึ่ง อยู่เหนือคนนับหมื่น แบ่งอาณาเขตให้ชิงหยวนจุนแล้วได้ประโยชน์อะไรล่ะ? ต่อให้ชิงหยวนจุนขึ้นสู่ตำแหน่งแล้วยังไงล่ะ เป็นเรื่องยากที่จะอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าปัจจุบันอยู่ดี!”

“เป็นฝั่งตระกูลเซี่ยโห้วควบคุมเขาไว้หรือเปล่า?” ถังเฮ่อเหนียนถามอย่างลังเล

โค่วหลิงซวีครุ่นคิดเงียบๆ สักพัก ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ได้! เจ้าเด็กนี่ก่อเรื่องเก่งเกินไปแล้ว ข้าต้องถามเขาด้วยตัวเองเรื่องเป็นยังไงกันแน่!” พูดจบก็หยิบระฆังดาราติดต่อเหมียวอี้เสียเลย

ก่อนที่เขาจะติดต่อไป ก่วงลิ่งกงก็ติดต่อไปถามเหมียวอี้ก่อนแล้ว

หลังจากทั้งสองฝ่ายติดต่อกันได้ โค่วหลิงซวีก็ถามทันทีว่า : หนิวโหย่วเต๋อ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราอย่าปิดบังอีกเลย เจ้ายกอาณาเขตให้ชิงหยวนจุนหมายความว่าอะไร เจ้ากับชิงหยวนจุนคิดจะทำอะไรกันแน่?

เหมียวอี้ตอบเหมือนแค้นใจ : ประมุขชิงรังแกข้าเกินไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเซี่ยโห้วบอกข่าวให้รู้ทันเวลา ข้าก็คงโดนเขาทำร้ายไปแล้ว!

โค่วหลิงซวีอึ้งไปชั่วขณะ แล้วถามด้วยความสงสัย : หมายความว่ายังไง?

เหมียวอี้ : ประมุขชิงดักซุ่มทัพเกรียงไกรสิบล้านไว้ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ต้องการจะเล่นงานข้าให้ถึงตาย ถ้าไม่ใช่เพราะตรงหน้าเกิดเรื่องขึ้นก่อน ถ่วงให้ข้าเดินทางล่าช้า เกรงว่าชีวิตของข้าคงไม่เหลือแล้ว!

โค่วหลิงซวี : เป็นไปไม่ได้มั้ง? เจ้าควบคุมทางเข้าแดนมรณะดึกดำบรรพ์ไว้แล้ว สถานที่สำคัญแบบนี้ เจ้าจะให้ใครส่งคนเข้าไปมากมายขนาดนั้นทั้งๆ ที่อยู่ใต้หนังตาเจ้าได้ยังไง?

เหมียวอี้ : ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? กองทัพองครักษ์สิบล้านที่ซ่อนอยู่ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ถูกข้าปราบหมดแล้ว ซีเหมินอู๋เหย่ รองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายโดนฆ่าแล้ว มีพยานหลักฐานครบ จะยอมให้เขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ได้ยังไง! ข้าอดกลั้นความโกรธนี้ไม่ไหวแล้ว ในเมื่อประมุขชิงกล้าทำอย่างนี้ ในเมื่อจะบีบให้ข้าตายให้ได้ ข้าก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน!

ไม่น่าเชื่อว่าประมุขชิงจะทำเรื่องนี้ลับหลัง? โค่วหลิงซวีตกใจมาก รีบโน้มน้าวว่า : น้องชาย อย่าบุ่มบ่าม วู่วามไม่ได้เด็ดขาด ทุกเรื่องล้วนเจรจาได้!

………………