บทที่ 1662 ไร้เหตุผล + ตอนที่ 1663 ผูกญาติ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1662 ไร้เหตุผล + ตอนที่ 1663 ผูกญาติ Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1662 ไร้เหตุผล

หวังเฟิ่งเจินแอบสะใจอยู่ลึก ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเสแสร้งสักหน่อย เธอเลยทำเป็นฟาดลูกชายไปทีหนึ่งพลางพูดเสียงตำหนิ “พูดจาเหลวไหล เดี๋ยวก็ตีซะหรอก”

โม่จิ้งน้องสาวของสือโถ่วที่อยู่อีกฟากกลับลุกยืนขึ้นหมายจะไปคีบเนื้อซี่โครง แต่กลับถูกหวังเฟิ่งเจินปัดมือทิ้งก่อนพูดเสียงดุ “ไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวค่อยกินบะหมี่”

สือโถ่วแค่นเสียงใส่ทีหนึ่ง ผู้ใหญ่ชอบเสแสร้งแบบนี้สินะ!

โม่ฉิ่วหลิงอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ส่วนคุณป้าฮวาเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจเลยทำหน้าบึ้งตึง “นี่กำลังรังเกียจฉันอยู่เหรอ งั้นฉันไม่กินแล้วก็ได้ ฉิ่วหลิงกลับกัน ไว้กลับไปบอกชาวบ้านว่ามากินข้าวที่บ้านคุณลุงไป่ซ่านต้องใส่ผ้าปิดปาก ไม่งั้นจะถูกรังเกียจเอาได้”

“แม่…” โม่ฉิ่วหลิงพูดเสียงสูงเล็กน้อยเพราะเริ่มร้อนใจ

คุณป้าฮวาได้แต่ปิดปากเงียบ ๆ เมื่อครู่ยังบอกว่าจะกลับไปอยู่เลย แต่ก้นกลับนั่งติดเก้าอี้ไม่ห่างขณะที่มือก็ยังถือขาหมูชิ้นโตอยู่ด้วยเพราะทำใจวางมันไม่ลง

คุณป้าสะใภ้กับคุณป้าสะใภ้รองช่วยพูดเกลี้ยกล่อมไม่กี่ประโยคคุณป้าฮวาเลยเริ่มลงมือทานต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนตระกูลโม่ต่างหมดความอยากอาหารกันถ้วนหน้าจึงหันมามองเธอกินแทนด้วยความรู้สึกทรมานสุดฤทธิ์

คุณป้าฮวาแทะขาหมูไปหลายชิ้นเลยอารมณ์ดีและเริ่มพูดมากขึ้นกว่าเดิม

“ฉันว่านะแต่งเมียเข้าบ้านก็ต้องมีทั้งคุณธรรมทั้งความสามารถ การศึกษาต้องมีอยู่แล้ว เหมือนฉิ่วหลิงของฉันไงเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วย ในร้อยคนยังหาไม่ได้สักคนเลย”

โม่ฉิ่วหลิงผลักคุณป้าฮวาทีหนึ่งให้เธอพูดน้อย ๆหน่อยแต่สีหน้ากลับแฝงด้วยความได้ใจ

ทั้งหมู่บ้านมีเพียงเธอที่สอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง!

คุณป้าฮวาคุยจ้อไม่หยุด “แน่นอนว่าหน้าตาจะขี้เหร่มากไม่ได้ ก้นต้องใหญ่ อกต้องตูมแบบนี้ถึงจะเลี้ยงง่าย ฉิ่วหลิงของฉันก็มีลูกง่ายเหมือนตอนฉันสาว ๆ ผู้หญิงในเมืองหลวงพวกนั้นก็เหมือนลูกเจี๊ยบที่ไม่มีหน้าอกไม่มีก้น ต้องเลี้ยงยากแน่ ๆ…”

ลูกสองคนแรกของเธอล้วนเป็นลูกชาย ส่วนโม่ฉิ่วหลิงเป็นลูกคนที่สามและมีต้นทุนที่พอจะให้โอ้อวดได้

เหมยเหมยที่กำลังก่อไฟมือชะงักพลางก่นด่าอีกฝ่ายในใจ นี่ครั้งที่สามแล้วนะ!

เธอไม่มีอกไม่มีก้นตรงไหน?

สวยขนาดนี้เหยียนหมิงซุ่นชอบจะตาย!

เหยียนหมิงซุ่นตักบะหมี่ใส่ถ้วนเสร็จสรรพแล้วยกไปให้สองสามีภรรยาโม่เหวินต้ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับคุณป้าฮวาที่ยังคงพ่นน้ำลายไม่หยุดอย่างเย็นชาว่า “อย่างน้อยคนในเมืองก็ไม่ไร้มารยาทเหมือนคุณป้าหรอกครับ คุณป้ากินข้าวหรือพ่นขี้กันแน่? มาเป็นแขกแต่ไม่รู้จักสำนึกหน่อยเหรอ?”

คุณป้าฮวาเงยหน้าขึ้นมาฉับพลัน ถ้อยคำด่าทอที่จ่อปากอยู่ถูกกลืนกลับลงท้องไปเหมือนเดิมเพราะตกใจกับความเยือกเย็นของเหยียนหมิงซุ่น ทว่ากลับไม่พอใจอย่างมาก จะว่าอย่างไรเธอก็เป็นผู้อาวุโสกว่านะ ผู้อาวุโสน้อยกว่าอย่างเหยียนหมิงซุ่นกลับทำตัวไร้สัมมาคารวะกับเธอขนาดนี้

“ฉันไม่มีหน้ากินต่อแล้ว…ให้คนที่เด็กกว่าชี้หน้าด่าไร้มารยาท ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร…ฉิ่วหลิงลูกไปบอกพ่อของลูกนะว่าแม่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ไว้วันเชงเม้งเมื่อไหร่ก็อย่าลืมเผากระดาษเงินให้แม่เยอะ ๆ แล้วบอกเขาว่าทีหลังจะช่วยใครก็เบิกตาดูให้ดี ไม่ใช่เอะอะก็เสี่ยงชีวิตช่วยคนอื่นไปทั่ว…”

คุณป้าฮวาร่ำไห้เสียงดังอยู่ในบ้านตระกูลโม่เหมือนแม่หมอร่างทรงก็ไม่ปาน

คนตระกูลโม่ต่างมีสีหน้าย่ำแย่กันอย่างมาก พวกเขาไม่อยากโดนคนนินทาลับหลังหาว่าพวกเขาเนรคุณ ฉะนั้นสิบปีที่ผ่านมาถึงได้ทนคุณป้าฮวาครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ความอดทนของคนเรามักมีขีดจำกัด คุณป้าฮวาได้คืบจะเอาศอกซึ่งก็ได้ทำให้คนตระกูลโม่รำคาญเต็มทน

โม่ฉิ่วหลิงเกลี้ยกล่อมอีกหลายประโยคแต่คุณป้าฮวากลับไม่ยอมฟังทั้งยังตะโกนเสียงดังกว่าเดิม พร่ำบอกว่าคนตระกูลโม่ไร้หัวใจ เนรคุณ

หวังเฟิ่งเจินทนไม่ได้เลยด่ากลับไป “เธอพอได้แล้วนะ!พี่มู่เกินช่วยชีวิตคุณพ่อน่ะไม่ผิดหรอก แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอได้ผลประโยชน์ไปจากเราแล้วเท่าไหร่ ตอนเธอคลอดฉิ่วหลิงเสียเลือดเยอะบ้านฉันก็เป็นคนสำรองค่ารักษาไปก่อน ไม่งั้นสองแม่ลูกคงไม่รอดมีชีวิตอยู่มาได้หรอก ถ้าพูดเรื่องช่วยชีวิต บ้านฉันช่วยบ้านเธอไปตั้งสองชีวิตด้วยซ้ำ!”

เพราะคุณตาโม่ใจดีมีเมตตา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นสองชีวิตแลกหนึ่งชีวิตก็ถือว่าชดใช้หนี้บุญคุณหมดไปตั้งนานแล้ว!

…………………………

ตอนที่ 1663 ผูกญาติ

หวังเฟิ่งเจินไฟโทสะสุมเต็มอกจึงพูดเปิดโปงผลประโยชน์ที่คุณป้าฮวาได้จากตระกูลโม่ในตลอดหลายปีนี้ออกมาทั้งหมด เพื่อนบ้านที่ได้รับข่าวก็เร่มาดูเรื่องสนุก ๆ แต่ละคนต่างส่ายศีรษะและนึกหยามคุณป้าฮวาอย่างมาก

เป็นคนจะโลภมากไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันอีก ช่วยชีวิตไว้ครั้งเดียวจะมาทวงบุญคุณทุกวันตลอดสิบกว่าปีแบบนี้ได้อย่างไรกัน?

คุณป้าฮวาได้แต่พูดเสียงอ้ำอึ้ง “ตอนนั้นคุณลุงไป่ซ่านโดนงูกัด ถ้าไม่ได้มู่เกินช่วยไว้ก็ไม่มีทางรอดชีวิตมาได้ ตอนนั้นฉันแค่เลือดตกนิดหน่อยไม่ถึงกับจะตายสักหน่อย แล้วจะเทียบกันได้อย่างไร?”

โม่เหวิงต้งโกรธจนหงายหลังแต่พยายามพูดด้วยเสียงที่กำลังกลั้นโมโหไว้ “ฉันไม่คุยกับผู้หญิงอย่างเธอแล้ว ฉันจะไปถามพี่มู่เกินว่าถ้าเขาคิดแบบนี้ด้วยเหมือนกันงั้นวันนี้เราจะได้สะสางเรื่องนี้ให้ชัดเจนไปเลย บ้านเธอมีเงื่อนไขอะไรขอแค่พูดมา แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล”

เขาหลงคิดว่าจุดประสงค์ของคุณป้าฮวาก็เพื่อเงินเลยคิดจะใช้เงินแก้ปัญหา เพื่อจะได้ตัดรำคาญผู้หญิงคนนี้ที่ต้องเจอทุก ๆปีทิ้งไป!

“สมเหตุสมผลแน่นอน ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผลแบบนั้นสักหน่อย” คุณป้าฮวาตาวาวและจุดพลุในใจ

เธอคิดแล้วก็ดันโม่ฉิ่วหลิงให้เธอกลับบ้านไปก่อนเพราะเรื่องต่อจากนี้ไม่ควรให้เด็กผู้หญิงได้ยิน

โม่ฉิ่วหลิงก็พอจะเดาได้ ๆ แม้เธอรู้สึกว่าเช่นนี้ไม่ดีแต่เธอกลับไม่ได้ห้ามคุณป้าฮวา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตระกูลโม่ล้วนตอบตกลงข้อเรียกร้องที่แม่ของเธอเสนอทุกอย่างและบางทีคราวนี้ก็อาจยอมตกลงก็ได้!

ผู้ชายอย่างเหยียนหมิงซุ่น เธอแค่เห็นแวบแรกก็หลงเข้าเต็มเปาและถอนตัวไม่ได้แล้ว

เธอคิดว่าเธอคู่ควรที่จะเป็นภรรยาทหารนายหนึ่งมากกว่าผู้หญิงในเมืองที่เก่งแต่เรื่องออดอ้อน!

โม่ฉิ่วหลิงแสร้งเกลี้ยกล่อมคุณป้าฮวาอีกไม่กี่ประโยคก็เดินหน้าแดงกลับบ้านไป แต่เธอไม่ได้เดินไปไกลมากโดยเลือกหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งเพราะอยากรู้ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร

หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเหมือนรัวกลอง

ผู้ชายเก่ง ๆในมหาวิทยาลัยมากมายล้วนไม่เข้าตาเธอแต่กลับตกหลุมรักเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่แรกพบ หรือว่านี่ก็คือพรหมลิขิตที่จางอ้ายหลิงชอบเอ่ยถึงอย่างนั้นหรือ?

เห็นเพียงแวบแรกก็ตราตรึงอยู่ในใจมานับหมื่นปี!

โม่เหวินต้งพูดเสียงเย็นชา “ฉันไม่ฟังเธอพูด ฉันจะฟังพี่มู่เกินพูด”

“มู่เกินไม่อยู่บ้าน บ้านเราฉันเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง” คุณป้าฮวาพูดอย่างร้อนใจ

“ผู้หญิงอย่างเธอจะตัดสินใจอะไรได้? เธอกลับไปก่อนเถอะ รอมู่เกินกลับมาแล้วค่อยให้เขามาคุยที่บ้านฉัน” น้ารองกล่าวอย่างไม่พอใจ เขาก็รำคาญผู้หญิงคนนี้เต็มทนแล้วเหมือนกัน

ชาวบ้านคนอื่น ๆเองก็ส่งเสียงฮือฮา ส่วนมากกำลังว่าคุณป้าฮวาไม่รู้กฎมารยาท อยู่นอกบ้านก็ไม่รู้จักรักษาหน้ารักษาตาให้สามีเลย

ตระกูลโม่มีเงินมีอำนาจแล้วยังใจกว้าง พวกชาวบ้านย่อมเลือกจะเข้าข้างฝ่ายครอบครัวคุณตาโม่อยู่แล้ว

คุณป้าฮวารีบตะโกนขึ้นมาด้วยความร้อนรน “บ้านฉันฉันนี่แหละเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำไมคำที่ฉันพูดถึงไม่เป็นผล?”

เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา “งั้นป้าลองเอ่ยข้อเรียกร้องของป้ามาสิ”

คุณป้าฮวากวาดตามองเหยียนหมิงซุ่นราวกับกำลังประเมินสินค้า แม่ยายยิ่งดูลูกเขยก็ยิ่งรู้สึกชอบ เธอยิ้มกล่าว “ฉันไม่ใช่คนขี้ตื๊อขนาดนั้น มู่เกินช่วยชีวิตคุณลุงไป่ซ่านไว้ก็เท่ากับสองบ้านเรามีวาสนาต่อกัน ต้องผูกญาติกันยาวนานถึงจะดี”

คนตระกูลโม่ต่างเปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิมเพราะถ้อยคำเหล่านี้ถือว่าสื่อความหมายชัดเจนดี

เหมยเหมยกลับเริ่มสังหรณ์ใจ ผูกญาติกันนาน ๆ?

ญาติอะไร?

คุณป้าฮวาพูดเสียงดัง “ฉันว่าสองบ้านเราผูกญาติกันก็ดีออก ฉิ่วหลิงของฉันทั้งสวยทั้งมีการศึกษาสูง ถนัดงานบ้านทุกอย่าง เป็นเด็กผู้หญิงดี ๆจากหนึ่งในร้อยเลย ใช่ไหมล่ะ?”

โม่ซิวหย่วนทำหน้าถมึงทึง นี่คิดจะให้เขาไปเป็นลูกเขย?

คนตระกูลโม่ในรุ่นนี้มีเพียงเขากับสือโถ่วที่ยังไม่ได้แต่งงาน แน่นอนว่าจะปล่อยให้เด็กอย่างสือโถ่วไปแต่งงานไม่ได้เลยมีแค่เขาคนเดียว

ฝันไปเถอะ!

คนตระกูลโม่เองก็คิดว่าคุณป้าฮวาถูกใจโม่ซิวหย่วน จะว่าไปโม่ฉิ่วหลิงเป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่งจริง ๆ แต่ดันมีแม่ที่ไม่สงบเสงี่ยมแบบนี้ การผูกญาตินี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด

……………………….