ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1152 เยี่ยนตี๋สู้บนล่าง!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ประกายดาบของเยี่ยนตี๋พุ่งลงด้านล่างไม่หยุด ทะลวงดินโคลนสีเหลืองคล้ำที่เกิดจากการประสานพลังฝ่ามือของฝ่ามือปราณสวรรค์และดินวิญญาณโบ่วกี้ของหวังเจิ้งเฉิง

ความเร็วในการถมเสริมของดินโคลนสู้ความเร็วในการพุ่งลงของประกายดาบไม่ได้ ถูกฟันจนแตกร้าว

หวังเจิ้งเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง

เยี่ยนตี๋ทำอะไรรูปภูผาธาราโบ่วกี้ไม่ได้ ทว่าการทะลวงพลังวิญญาณของรูปภูผาธาราโบ่วกี้อาจทำร้ายผู้ใช้งานมันได้

พริบตาที่ประกายดาบจะถึงศีรษะของหวังเจิ้งเฉิง เขาก็ประกบสองฝ่ามือ หุบห้านิ้วเป็นหมัด ตั้งท่าหมัดขึ้นมา

กระแสปราณสีเหลืองคล้ำหลายสายหมุนวนรอบๆ ร่างหวังเจิ้งเฉิง จากนั้นก็รวมตัวกลายเป็นม่านพลัง

วรยุทธ์การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของผากิเลน หมัดดินกลับคืนสู่พระแม่!

พอหวังเจิ้งเฉิงตั้งท่าหมัดนี้ พลังป้องกันยังแข็งแกร่งกว่าตอนใช้ฝ่ามือลมหายใจสวรรค์ป้องกันสุดกำลังเสียอีก

ดินวิญญาณโบ่วกี้มากมายที่ปรากฏในรูปภูผาธาราโบ่วกี้รวมตัวกันโดยมีหวังเจิ้งเฉิงเป็นศูนย์กลาง แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ไม่อาจกระตุ้นบัวทองโบ่วกี้ออกมาได้ ทว่าพอรูปภูผาธาราโบ่วกี้อันเป็นอาวุธเซียนเสริมพลังให้แก่หมัดดินกลับคืนสู่พระแม่ของหวังเจิ้งเฉิง ก็พลันกลายเป็นการป้องกันที่น่าตกตะลึง

วินาทีนี้หวังเจิ้งเฉิงเหมือนเปลี่ยนจากคนเป็นผืนดิน หนักแน่นเงียบงัน คล้ายกับสามารถรองรับการกดดันทุกอย่างได้

โลกบังเกิด เหมือนกับกลับคืนสู่หลังเบิกฟ้าผ่าดินในช่วงแรกสุดของฟ้าดิน

ดินต้นกำเนิด แหล่งกำเนิดของทุกสรรพวัตถุ ฟ้าดินมีแต่สีดำสีเหลือง ไม่สกปรกไม่สะอาด

เยี่ยนตี๋ฟันดาบหนึ่งลง ปราณสีดำเหลืองกระจายว่อน ฟ้าดินพังทลายไม่หยุด

หวังเจิ้งเฉิงยังรับดาบนี้ไว้ได้ เพียงแต่เขาในตอนนี้ละทิ้งการจู่โจมโดยสมบูรณ์ เพียงคิดป้องกันเท่านั้น

เยี่ยนตี๋เห็นดังนั้นกลับเลิกคิ้วขึ้น “ดูเหมือนประมุขปฐวีท่านจะไม่อาจกระตุ้นให้รูปภูผาธาราโบ่วกี้ให้กำเนิดบัวทองโบ่วกี้ได้จริงๆ เป็นเพราะท่านยังไม่ได้ผลักเปิดประตูเซียนกระมัง”

“น่าละอายนัก” ปราณสีดำเหลืองวนเวียน กลายเป็นวงกลงวงหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ ในวงกลมมีเสียงของหวังเจิ้งเฉิงดังมา

ขนาดของวงกลมไม่ใหญ่มาก ยามเผชิญกับการโจมตีของเยี่ยนตี๋ ถึงขั้นที่หดเล็กลงอีกขั้น พลังยิ่งมายิ่งผนึกตัวแข็งแกร่งมากขึ้น

“แต่ท่านในตอนนี้จะขวางทางข้าอย่างไร” เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างราบเรียบ “เมื่อไม่มีบัวทองโบ่วกี้ แม้ท่านจะพกรูปภูผาธาราโบ่วกี้ติดตัวแล้วเป็นอย่างไร”

ขณะที่พูด เขาไม่สนใจหวังเจิ้งเฉิงอีก เท้าไม่หยุดลง มุ่งหน้าไปทางเหนือ

เยี่ยนตี๋ผ่านด้านข้างวงกลมนั้น รอบนี้ในวงกลมกลับเงียบงันไม่มีคำพูดใด

เยี่ยนตี๋ในตอนนี้คิดไปคือไป เพราะต้องการเพียงป้องกัน หวังเจิ้งเฉิงจึงไม่อาจพัวพันเขาไว้ได้

หวังเจิ้งเฉิงในวงกลมไม่ใช่ไม่คิดขวางทางเยี่ยนตี๋

ทว่าในความรู้สึกของประมุขปฐวี ผู้ชราที่สุดบนโลกซ้อนโลกสามารถรับรู้ได้ถึงความเย็นเยียบสายหนึ่ง ซึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาอย่างชัดเจน!

นั่นเหมือนกับคมดาบที่แท้จริง หวังเจิ้งเฉิงรู้สึกว่าผิวหนังของตัวเองเหมือนกับอยู่ชิดกับความคมกริบนั้นอยู่

เขาไม่สงสัยแม้แต่น้อยว่าขอแค่ตนมีการเคลื่อนไหวผิดปรกติแม้แต่น้อย คิดจะไล่ตามไปขัดขวางอีกครั้ง จนทำให้การป้องกันของหมัดดินดำคืนสู่ต้นกำเนิดอ่อนแอลงเพียงนิดเดียว เยี่ยนตี๋จะหมุนตัวมาฟันใส่ดาบหนึ่งทันที!

“ทำร้ายตัวเอง คู่แค้นยินดี ฟ้าทำร้ายผู้คน โลกซ้อนโลกของเรามีแต่เรื่องวุ่นวายภายใน วันนี้เกรงว่าจะต้องทุ่มเทสุดกำลังแล้ว”

หวังเจิ้งเฉิงลอบถอนใจ กลับไม่ได้ป้องกันต่อ

หมัดดินกลับคืนสู่พระแม่สลาย ใช้ฝ่ามือปราณสวรรค์อีกครา

ดินวิญญาณโบ่วกี้หลายชั้นสร้างโลกขุนเขาแม่น้ำใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ครอบคลุมใส่เยี่ยนตี๋ คิดจะรั้งเขาไว้ ไม่ให้จากไป

“ประมุขปฐวียึดถือว่าข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่กล้าฆ่าคนหรือ?” เยี่ยนตี๋หมุนตัวมาฟันดาบใส่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

หวังเจิ้งเฉิงเคลื่อนฝ่ามืสองข้างเข้าไปด้านใน ประกบตรงกลาง หนีบคมดาบของเยี่ยนตี๋ไว้

“มีเรื่องบางเรื่องที่ต้องมีการเสียสละ” หวังเจิ้งเฉิงกล่าวอย่างแช่มช้า “คนอื่นเสียสละได้ ข้าย่อมเสียสละได้ ถ้าหากว่าชะตาชีวิตเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไรได้”

คมดาบของเยี่ยนตี๋มุ่งไป จิตดาบที่เกรี้ยวกราดยิ่งใหญ่ฟันลงอย่างดุดัน

ดินวิญญาณโบ่วกี้ที่คลุมประกายดาบแหลกสลาย หลุนร่อนอย่างต่อเนื่อง

ประกายเย็นเยียบเชื่องช้าแต่ตอนนี้กลับพุ่งลงด้านล่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งมายิ่งใกล้ศีรษะของหวังเจิ้งเฉิง

“ประมุขปฐวีมีคุณธรรมสูงส่ง ข้าผู้แซ่เยี่ยนเลื่อมใส” เยี่ยนตี๋กล่าวอยางเย็นชา “เพียงเสียดายที่ข้าไม่เห็นด้วยที่ท่านกุมอำนาจตัดสินว่าใครควรเสียสละ”

หวังเจิ้งเฉิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ข้าตัดสิน และไม่ใช่ท่านอาจารย์ตัดสิน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งตัดสิน แต่ว่าเป็นสภาวะของยุคสมัยนี้ตัดสิน พวกเราเมื่ออยู่ด้านใน ใครก็ไม่มีข้อยกเว้น”

“พูดถึงที่สุด ท่านยังรู้สึกว่าพวกท่านเป็นคนที่มองเห็นสภาวะของยุคสมัยอย่างชัดเจน แต่คนอื่นๆ มองไม่เห็น” เยี่ยนตี๋สีหน้าเฉื่อยชา คมดาบในมืดกดลงไม่หยุด “ต่อให้สิ่งที่ท่านพูดถูก ทว่า…”

เยี่ยนตี๋สะบัดคมดาบ สองฝ่ามือของหวังเจิ้งเฉิงถูกกระแทกออก!

“…บางครั้งบางเรื่องแม้จะต้องขืนสภาวะ ข้าผู้แซ่เยี่ยนก็ยินดีกระทำ!”

หนึ่งดาบฟันลง ดินวิญญาณโบ่วกี้ถูกทะลวงโดยสมบูรณ์!

ใต้แผ่นดินที่พังทลาย เผยให้เห็นใบหน้าของประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง

สองฝ่ายยืนอยู่คนละฝั่ง ห่างกันแค่คืบเดียว!

เยี่ยนตี๋สะบัดดาบฟันลงไปอีกครั้งอย่างไร้ความลังเล

หวังเจิ้งเฉิงกระตุ้นหมัดดินกลับคืนสู่พระแม่ แต่เพราะอารามเร่งร้อน กลับไม่อาจแสดงการป้องกันที่สมบูรณ์แบบได้อีก

ใต้หนึ่งดาบของเยี่ยนตี๋ เห็นเป็นสีแดงฉาน!

เพราะปกป้องของรูปภูผาธาราโบ่วกี้ หวังเจิ้งเฉิงได้แต่โซเซถอยหลัง คิดตั้งหลักอีกคราหนึ่ง

ปราณวิญญาณที่อยู่ไกลออกไปพลันสั่นไหว ทะลักเหมือนกับคลื่นทะเล

จากนั้นก็มีคนหนุ่มอาภรณ์ม่วงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงกลางของคนทั้งสองอย่างฉับพลัน เหมือนกับไม่เห็นระยะทางอย่างไรอย่างนั้น

เยี่ยนตี๋ไม่สนใจ สะบัดออกไปอีกหนึ่งดาบ

คนหนุ่มอาภรณ์ม่วงผู้นั้นร่างกายลอยล่องไม่แน่นอน คล้ายว่างเปล่าไร้ร่างกายที่แท้จริง

ทว่าเมื่อประกายดาบของเยี่ยนตี๋กระจายออกไป จิตดาบอันรุนแรงก็เบียดอีกฝ่ายออกมาจากความว่างเปล่า ทำลายร่างกาลอวกาศกำเนิดของอีกฝ่าย ทำให้คนผู้นี้เปลี่ยนจากลวงเป็นจริงอีกครา

“ฮ่า! วิชาดาบที่ดุร้ายนัก ได้ยินร้อยครั้งมิสู้ได้พบพาน!” คนหนุ่มอาภรณ์ม่วงตาสาดประกาย ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา

เขากางห้านิ้วออก บนนิ้วโป้งมีหยินหยางไหลเวียน บนนิ้วชี้มิติสั่นไหว นิ้วกลางกระแสเวลาเหมือนอุทก นิ้วนางสรรพวัตถุตัดสลับ นิ้วก้อยสรรพสิ่งก่อกำเนิด

กลางฝ่ามือส่งเสียงดังเล็กน้อย ขยับเหมือนกลองเล็กใบหนึ่ง และเหมือนกับหัวใจของผู้คน เสียงที่มีแบบแผนดังออกมาจากด้านใน

พอฟังเสียงนี้ จิตใจและความคิดของผู้คนเหมือนกับสั่นไหวตาม

เป็นการใช้วิชาในหกคัมภีร์หลังกำเนิดของคัมภีร์นภาแรกเริ่มออกมาพร้อมกัน

ผู้มาไม่จำเป็นต้องอธิบายมากความ เป็นประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัว!

“เคยสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอและเนี่ยจิงเสินมาแล้ว ข้าคิดสู้กับท่าน ต้องการเห็นว่าจะมีสภาพการณ์อย่างไร” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เฉินเฉียนหัวใช้มือเปล่ารับคมดาบขาว ใช้ฐานของโลกเสริมพลังให้แก่ฝ่ามือของตัวเอง รับท่าดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋!

เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างเย็นชา “หลีก!”

ฐานโลกซึ่งเกิดจากการประสานหกคัมภีร์หลังกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์เป็นหนึ่ง รองรับการเปลี่ยนแปลงก่อนกำเนิด จึงรับมือกับวรยุทธ์ก่อนกำเนิดได้ดี

ทว่าดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋เปลี่ยนจากก่อนกำเนิดเป็นหลังกำเนิด หลังกำเนิดเปลี่นเป็นดับสูญ

ภายใต้การบดขยี้ของสภาวะใหญ่ ส่งธรรมชาติสู่ความสิ้นสูญ แม้ว่าจะเป็นฐานโลกของเฉินเฉียนหัวก็ไม่อาจต้านรับ!

หยินหยาง มิติ เวลา สรรพวัตถุ ชีวิต และจิตใจกำลังจะสูญสิ้นเพราะการทำลายจากประกายดาบ!

………………..