ตอนที่ 2,900 : บรรลุถึง นิกายอมตะสราญรมย์!
“ขอแสดงความยินดีด้วยปรมาจารย์โอสถต้วน ท่านสามารถแตกฉานวรยุทธ์อมตะระดับขุนนาง ราชันไม่เคลื่อนไหว ได้แล้ว”
เถี่ยไท่เหอมองกล่าวแสดงความยินดีกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
“อาวุโสเถี่ย ท่านมองออกด้วยหรือ?”
พอต้วนหลิงเทียนได้ยินคำแสดงความยินดีของเถี่ยไท่เหอ คิ้วเขาก็เลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง
“อันที่จริงข้าก็ไม่รู้หรอก…ทว่าจี้ฟ่านสามารถมองออกได้”
เถี่ยไท่เหอกล่าว
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปเหลือบมองจี้ฟ่านโดยไม่รู้ตัว และวินาทีนี้ด้านจี้ฟ่านก็บังเกิดอาการหวาดผวาไป คล้ายเหยื่อที่ถูกนักล่ามองมา!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองจี้ฟ่านผ่านๆเท่านั้น ไม่ทันไรก็ละสายตาออกมาจากมัน แล้วหันไปทางฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ
ครู่ต่อมาสำนึกเทวะของเขาก็แผ่ออกไปปกคลุมทั่วร่างฮ่วนเอ๋อ
ด้วยเป็นสำนึกเทวะที่เกิดจากพลังวิญญาณระดับราชาอมตะ 10 ทิศ เช่นนั้นย่อมสามารถตรวจสอบฮ่วนเอ๋อได้อย่างทะลุปรุโปร่งโดยที่นางไม่รู้ตัว ยังสามารถยืนยันได้ง่ายดาย ว่าอาการบาดเจ็บก่อนหน้าของฮ่วนเอ๋อได้รับการฟื้นฟูจนหายดีแล้ว
และตอนนี้ดูจากการโคจรใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดพร้อมกับพลังวิญญาณ เขาก็รู้ได้ทันทีฮ่วนเอ๋อก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำความเข้าใจเวทย์พลังอยู่
เวลาหนึ่งเดือนนั้น กล่าวไปแม้ไม่นานแต่ก็ไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ
หากทว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนที่จมจ่อมอยู่กับการบ่มเพาะพลังแล้ว เวลาเพียงเท่านี้ ก็เสมือนล่วงเลยผ่านไปในพริบตา
“ผู้อาวุโสเถี่ย”
ไม่กี่วันก่อนที่จะถึงนิกายอมตะสราญรมย์ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์บ่มเพาะ และหันไปมองกล่าวกับเถี่ยไท่เหอว่า “หลังจากท่านไปส่งพวกเราถึงนิกายอมตะสราญรมย์แล้ว ท่านก็รออยู่ด้านนอกเถอะ”
กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็หยุดลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวสืบต่อออกมา สองตายังทอประกายเยียบเย็น “เพราะการมาเยือนนิกายอมตะสราญรมย์ครั้งนี้ ข้าไม่อยากให้นิกายอมตะไท่อีมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
“ท่าน…คงเข้าใจกระมังว่าข้าหมายถึงอะไร”
หลังกล่าวจบแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มองเถี่ยไท่เหอด้วยสายตาลึกซึ้ง
“ปรมาจารย์โอสถต้วน…”
เถี่ยไท่เหอที่ได้ฟัง ก็พยักหน้ากล่าวตอบรับออกมาทันที “ข้ารู้ดีว่าที่ท่านกระทำเช่นนี้ เพื่อไม่ให้ผู้คนเข้าใจว่าท่านมาเยือนนิกายอมตะสราญรมย์ในนามของหัวหน้าปรมจารย์โอสถนิกายอมตะไท่อี…”
“เป็นท่านไม่อยากชักนำเภทภัยมาสู่นิกายอมตะไท่อี”
“แต่ขอปรมาจารย์โอสถต้วนโปรดวางใจ…ถึงท่านจะไปในนามนนิกายอมตะไท่อี แต่คนของนิกายอมตะสราญรมย์ไม่ว่าผู้ใด ก็ไม่กล้าแตะต้องนิกายอมตะไท่อีของพวกเราเด็ดขาด เพราะอย่างไรเสียท่านก็แค่ไปฆ่าคนไม่กี่คน ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบถึงรากฐานพวกมัน เช่นนั้นเหล่ายอดฝีมือที่เร้นกายอยู่ก็ไม่มีทางมาลงมือกับนิกายอมตะไท่อีเราแน่นอน”
เถี่ยไท่เหอกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าท่าทีแลดูมั่นใจในเรื่องนี้นัก
“ไม่ส่งผลกระทบถึงรากฐาน?”
ทว่าพอได้ยินคำพูดดังกล่าวของเถี่ยไท่เหอ ต้วนหลิงเทียนกลับส่ายหัวไปมาเบาๆ จากนั้นสองตาก็ฉายแววเยียบเย็นอำมหิต กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “ข้าไปนิกายอมตะสราญรมย์คราวนี้ ไม่ใช่แค่คิดจะฆ่าคนไม่กี่คน…แต่ข้าจะฆ่าระดับสูงที่เป็นเสาหลักของพวกมันให้สิ้น ทำลายรากฐานของพวกมัน!”
“เช่นนั้นหลังจากข้าลงมือแล้ว…ข้าเชื่อว่าหลังผ่านไปได้ไม่นาน แต่นี้ต่อไปคงไม่มีนิกายอมตะสราญรมย์หลงเหลืออยู่ใน พื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงใต้อีก…”
กล่าววาจาอำมหิตจบคำ มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มแสยะ เผยความเย้ยหยันออกมา
“ฟืดด!”
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาจบคำ เถี่ยไท่เหออดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนยังเผยความตื่นตระหนกไม่น้อย!
เดิมทีมันคิดว่าที่ปรมาจารย์โอสถต้วนให้มันพามานิกายอมตะสราญรมย์ครั้งนี้ คงไม่ได้ลงมือเอิกเกริกอะไรมากมาย
อย่างไรก็ตามให้มันหลับก็ยังไม่อาจฝันถึง ว่าต้วนหลิงเทียนมานิกายอมตะสราญรมย์ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่จะมาหาความหรือเข่นฆ่าคนไม่กี่คน แต่กลับคิดจะเข่นฆ่ายอดฝีมืออันเป็นเสาหลักของนิกายอมตะสราญรมย์ให้สิ้นซาก ทำลายรากฐานของนิกายอมตะสราญรมย์โดยสมบูรณ์!!
“ฟืดดด!!”
อีกด้านหนึ่ง ตถาคตของนิกายอมตะสราญรมย์ จี้ฟ่าน พอได้ยินวาจาอำมหิตของต้วนหลิงเทียน มันก็ถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึกๆด้วยความหวาดผวา ยังรู้สึกเสมือนมีไอเย็นขุมหนึ่งแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศีรษะ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!
มันก็คิดเหมือนๆกันกับเถี่ยไท่เหอ…
ตอนนี้พอมาได้ยินวาจาที่ปั่งคำพิพากษาชะตาของนิกายอมตะสราญรมย์ของต้วนหลิงเทียน มันก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวจับใจ!
หากต้วนหลิงเทียนคิดเข่นฆ่าเสาหลักของนิกายอมตะสราญรมย์เพื่อทำลายรากฐานของนิกายอมตะสราญรมย์จริง เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวมัน ผู้ดำรงตำแหน่ง ตถาคต ของนิกายอมตะสราญรมย์จะรอดพ้นความตาย!
“ปรมาจารย์โอสถต้วนขอรับ…หลังข้าน้อยติดตามท่านไปถึงนิกายอมตะสราญรมย์แล้ว ข้าน้อยจะประกาศตัดสัมพันธ์กับนิกายอมตะสราญรมย์ให้ทุกคนทราบ! ข้าน้อยจะถอนตัวออกจากนิกายอมตะสราญรมย์ขอรับ!!”
หลังสูดอากาศเข้าลึกๆระงับความหวาดกลัวเสียขวัญ จี้ฟ่านก็รวบรวมความกล้าเฮือกสุดท้าย มองกล่าวบอกจุดยืนกับต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ น้ำเสียงวาจาทั้งท่าทีแลดูไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยกลัวความผิด
“โอ้ ตถาคต นับว่าเป็นคนฉลาดจริงๆ…”
ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทีดังกล่าวของจี้ฟ่าน จากนั้นก็หยีตามองจ้องจี้ฟ่านเขม็ง “หากตถาคต ตั้งใจจะกระทำเช่นนั้นจริงๆ เช่นนั้นเรื่องราวบาดหมางระหว่างเราที่แล้วมา ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ได้ชอบขี้หน้าจี้ฟ่านมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะอีกฝ่ายไม่ต่างจากคนรวยรุ่นสองที่ชอบวางอำนาจ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พอเห็นการตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดในทันทีทันใด ก็ทำให้เขามองมันในแง่ดีขึ้นมาบ้าง ว่าอย่างน้อยๆมันก็นับว่ายกได้วางได้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่าใครที่ดำรงตำแหน่งตถาคตของนิกายอมตะสราญรมย์และมีอำนาจในมือมาชั่วชีวิต จะสามารถละวางทุกสิ่งได้ในชั่วพริบตา
และแต่ไหนแต่ไรเขาก็เห็นจี้ฟ่านเป็นดั่งตัวตลกเท่านั้น อีกฝ่ายยามคิดร้ายก็เผยให้เห็นชัด ปากยังกล่าวโพล่งออกมาตรงๆ เรียกว่าไม่ได้น่ากลัวและเป็นพิษเป็นภัยอะไรกับเขาเลย คนพวกนี้เขาไม่เคยกริ่งเกรงแม้แต่น้อย เพราะในสายตาเขา พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากอันธพาลน้อยหัดซ่า ผิดกับพวกที่ซ่อนดาบในรอยยิ้มมากนัก
“ขอบคุณขอรับท่านปรมาจารย์โอสถต้วน! ขอบคุณท่านปรมาจารย์โอสถต้วนมากขอรับ!!”
จี้ฟ่านที่เสมือนได้ฟังคำอภัยโทษจากต้วนหลิงเทียน มันก็อดไม่ได้ที่จะโล่งอกอย่างถึงที่สุด เร่งกล่าวขอบคุณออกมาด้วยรอยยิ้ม ศีรษะโล้นเลี่ยนวับวาวผงกงกๆปานลูกเจี๊ยบจิกเม็ดข้าว…
หลังจากโล่งอกและกล่าววาจาขอบคุณต้วนหลิงเทียนแล้ว จี้ฟ่านก็มองถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆต่อว่า “ปรมจารย์โอสถต้วน เช่นนั้นใช่ก่อนหน้า…ท่านคิดไว้ว่าจะฆ่าข้าหลังไปถึงนิกายอมตะสราญรมย์งั้นหรือขอรับ?”
“โอ้ เรื่องนี้เจ้าก็รู้รึ?”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ไม่ได้คิดปฏิเสธแม้แต่น้อย
จี้ฟ่านพอได้ยิน แผ่นหลังก็ถึงกับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น เหม่งวับวาวยังปรากฏเหงื่อเม็ดเขื่องผุดซึมไม่หยุด ขณะเดียวกันในใจก็ลอบมุ่งมั่นเรื่องตัดสัมพันธ์กับนิกายอมตะสราญรมย์ เพื่อให้ไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีกชั่วชีวิต!
‘ขอโทษด้วยท่านอาจารย์ อาจารย์ลุง ศิษย์พี่ รวมถึงผู้อาวุโสทั้งหลาย…เพื่อรักษาชีวิตน้อยๆของข้าแล้ว ข้าทำได้แค่ตีจากนิกายอมตะสราญรมย์เท่านั้น วันนี้ปีหน้าข้าจะสวดมนตร์ให้พวกท่านแล้วกัน’
จี้ฟ่านหันไปเหม่อมองทิศทางที่ตั้งนิกายอมตะสราญรมย์ พลางลอบกล่าวในใจอย่างเงียบงัน
อาจารย์ของจี้ฟ่านก็ไม่ใช่ใครอื่นเป็นหลี่อัน ส่วนศิษย์พี่กับอาจารย์ลุงที่กล่าวถึง ก็คือประมุขนิกายอมตะสราญรมย์ หลิวเสวียนคง และหลี่ผิง
‘ท่านอาจารย์ อาจารย์ลุง แล้วก็ศิษย์พี่…พวกท่านไม่อาจโทษข้าได้นะ หากพวกท่านจะโทษก็ไปโทษพวกหน่วยข่าวกรองบัดซบนั่นเถอะ พวกมันไปสืบนรกอันใดมาของพวกมัน! กลับได้ความว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นแค่ผู้ที่ขึ้นสวรรค์ไร้ภูมิหลัง ถึงขั้นที่พวกเราจะบดจะบี้จะยีมันให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้…’
‘มาตอนนี้ถึงคราวฉิบหายกันหมดแล้วไง หากพวกเราอยู่กันเงียบๆไม่ไปยุ่งกับมันแต่แรกไหนเลยจะถึงคราวเคราะห์กัน เรื่องราวไหนเลยจะเลยเถิดมาถึงจุดนี้ได้…’
เรียกว่าพอมาถึงจุดนี้ สติสตังของจี้ฟ่านก็กลับกลายเป็นแจ่มใส คล้ายบังเกิดอาการรู้แจ้งเห็นจริง จากนั้นมันก็เริ่มคิดถึงเรื่องที่จะเอาอย่างไรดีกับชีวิตหลังจากนี้เตรียมไว้แต่เนิ่นๆ
“ตถาคต”
จี้ฟ่านที่ครุ่นคิดอยู่ว่าหลังจากนี้ชีวิตมันจะทำอะไรต่อไป แล้วใช่หากไว้ผมแล้วจะหล่อเหลาขึ้นมากไหม ก็จำต้องตื่นจากภวังค์คิดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกทักจากต้วนหลิงเทียน
“ปรมาจารย์โอสถต้วน ท่านอย่าได้เรียกข้าว่าตถาคตอีกเลย ต่อไปเรียกข้าจี้ฟ่านหรือฟ่านน้อยก็ได้…ข้าตัดสินใจออกจากนิกายอมตะสราญรมย์แล้ว ข้าไม่ได้เป็นตถาคตอะไรอีกต่อไป”
พอได้ยินคำเรียกหาของต้วนหลิงเทียน จี้ฟ่านก็รีบกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มเหยเกทันที
และหลังจากพูดจบ มันก็เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างเป็นกังวล “แล้วมิทราบปรมาจารย์โอสถต้วน…เรียกหาข้าทำไมหรือ?”
“เจ้าสมควรมีลูกแก้วเงาลอบระดับราชาพกติดตัวอยู่ใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนที่มองจี้ฟ่านอยู่ ก็กล่าวถามออกมาตรงๆ
“ข้ามี!”
จี้ฟ่านพัยกหน้าตอบคำเร็วไว
“หลังจากนี้ไม่กี่วันพอพวกเราไปถึงนิกายอมตะสราญรมย์…พอยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศของนิกายอมตะสราญรมย์ปรากฏตัวออกมา เจ้าก็เริ่มใช้ลูกแก้วเงาลอยบันทึกเรื่องราวได้เลย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ข้าคิดจะใช้ประโยชน์จากลูกแก้วเงาลอยที่ว่าในภายหลัง เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?”
“ขอรับ!”
จี้ฟ่านรีบขานรับอย่างสุภาพ จากนั้นก็เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนออกไปว่า “ยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศของนิกายอมตะสราญรมย์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลี่อัน อดีตอาจารย์ของข้า…”
“เช่นนั้นข้าจึงรู้พลังฝีมือทั้งทักษะของมันเป็นอย่างดี…ท่านจะให้ข้าบอกเรื่องพวกนี้หรือไม่?”
เรียกว่าวาจาที่เอ่ยถามของจี้ฟ่านนั้น เป็นมันตั้งใจกล่าวถามเชิงชี้นำ!
เห็นได้ชัดว่าไม่ทันไร จี้ฟ่าน ก็เริ่มประจบสอพลอต้วนหลิงเทียนแล้ว อนิจจาคราวนี้มันที่คิดตบตูดม้า ดันไปตบเอาขาม้าเข้าให้…
(คิดตบตูดม้า แต่ไปโดนขาม้า = คิดประจบประแจง แต่ไม่เพียงไม่ได้ผล ยังไปทำให้ผู้อื่นมีโมโหอีก)
ได้ยินคำถามของจี้ฟ่าน ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะไม่ล่วงรู้เจตนาของอีกฝ่าย จึงส่ายหัวไปมา มุมปากยังยกแสยะยเผยความดูแคลน “ข้าไม่จำเป็นต้องรู้จักอะไรมัน อีกทั้งข้าก็ไม่สนใจจะรู้จักอะไรมันด้วย…”
“กับอีแค่ขุนนางอมตะ 10 ทิศ ยังไม่คู่ควรให้ข้าต้องเหลือบแลสนใจ”
น้ำเสียงยามเอ่ยวาจาประโยคท้ายของต้วนหลิงเทียน ยังเผยถึงความดูแคลนหยันหยามออกมาอย่างล้นพ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญกับวาจาน้ำเสียงดูแคลนอย่างถึงที่สุดของต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะเป็นจี้ฟ่านหรือเถี่ยไท่เหอ ก็ไม่ได้คิดว่าต้วนหลิงเทียนอวดดีเกินไป ยังยอมรับแต่โดยดี…
เห็นได้ชัดว่าการลงมือเข่นฆ่าหลี่อันที่นิกายอมตะไท่อีของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้พวกมันกระจ่างแจ้งว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจขนาดไหน
“เป็นข้าเสนอไม่เข้าเรื่องจริงๆ…อาศัยพลังฝีมืออันเข้มแข็งของปรมาจารย์โอสถต้วน ไหนเลยยังต้องจริงจังกับเรื่องนี้ด้วย”
หลังเสียงดูแคลนของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ จี้ฟ่านก็รีบกล่าวทำนองเห็นด้วยทันที ท่าทียังแลดูสุภาพนอบน้อมนัก ศีรษะโล้นเลี่ยนวับวาบก้มต่ำราวข้าทาส
ไม่กี่วันต่อมา
“ท่านปรมาจารย์โอสถต้วน นิกายอมตะสราญรมย์ตั้งอยู่ด้านหน้าแล้วขอรับ”
จี้ฟ่านชี้ไปยังขุนเขาใหญ่ลูกหนึ่ง อันปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก พลางกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับ จากนั้นก็หันไปมองฮ่วนเอ๋อ ที่จนป่านนี้ยังคงจมอยู่ในภวังค์การทำความเข้าใจเวทย์พลังของนางอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ เขาจึงหันไปกล่าวกับเถี่ยไท่เหอว่า “อาวุโสเถี่ย ท่านเองก็รออยู่ตรงนี้สักครู่เถอะ รบกวนดูแลฮ่วนเอ๋อให้ข้าด้วย”
“ข้าจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว จะกลับมาทันที”
“และท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีใครเพ่งเล็งมาที่ท่าน…สำนึกเทวะข้าจะแผ่มาปกคลุมจุดนี้ไว้ตลอดเวลา”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว ปรมาจารย์โอสถต้วน”
ถึงแม้ว่าเถี่ยไท่เหอเองก็อยากไปชมดูให้เห็นกับตา ตอนที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าสังหารเสาหลักของนิกายอมตะสราญรมย์ ทำลายรากฐานของพวกมัน แต่เมื่อต้วนหลิงเทียนเอ่ยปากมาแบบนี้ มันก็ได้แต่ยอมรับโดยสดุดี
ในอดีตมันปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนดั่งสหายคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามตั้งแต่เห็นต้วนหลิงเทียนเปิดเผยพลังฝีมือขอบเขตราชาอมตะออกมา แม้ผิวเผินท่าทีปฏิบัติที่มันมีต่อต้วนหลิงเทียนจะยังคงเหมือนเดิม หากแต่ในใจก็เริ่มหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
มันยึดถือว่าต้วนหลิงเทียนเป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่ามันมาก
“จี้ฟ่าน เจ้านำทางไป”
หลังจากกำชับเถี่ยไท่เหอแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองจี้ฟ่านพลางกล่าวสั่ง หลังจากนั้นภายใต้สายตาของเถี่ยไท่เหอ ร่างต้วนหลิงเทียนกับจี้ฟ่านก็เหินทะยานเข้าไปในม่านเมฆหมอก ไม่อาจจับสัมผัสถึงการคงอยู่อะไรได้อีก
ถึงแม้ว่ารอบขุนเขาจะมีค่ายกลจัดตั้งไว้มากมาย
อย่างไรก็ตามค่ายกลเหล่านี้ไม่อาจทำอะไรจี้ฟ่านที่เป็นถึงตถาคตของนิกายอมตะสราญรมย์ได้เลย การเดินผ่านค่ายกลสำหรับจี้ฟ่าน ไม่ต่างอะไรจากเดินชมสวนหลังบ้าน มันจึงพาต้วนหลิงเทียนผ่านค่ายกลไปได้อย่างไร้เรื่องราว บรรลุถึงถิ่นที่อยู่นิกายอมตะสราญรมย์ในเวลาแค่ไม่กี่ลมหายใจ
“ผู้ใด!?”
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกับจี้ฟ่านผ่านม่านเมฆหมอกมาถึงถิ่นที่อยู่นิกายอมตะสราญรมย์ ก็ปรากฏศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์สองสามคนที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนอยู่พบเจอทันที อีกฝ่ายยังพุ่งตัดฟ้าเข้ามาแต่ไกล
อย่างไรก็ตามพอพวกมันเห็นคนที่พึ่งเข้ามาชัดถนัดตา พวกมันก็เร่งโค้งคำนับกล่าวทักทายด้วยความเคารพทันที “ผู้น้อยขอคารวะตถาคต!”
จี้ฟ่านนั้นจะอย่างไรมันก็ดำรงตำแหน่งตถาคตของนิกายอมตะสราญรมย์ วันหน้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด มันก็คือผู้ที่จะขึ้นเป็นประมุขคนต่อไปของนิกายอมตะสราญรมย์
ด้วยเหตุนี้ฐานะของจี้ฟ่านในนิกายอมตะสราญรมย์ ก็ถือเป็นอันดับสองรองจากประมุขนิกาย
ปงงง!!
อย่างไรก็ตามศิษย์ลาดตระเวนไม่กี่คนที่เร่งเข้ามาทักทายจี้ฟ่านด้วยความเคารพ ไม่ได้คิดได้ฝันเลย ว่าสิ่งที่รอพวกมันอยู่จะไม่ใช่คำทักกลับของจี้ฟ่าน แต่เป็นการลงมือสังหารอันฉับไวปานสายฟ้าของจี้ฟ่าน!!
จี้ฟ่านยกมือขึนผนึกควบรวมพลังกล้าแข็งในชั่วพริบตา จากนั้นก็ตบฟาดออกไป ก่อเกิดเป็นมวลพลังโถมถันออกไปดั่งห่าพิรุณกระหน่ำ กลืนร่างศิษย์ลาดตระเวนของนิกายอมตะสราญรมย์ จบชีวิตพวกมันในพริบตา!
“นะ…นั่นมัน ตถาคตมิใช่หรือ!?”
“ไฉนตถาคตถึงลงมือเข่นฆ่าศิษย์ลาดตระเวนหน่วยนั้นซะเล่า!? พวกมันก็แค่ไปทำความเคารพอย่าสุภาพตามประสา ไม่ได้ไปทำอะไรให้ขุ่นเคืองใจมิใช่หรือ?!”
…
ห่างออกไปไกลๆ ยังมีศิษย์ลาดตระเวนบางคนที่พึ่งสังเกตเห็นจี้ฟ่าน และเตรียมจะเข้ามาทำความเคารพ อนิจจาพวกมันที่กำลังจะเหินร่างมานั้น กลับต้องเห็นฉากจี้ฟ่านลงมือสังหารสหายร่วมนิกายอย่างอำมหิตต่อหน้าต่อตา!
และฉากเรื่องราวดังกล่าวก็ติดตาพวกมันไปพักหนึ่ง ยังทำให้พวกมันตกตะลึงทั้งหวาดกลัวจับใจ ยากจะดึงสติกลับมาได้ในเวลาอันสั้น
ฟุ่บ!!
วินาทีต่อมา ภายใต้สายตาตื่นตระหนกตกตะลึงของพวกมัน ร่างจี้ฟ่านก็เหินทะยานออกไปปานลำแสง พุ่งไปหยุดอยู่เหนือฟ้าใจกลางถิ่นที่อยู่นิกายอมตะสราญรมย์!
“ข้าจี้ฟ่านขอประกาศไว้ ณ ที่นี้…นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจี้ฟ่าน จักถอนตัวออกจากนิกายอมตะสราญรมย์ และไม่เป็นตถาคตของนิกายอมตะสราญรมย์อีกต่อไป รวมทั้งไม่ได้เป็นศิษย์หรือเกี่ยวข้องอันใดกับนิกายอมตะสราญรมย์อีก!!”
เสียงของจี้ฟ่านได้ผนึกไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันแข็งแกร่ง ทำให้เสี้ยวพริบตาเสียงมันก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งนิกายอมตะสราญรมย์!