บทที่ 1654 เชือดไก่ให้ลิงดู + ตอนที่ 1655 ยำหรือผัด

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1654 เชือดไก่ให้ลิงดู + ตอนที่ 1655 ยำหรือผัด Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1654 เชือดไก่ให้ลิงดู

เหยียนหมิงซุ่นวางสายไปพร้อมทั้งให้โม่ซิวหย่วนหยุดก่อน “รอตำรวจมาค่อยจัดการ ไม่รีบ!”

ชาวบ้านคนอื่น ๆที่ยังไม่ได้ต้นไม้คืนหลงคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะกลับคำเลยโพล่งขึ้นอย่างร้อนรนว่า “เราจะซื้อคืน ไม่เบี้ยวแม้แต่หยวนเดียว!”

ความจริงคนพวกนี้ก็แอบมีแผนในใจโดยยุยงให้โม่จินกุ้ยโวยวายหาเรื่อง พวกเขาคิดว่าทางที่ดีควรจะซื้อต้นไม้คืนได้ทั้งหมดหรือไม่ต้องจ่ายเงินสักแดงเดียว แต่ตอนนี้เห็นท่าทางของเหยียนหมิงซุ่นแล้วพวกเขายังจะกล้าเอารัดเอาเปรียบอะไรอีก หวังเพียงแค่ซื้อต้นเงินต้นทองครึ่งหนึ่งกลับมาก็เพียงพอแล้ว

เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจพวกเขาแล้วหยิบถั่ววอลนัทในจานของว่างมากำหนึ่ง เพียงใช้สองมือบีบเบา ๆเปลือกถั่วก็แตก เนื้อถั่วกระจายเรียงตัวสวยอยู่บนฝ่ามือ สวยกว่าใช้คีมปอกเปลือกแงะอยู่มากโข

เขาไซร้หยิบเนื้อถั่วออกมาเป่าเศษเปลือกออกแล้วยัดใส่ปากเหมยเหมยพร้อมถามเสียงเบา “อร่อยไหม?”

“อร่อย ฉันปอกให้พี่กินด้วย”

เหมยเหมยเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยและหยิบมาลูกหนึ่งเอาคีมที่ไว้ใช้ปอกเปลือกแงะเปิดออก แต่เพราะใช้แรงมากเกินไปถั่วเลยแตกละเอียดจนถั่วและเปลือกปนกันไปหมด เธอเบะปากอย่างหงุดหงิดแล้วคิดจะลองอีกที

เหยียนหมิงซุ่นหยิบคีมจากมือเธอไป พูดกลั้วหัวเราะ “ฉันปอกให้เธอกินก็พอ เดี๋ยวคีมหนีบโดนมือก็ร้องไห้เอาหรอก”

ลูกวอลนัทอร่อยแต่แกะยาก ทว่าสำหรับเหยียนหมิงซุ่นแล้วไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถอะไร ง่ายดายเหมือนแกะถั่วลิสง เหมยเหมยทานอย่างเอร็ดอร่อยแถมป้อนให้เหยียนหมิงซุ่นทานเป็นพัก ๆ คู่รักสองคนกระหนุงกระหนิงรักใคร่ใส่ใจจนหาที่เปรียบไม่ได้

ชาวบ้านต่างมีความคิดในใจและไม่กล้าดูถูกเหมยเหมยอีกต่อไป

เมื่อครู่โม่จินกุ้ยแค่ผลักสาวน้อยคนสวยนี่เบา ๆทีเดียวเหยียนหมิงซุ่นก็โทรเรียกตำรวจมาจับ เห็นได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นสนใจสาวน้อยคนสวยนี้มากแค่ไหน ดูความใส่ใจนี่สิยิ่งกว่าดูแลลูกสาวเสียด้วยซ้ำ!

เพราะถนนเส้นมาหมู่บ้านโม่มาง่ายเลยทำให้รถตำรวจมาถึงในเวลาไม่นาน ยังไม่ทันเข้าหมู่บ้านก็ได้ยินเสียงไซเรนดังสนั่นจนทำเอาชาวบ้านตัวสะท้านเฮือก ความสงสัยแต่เดิมมลายหายไปในพริบตา

เห็นทีว่าเหยียนหมิงซุ่นจะรู้จักสารวัตรประจำสถานีตำรวจจริง ๆด้วย!

ดูความว่องไวนี้สิ คำสั่งได้ผลยิ่งกว่านายอำเภอเสียด้วยซ้ำ!

สารวัตรเหมา ‘เหลวไหล นายอำเภอเปรียบกับคุณชายหมิงได้หรือ?’

โม่จินกุ้ยเองก็ใจเต้นระส่ำจนหลงลืมความเจ็บตรงแขนไป สองขาสั่นไม่หยุด

มาจับตัวเขาจริง ๆหรือ?

พอเห็นตำรวจในชุดเครื่องแบบเต็มยศวิ่งลงจากรถ ชาวบ้านต่างขาอ่อนยวบกันพร้อมหน้า วันปีใหม่แบบนี้นี่คิดจะทำอะไร?

พวกเขาเป็นประชาชนคนดีนะ!

ตำรวจที่แต่เดิมยังรู้สึกตื่นเต้นก็เอือมระอาสุดฤทธิ์เมื่อเห็นว่าหมู่บ้านโม่ยังสงบดี ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนถูกผู้ก่อการร้ายบุกรุกนี่นา!

เหยียนหมิงซุ่นกดตรงแขนโม่จินกุ้ยทีหนึ่งแล้วกล่าว “เหมาอ้ายกั๋วให้พวกนายมาสินะ นี่แหละโม่จินกุ้ย รบกวนช่วยพากลับไปด้วย ให้เขาไปสำนึกผิดในนั้น”

พอหัวหน้าคุมตำรวจผู้มากประสบการณ์เห็นท่าทางน่าเกรงขามของเหยียนหมิงซุ่นรวมถึงเรียกชื่อสารวัตรออกมาโต้ง ๆเลย เขาจึงรู้ทันทีว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนธรรมดาจึงเปลี่ยนท่าทีนอบน้อมในทันที

“ครับ จะให้โม่จินกุ้ยสำนึกผิดอย่างดี สบายใจได้เลยครับ!”

เขาสะบัดมือแล้วพูดเสียงขรึม “พาตัวไป!”

ตำรวจสองนายหิ้วปีกโม่จินกุ้ยที่นั่งหน้าซีดขึ้นเรื่อย ๆกันคนละข้างแล้วลากขึ้นรถตำรวจอย่างไม่คิดจะสนใจเสียงร้องโหยหวนของเขา ชาวบ้านคนอื่น ๆต่างตกใจจนนิ่งอึ้งไปไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

โม่เหวินต้งเป็นคนฉลาดวิ่งกลับเข้าบ้านไปเอาอั่งเปามาสิบกว่าซอง เดินไปตรงรถตำรวจแล้วยิ้มตาหยียัดใส่มือแต่ละคน “ปีใหม่แบบนี้ลำบากทุกคนแย่เลย วันนี้มีธุระนิดหน่อยเลยไม่ได้ชวนทุกคนอยู่ทานข้าวที่บ้าน ขอโทษด้วยนะ!”

รถตำรวจขับออกไปแล้ว ด้านหลังมีโม่จินกุ้ยที่หน้าซีดหม่นหมองราวกับคนตายก็ไม่ปานถูกขังอย่างเดียวดาย

มีตำรวจหนุ่มคนหนึ่งอารมณ์ร้อนจึงแอบเปิดซองอั่งเปา พอเห็นจำนวนเงินในนั้นชัดเจนแล้วก็สะดุ้งตกใจ

โอ้โห นี่มันเงินเดือนครึ่งเดือนของเขาเชียวนะ!

คนอื่น ๆก็แอบเหลือบมองจำนวนเงินตั้งนานแล้ว ทำให้ความเบื่อหน่ายที่ต้องออกปฏิบัติการในวันปีใหม่หายวับไปในชั่วพริบตา

ภารกิจแบบนี้พวกเขาอยากให้มีทุกวันเลย!

……………………..

ตอนที่ 1655 ยำหรือผัด

รถตำรวจขับออกไปพักใหญ่แล้ว แต่บ้านตระกูลโม่ก็ยังเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด ๆเพราะชาวบ้านยังตกใจไม่หาย

ชาวบ้านไม่สู้กับคนมีอำนาจ พวกเขาไม่กลัวที่คนตระกูลโม่รวยแต่พวกเขากลัวตระกูลโม่มีคนเป็นข้าราชการต่างหาก!

โม่จินกุ้ยเข้าไปอยู่ในสถานที่กลืนกินคนแบบ จะมีชีวิตรอดกลับมาได้คงยาก!

ชาวบ้านที่ยังไม่ได้ซื้อต้นวอลนัทคืนยิ่งนึกเสียใจ หากรู้แต่แรกว่าเหยียนหมิงซุ่นมีอำนาจขนาดนี้พวกเขายังจะกล้าโวยวายอะไรอีก?

จ่ายเงินแต่โดยดีก็พอแล้วไม่ใช่หรือ

ตอนนี้ดีล่ะสิ คนอื่นได้ต้นไม้คืนไปครึ่งหนึ่งแต่พวกเขาไม่ได้แม้แต่ต้นเดียว

ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นไม่คืนให้พวกเขา พวกเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะหาเรื่อง ไม่อย่างนั้นต้องมีจุดจบเหมือนโม่จินกุ้ยแหง!

เหยียนหมิงซุ่ยยังคงป้อนภรรยาตัวน้อยของตนต่อไป ส่งผลให้มีแต่เสียงแกะลูกวอลนัทดังขึ้นในบรรยากาศที่ไม่มีใครกล้าปริเสียงขึ้นมา

เขาแกะลูกวอลนัทในมือจนหมดถึงส่งสายตาให้โม่ซิวหย่วน โม่ซิวหย่วนเข้าใจความหมายเลยพูดขึ้นเสียงดัง “ครอบครัวที่เหลือมีความคิดเห็นอะไรอีกไหม?”

“ไม่มี ๆ เอาตามที่พวกเธอว่าเลย” ชาวบ้านที่เหลืออยู่ดีใจขึ้นมาทันตาแล้วรีบโพล่งตอบกลับไป เพราะกลัวว่าถ้าตอบช้าต้นเงินต้นทองจะหายวับไป

ชาวบ้านที่เหลือจัดการเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่ละคนยิ้มกว้างเพราะจะมีรายได้จำนวนไม่น้อยทุกปีแล้วจะไม่ให้ดีใจได้หรือ?

โม่ซิวหย่วนเอ่ยเสียงดัง “ต้นไม้ครึ่งหนึ่งพวกเธอแบ่งกันเอง หวังว่าทุกคนจะรู้ตัวกันดี อย่าทำเรื่องสกปรกที่ตัวเองไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นอย่างโม่จินกุ้ย”

“ไม่หรอก ไม่ทำอะไรแน่ ๆ!”

ทุกคนใจดิ่งวูบแล้วยังจะกล้าเล่นตุกติกอะไรอีกต่างพูดรับปากเป็นเสียงเดียวกัน

ตอนนี้รู้ว่าตระกูลโม่รู้จักคนมีตำแหน่งใหญ่โต ต่อให้พวกเขากล้าแค่ไหนก็ไม่อาจหาญที่จะหาเรื่องด้วยหรอก!

พวกชาวบ้านต่างยิ้มแป้นกลับบ้านไปด้วยความพึงพอใจ ถึงขั้นรู้สึกว่าตระกูลโม่ดีมากแล้วเพราะอย่างน้อยก็คืนให้พวกเขาตั้งครึ่งหนึ่ง!

คนก็เป็นเช่นนี้แหละ ได้อะไรมาง่ายดายเกินไปก็จะผุดความคิดที่ร้าย ๆขึ้นมา พอได้คืบก็จ้องจะเอาศอก เหยียนหมิงซุ่นคาดเดาถึงจุดนี้ได้เลยยอมคืนไปแค่ครึ่งเดียวแล้วยังต้องเอาเงินมาไถ่คืน

ผู้ใหญ่บ้านอาวุโสเป็นห่วงโม่จินกุ้ยมากเลยช่วยพูดอ้อนวอนแทนเขา “คนหมู่บ้านเดียวกันแล้วยังไหว้บรรพบุรุษเดียวกัน ให้โอกาสเขาอีกครั้งเถอะ!”

โม่ซิวหย่วนพูดแค่นเสียง “โม่จินกุ้ยไม่ได้หาเรื่องเป็นครั้งแรก คนพาลแบบนี้ต้องให้มันสำนึกผิดอยู่ในนั้นนั่นแหละ ถ้าไม่สั่งสอนมันให้หลาบจำล่ะก็อนาคตต้องก่อความวุ่นวายอีกแน่”

ผู้ใหญ่บ้านอาวุโสถอนหายใจเฮือกหนึ่ง รู้ว่าคนตระกูลโม่ตั้งใจจะลงโทษโม่จินกุ้ยเลยไม่เกลี้ยกล่อมอะไรอีก

จะว่าไปโม่จินกุ้ยก็ทำตัวเองทั้งนั้น สมน้ำหน้า!

ตกดึกพ่อแม่รวมถึงภรรยาของโม่จินกุ้ยต่างวิ่งแจ้นมาอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจ ร่ำไห้จะเป็นจะตายทำเอาบ้านตระกูลโม่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เหยียนหมิงซุ่นเองก็ชักรำคาญเลยพูดเสียงเย็นชาว่า “ถ้ายังไม่หยุดโม่จินกุ้ยก็อยู่ในคุกไปจนตายนั่นแหละ!”

เสียงร้องไห้หยุดลงฉับพลัน ครอบครัวนี้เดินกลับไปอย่างน่างสงสารรวมถึงของฝากที่พวกเขาหิ้วมาด้วยก็ถูกคืนกลับมาทั้งหมด

พอผ่านเรื่องน่าตกใจของโม่จินกุ้ยไปแล้ว ตำแหน่งของตระกูลโม่ในหมู่บ้านก็ถูกยกระดับขึ้นไม่น้อย อดีตที่ชาวบ้านมีแต่ความอิจฉาริษยาต่อตระกูลโม่นั้น บัดนี้กลับมีความหวาดผวาเพิ่มขึ้นและไม่กล้าพูดเหลวไหลอีก จึงทำให้คนตระกูลโม่สบายใจขึ้นไม่น้อย

แต่กลับมีคนบางกลุ่มที่คิดวางแผนเล่นตุกติก แล้วเริ่มทำตามแผนการอย่างลับ ๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นเหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยขึ้นเขา คราวก่อนบอกไว้ว่าจะพาเธอไปชมดอกท้อแต่กลับต้องยกเลิกเพราะมีเรื่องอื่นมาแทรกก่อน

“ตอนนี้หนาวขนาดนี้บนภูเขาจะมีดอกท้อได้อย่างไร? พี่ดูผิดหรือเปล่า เป็นดอกบ๊วยหรือเปล่า?” เหมยเหมยพูดหยอกเย้า

เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าเป่าลมอุ่นพ่นใส่ข้างหูเธอ “แล้วถ้าเป็นดอกท้อจริง ๆล่ะทำไง?”

“จริงก็จริงสิ หรือว่าจะทำเป็นยำได้หรือไง!”

เหมยเหมยจับความหมายคลุมเครือในน้ำเสียงเขาได้เลยหน้าแดงระเรื่อ ไม่ยอมหลงกลหรอกนะ!

เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มที่มุมปากและนัยน์ตาแววตาอันตราย จะยำหรือผัด เขาเป็นคนตัดสินใจเอง!

………………………