ตอนที่ 2499 นี่ฝีมือเจ้า

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ที่ด้านนอกเขาแห่งถงเทียนนั้นประตูเส้นทางที่แปดมันได้เปิดขึ้น

เต๋าบรรพกาลคนที่แปดนี้คือเต๋าบรรพกาลชีวิตที่ได้รับตำแหน่งไปโดยบรรพบุรุษตระกูลสายเลือดพิภพ เฉิงกุยแห่งเผ่าเทวา

นั่นหมายความว่าจากแปดเต๋าบรรพกาลตอนนี้ห้าเป็นคนจากเผ่าเทวา!

ฝั่งมนุษย์นั้นยังมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น!

แต่ว่าด้วยการปรากฏขึ้นของหลินเฉาเถียนในครั้งนี้มันจึงทำให้แม้เผ่ามนุษย์จะมีกำลังน้อยกว่าแต่เผ่าเทวาเองก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรผลีผลาม

แต่ฝั่งทางด้านเผ่ามนุษย์นั้นมันกลับมีสภาพดูไม่ได้

เพราะเวลานี้ใต้เท้าของหวังเจิ้งนั้นมันมียอดฝีมือมากมายหลายคนนอนกองเรียงรายกันไปด้วยสภาพแสนน่าอนาท

คนทั้งหลายนั้นคือผู้ติดตามของเย่หยวนสิ้น

หลงยี่ ไป่เชิน หนี่ซวนและคนทั้งหลายนั้นต่างนอนจมกองเลือดด้วยบาดแผลทั่วร่าง

หลายต่อหลายคนนั้นมีกระดูกหักทิ่มออกมาด้านนอกจนเป็นภาพที่แสนน่าหวาดกลัว

แต่ว่าคนทั้งหลายนั้นก็ยังเงียบปากนิ่ง

แม้จะบาดเจ็บเจียนตายพวกเขานั้นก็ยังไม่ร้องขึ้นมาใดๆ

หวังเจิ้งนั้นได้แต่ต้องยืนเบื่อหลังจัดการสั่งสอนคนทั้งหลายลงได้แล้ว

เขานั้นไม่ได้สัมผัสความสนุกใดๆ ในการทรมานคนทั้งหลายนี้เลย

เขานั้นพยายามทรมานให้พวกเขาร้องขอชีวิตแต่มันกลับไม่มีใครปริปาก

ยอมตายดีกว่ายอมแพ้!

“ฮึ่ย! พวกคนบ้า!”

หวังเจิ้งกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เจ้าพวกโง่ ยังคิดจะให้เย่หยวนมันออกมาช่วยเหลืออยู่อีกหรือ? หึ รอมันออกมามันก็คงไม่มีปัญญาแม้แต่จะป้องกันตัวเองด้วยซ้ำ! ยุคสมัยแห่งนักบุญฟ้าครามมันได้จบสิ้นลงไปแล้ว!”

หลังจากเขาออกมานั้นเขาก็ได้เข้าใจถึงพลังของหลินเฉาเถียนอย่างถ่องแท้

หลินเฉาเถียนนั้นปะทะได้เสมอกับเทียนชิงที่บรรลุเต๋า นี่ยิ่งจึงทำให้เขามั่นใจที่จะติดตามหลินเฉาเถียนต่อไป

“หึ! มารร้ายไร้ยางอาย! หากเจ้ามีปัญญาจริงก็ไปอวดเก่งกับเผ่าเทวามันสิ! มีดีแค่กับคนของตนเอง! เป็นเต๋าบรรพกาลที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!” หนี่ซวนกล่าว

เขานั้นเป็นคนที่จิตใจยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้นมีหรือที่จะได้รับยกย่องให้เป็นแม่ทัพใหญ่ของทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์ในตอนนั้น?

เวลานี้เมื่อได้เห็นหน้าตาอวดดีของหวังเจิ้งนั้นเขาก็แทบจะทนไม่ไหว

แครก!

หวังเจิ้งหักแขนของหนี่ซวนลงอย่างรวดเร็วทำให้เขาเจ็บปวดอย่างสาหัส

เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นของหนี่ซวน หวังเจิ้งก็กล่าวขึ้นมาด้วยความพอใจ “หึ ปากดีนัก! รอให้เย่หยวนมันออกมาแล้วพวกเจ้าก็รอดูแล้วกันว่ามันจะตายอย่างไร! ถึงเวลานั้นข้าจะส่งพวกเจ้าตามมันไปให้หมดสิ้นเลย!”

วินาทีเดียวกันนั้นเส้นทางสุดท้ายมันก็ได้เปิดขึ้น

เต๋าบรรพกาลคนที่เก้าได้ถือกำเนิด!

ทุกสายตานั้นต่างหันไปมองที่เส้นทางนั้นเป็นตาเดียว

“เต๋าบรรพกาลคนสุดท้ายมันย่อมจะเป็นเต๋าบรรพกาลน้ำต้น ใครกันนะที่จะมีโชครับมันไว้!”

ไม่นานเงาร่างของคนผู้นั้นก็ปรากฏออกมาจากประตูแสง

“เป็นเขา!”

“จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้! เขา… เขากลับก้าวขึ้นเป็นเต๋าบรรพกาลแล้ว!”

“ไม่ดีแล้ว! การที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ท่านขึ้นมาเป็นเต๋าบรรพกาลเช่นนี้มันก็ย่อมจะหมายความท่านนักบุญฟ้าครามไม่ได้รับตำแหน่งเต๋าบรรพกาลมาจริงๆ! หลินเฉาเถียนคงไม่ปล่อยท่านไปแน่!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นก้าวขึ้นมาเป็นเต๋าบรรพกาลนั้นมันย่อมไม่มีใครคิดขัด

ยอดฝีมือทั้งหลายนั้นต่างเข้าใจดีว่าชายคนนี้ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากมายแค่ไหนเพื่อเผ่าพันธุ์

แต่ว่าความยินดีนี้มันก็ตามมาด้วยความกังวล

หลินเฉาเถียนนั้นโอหังล้ำฟ้าดินไม่สนหน้าใคร ส่วนตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นก็เป็นคนของฝ่ายนักบุญฟ้าคราม เพราะฉะนั้นมันคงไม่มีทางใดที่หลินเฉาเถียนจะปล่อยเขาไปแน่

ได้เห็นการปรากฏขึ้นของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเฉาเถียนอย่างชัดเจน

เย่หยวนนั้นมันช่างหัวรั้น!

เย่หยวนคงไม่ได้รู้เลยว่าเขาจะเก่งกาจขึ้นได้แค่ไหนหลังจากกลายเป็นเต๋าบรรพกาลไฟวิญญาณแล้ว

ก่อนหน้านี้หลินเฉาเถียนนั้นยังกังวลอยู่ไม่น้อย

หากเพราะเย่หยวนผสานหลอมพลังแห่งกฎน้ำไปจริงๆ และกลายเป็นเต๋าบรรพกาลน้ำต้นมันคงกลายเป็นภัยกับตัวเขาไม่น้อย

เพียงแค่ว่าหากมองดูนิสัยของเย่หยวนแล้ว เมื่อเขาบอกว่าจะไม่เอา ตัวเขาก็ย่อมจะไม่มีทางทำมันลงไปอย่างแน่นอน

และภาพตรงหน้ามันก็ได้เป็นเครื่องยืนยันชัดเจน

ในเวลานี้หลินเฉาเถียนนั้นหายห่วงหมดกังวลใดๆ ลงสิ้น

สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการสะสางเรื่องราว!

วินาทีที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เดินออกมาจากเส้นทางแสงนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตามองภาพของคนทั้งหลายตรงหน้าพร้อมด้วยจิตสังหารที่หนักหน่วงฟ้าดิน

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นบาดเจ็บอย่างหนักจนเกือบจะตายลง!

หลงยี่นั้นถูกแทงทะลวงอกจนแทบไม่อาจหายใจได้!

ไป่เชินนั้นแขนขาด!

ส่วนแขนทั้งสองข้างของหนี่ซวนมันหักห้อยลงมา!

คนของเย่หยวนทั้งหลายนั้นต่างพบเจอสภาพที่แสนน่าอนาทไปตามๆ กัน

ไม่ต้องให้หลินเฉาเถียนสั่งการใดๆ แต่หวังเจิ้งก็รีบเข้ามารับหน้าจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ทันที “เฉียนจี้ เจ้าเองก็เป็นเต๋าบรรพกาลแล้ว! ไปคารวะขอโทษพี่เฉาเถียนเสียเถอะ จากนั้นก็สาบานว่าจะภักดีต่อเขา บางทีถ้าเขาใจดีเขาอาจจะปล่อยผ่านเรื่องที่ผ่านๆ มาก็ได้ แต่หากเจ้ายังไม่คิดจะตั้งสติให้ดีแล้ว หึๆ ผลลัพธ์ของเจ้ามันก็คงไม่ได้แตกต่างจากพวกมัน!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ตอบกลับไปอย่างรุนแรง “ชิ่ว! หวังเจิ้ง เจ้าเองก็เป็นถึงเต๋าบรรพกาลแล้วแต่ยังกลายเป็นหมาให้ผู้คนอีก! ดูท่าจะเห่าสนุกสนานเสียจริงนะ!”

หวังเจิ้งนั้นไม่ได้โกรธเคืองใดๆ ยิ้มตอบกลับไป “คนที่เข้าใจสถานการณ์นั้นคือคนฉลาด! เฉียนจี้ เจ้านั้นเองก็ไม่ได้โง่เง่า! พี่เฉาเถียนนั้นบรรลุเต๋าขึ้นเป็นเต๋าบรรพกาลรอบที่สองเช่นนี้กำลังของเขาย่อมจะพุ่งทะยานล้ำ เวลานี้แม้แต่บรรพบุรุษเทียนชิงนั้นเองก็ยังไม่อาจจะทำอะไรเขาได้! เมื่อเย่หยวนออกมาแล้วมันคงมีแต่ความตายที่รออยู่เท่านั้น!”

เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องตื่นตะลึงไม่น้อย

เพราะคำพูดของหวังเจิ้งนี้มันหมายความว่าหลินเฉาเถียนและเทียนชิงประมือกันแล้วแต่กลับไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบเสียเปรียบกัน?

นี่มันจะเหนือล้ำจนเกินไปแล้ว!

เพราะจะอย่างไรเทียนชิงนั้นก็บรรลุเต๋ากลายเป็นเต๋าบรรพกาลอีกครั้งเช่นกัน!

เมื่อได้เห็นสีหน้าของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นหวังเจิ้งจึงกล่าวขึ้นมาต่อ “หึๆ เจ้าคงกลัวแล้ว? มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นมันไม่อาจรับมือพี่เฉาเถียนได้เกินสามกระบวนท่า! เต๋าบรรพกาลเหมือนกันแต่ความแตกต่างนั้นมันเหนือล้ำ! เพราะฉะนั้นตอนนี้วิธีเดียวคือการติดตามพี่เฉาเถียนออกไป! เจ้านั้นฉลาด คงรู้ใช้ไหมว่าจะเลือกอะไร?”

“เลือกแม่เจ้าสิ!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นร้องลั่นขึ้นมาอย่างอดเหลือไม่ได้ “เจ้าหน้าไม่อาย! ไล่หัวไปให้พ้นหน้าพ่อเจ้านี้!”

เมื่อหลินเฉาเถียนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “ดูท่าเจ้าเองก็จะเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!”

พูดจบเขานั้นก็เดินมุ่งไปหมายจะจัดการจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้

ครืน…

แต่ในเวลานั้นเองที่เขาแห่งถงเทียนมันก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา

เงาร่างของผู้คนมากมายนั้นถูกดีดกลับออกมาจากบนเขาแห่งถงเทียน

เส้นทางทั้งแปดสายนั้นเองมันก็ได้กลับกลายเป็นความว่างเปล่าไปหลังจากจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เดินออกมาเสร็จสิ้น

“การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์มันจบลงแล้ว! เวลานี้เมื่อเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าได้ครองตำแหน่งมาแล้วยุคสมัยใหม่ก็จะได้เริ่มขึ้น!” เทียนชิงมองดูและกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย

แต่จู่ๆ มันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นต่อหน้าของทุกผู้คน

เมื่อหลินเฉาเถียนเห็นว่าเป็นใครเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นที่มุมปาก

แน่นอนว่าผู้มาถึงนี้มันย่อมเป็นเย่หยวนแล้ว!

เย่หยวนร่อนตัวลงพื้นก่อนจะค่อยๆ หันมองดูไปรอบๆ ถึงสภาพของพวกมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทั้งหลาย

ภาพตรงหน้านี้มันทำให้จิตใจของเขารุ่มร้อนขึ้นทันที

“เย่หยวน บรรพกาลผู้นี้รอเจ้ามานานแล้ว! หึๆ หากมิใช่เพราะอยากให้พวกมันได้เห็นเจ้าตายลงบรรพกาลผู้นี้คงไม่ปล่อยให้พวกมันอยู่มาจนถึงเวลานี้!” หลินเฉาเถียนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แสนมั่นใจ

“เจ้ามันสมควรตายจริงๆ!” เย่หยวนจ้องมองกลับไปด้วยความโกรธแค้น

“ฮ่าๆๆ… ในโลกนี้มันไม่มีใครสมควรหรือไม่สมควรตายหรอก! คนอ่อนแอนั้นตายเพราะความอ่อนแอนั้นคือบาป! เพราะฉะนั้นคนที่สมควรตายมันคือเจ้า!” หลินเฉาเถียนนั้นหัวเราะลั่นขึ้น

“หึๆ เย่หยวน การกำเนิดใหม่แห่งเต๋าสวรรค์นั้นมันได้จบลงไปแล้ว! จากวันนี้ไปมันจะเป็นยุคสมัยของการปะทะระหว่างพี่เฉาเถียนและบรรพบุรุษเทียนชิงแห่งเผ่าเทวา มันหมดยุคสมัยของเจ้าไปแล้ว! เดิมทีเจ้านั้นสูงล้ำฟ้าดินแต่น่าเสียดายที่เจ้ามันอวดดีไม่คิดสนใจจะรับพลังของผลึกแห่งกฎไป เวลานี้เจ้าจึงไม่มีโอกาสใดๆ แล้ว!” หวังเจิ้งนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

ในเวลานี้มันถึงเวลาที่จะเลือกข้างแล้ว

ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็หันไปหาหวังเจิ้งก่อนจะชี้ไปทางพวกหนี่ซวนทั้งหลาย “นี่ฝีมือเจ้า?”

………..