ตอนที่ 2027 ผลพิษสําแดงเดช

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2027 ผลพิษสําแดงเดช

 

หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดหลายวัน พวกหลันเทียนหยางก็พบว่าร่างกายของเสี่ยวกู่นั้น ไม่สามารถทําให้บาดเจ็บได้

 

ไม่สิ ไม่ใช่ว่าทําให้บาดเจ็บไม่ได้ แต่ต่อให้บาดเจ็บไปก็ไม่มีประโยชน์ต่างหาก

 

พวกเขาลองโจมตีทําลายศีรษะของเสี่ยวภู่แล้ว ซึ่งการจะทําเช่นนั้นได้พวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนที่แสนสาหัสมาก แต่แล้วผลลัพธ์ล่ะเป็นอย่างไร? ศีรษะที่ถูกทําลายไปงอกกลับคืนมาใหม่ได้อย่างง่ายดาย

 

เพราะอย่างไรร่างกายของเสี่ยวกู่ก็เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาอยู่แล้ว หากแท่งกระดูกร่างหลักยังอยู่แค่ศีรษะถูกทําลายจะส่งผลอะไร?

 

“พรีบ” ทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยไม่ต้องการพัวพันต่อสู้กับเสี่ยวกู่อีกต่อไป

 

พวกเขาไม่อยากถูกนิกายลงโทษก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่อยากตายอยู่ที่นี่เหมือนกัน

ดังนั้นต่อให้ความลับของที่นี่จะถูกเปิดเผย พวกเขาก็ต้องเลือกที่จะหลบหนีแทนที่จะตายด้วยเงื้อมมือของเสี่ยวกู่

 

ยิ่งกว่านั้น หากเข้าใกล้ปราสาทยิ่งขึ้น พลังต่อสู้ที่หยิบยืมจากรูปปั้นทั้งสองได้ก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะงั้นต่อให้สู้ยืดเยื้ออยู่ข้างล่างหลุมต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

หลิงฮันรอสักพักหนึ่งก่อนจะออกมาจากหอคอยทมิฬและเก็บดาบกลับไป ณ ตอนนี้แก่นพลังของแร่โลหะโดยรอบถูกดูดซับไปแทบจะหมดแล้ว

 

เขาพุ่งทะยานร่างลอยขึ้นออกจากหลุม

 

ภาพที่เขาเห็นคือเสี่ยวคู่ยังคงปะทะกับเธอหยวนหวาและหลันเทียนหยางอยู่ โดยมีเหล่าจอมยุทธบนเกาะกําลังมองดูการต่อสู้อย่างไม่ละสายตา

 

ไม่ใช่ว่าจอมยุทธของเกาะนี้ที่ได้รับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์จะไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกันหรอก? ตอนแรกก็หลิงฮันหนหนึ่งแล้ว คราวนี้ยังมีบุคคลลึกลับที่รูปร่างเหมือนกันหลิงฮันอีกคน ที่ไร้เทียมทานกว่าในระดับเดียวกัน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

 

การที่เห็นปรมาจารย์ของเกาะนี้สองคนร่วมมือกัน แต่ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบาก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของทุกคนลดลงฮวบ

 

“น้องชายหลิง นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เซียวจขึ้นพุ่งเข้ามาใกล้ทันทีและจ้องมองหลิงฮันด้วยสีหน้าจริงจัง

 

คนที่กําลังสู้กับเจ้าของเกาะและผู้พิทักษ์เกาะนั้นมีรูปลักษณ์เหมือนหลิงฮันไม่ผิดเพี้ยน หากจะบอกว่าทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกันใครจะเชื่อ?

 

“เจ้ากําลังถามข้างั้นรึ?” หลิงฮันมองไปยังเซียวจขึ้น

 

“ไม่ผิด” เซียวจวิ้นกล่าวอย่างองอาจ พลังต่อสู้ของเขาด้อยกว่าหลิงฮันก็จริง แต่ตอนนี้ที่นี่มีตัวตนระดับแปดบัวบาน ที่เป็นระดับพลังเทียบเท่ากับระดับตําหนักอมตะอยู่เกือบสิบคน เหตุใดเขาต้องกลัวหลิงฮันกัน?

 

“ข้าไม่รู้” หลิงฮันยักไหล่อย่างไม่แยแส

 

“หลิงฮัน!” เซียวจวิ้นคํารามด้วยน้ําเสียงที่ดังขึ้น

 

“หลิงฮัน พวกเราเองก็ต้องการคําอธิบายเช่นกัน” พวกคนนอกอย่างกลุ่มของฉินเหวยหลายคนเองก็เผยสีหน้าไม่พอใจ

 

พวกเขาเพิ่งจะสะสางปัญหาเรื่องสัตว์อสูรบุกเสร็จไป และใกล้จะได้อิ่มเอมไปกับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์อยู่แล้วแท้ๆ แต่จู่ๆ กลับมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น แถมผู้บุกรุกยังมีรูปลักษณ์เหมือนหลิงฮันอีกด้วย จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์

 

“อธิบายงั้นรึ?” หลิงฮันเค้นเสียงเยาะเย้ย “พวกเจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาบอกให้ข้าอธิบาย?”

 

“อย่าได้ล้ําเส้นเกินไปนัก!” เหล่าคนนอกคําราม

 

“ผู้อาวุโสฉิน ท่านไม่คิดว่าคนผู้นี้น่ารังเกียจเกินไปหน่อยงั้นหรือ!”

 

“ข้าเองก็ขอให้ผู้อาวุโสลงมือจัดการเขาด้วยอีกคน!”

 

ฉินเหว่ยขมวดคิ้วและกล่าว “หลิงฮัน ตอนนี้พวกเราเป็นแขกของเกาะแห่งนี้ ในฐานะของแขก พวกเราไม่ควรสร้างปัญหาให้แก่เจ้าบ้าน”

 

หลิงฮันหัวเราะเสียงดัง “พวกกลุ่มคนโง่ที่กําลังถูกหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว! ข้าเข้าใจนะว่าความรู้สึกโหยหาความแข็งแกร่งมันเป็นอย่างไร แต่พวกเจ้าไม่คิดบ้างว่าบนโลกนี้จะมีคนดี ถึงขนาดยอมแบ่งปันทักษะบ่มเพาะให้คนแปลกหน้าอยู่นะ?”

 

“หรือต่อให้มีจริงๆ คนเหล่านี้ดูเป็นคนดีขนาดนั้นงั้นรึ?”

 

หลันรั่วจื่อรีบขยับเข้ามากล่าวแทรก “นายน้อยหลิง เลิกพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว ท่านไม่ต้องการข้าแล้วรึไง?”

 

หลิงฮันยักไหล่อย่างไม่แยแส “เจ้าเองก็เป็นคนที่น่ารังเกียจเช่นกัน!”

 

“เจ้า” ใบหน้าอันงดงามของหลันรั่วจื่อเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับร่างของเกิดอาการสั่นเครือเบาๆ นางคิดอยู่ตลอดว่าตัวนางนั้นมีสถานะที่สูงส่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับเทพธิดาของ นางไม่ว่าบุรุษคนใดก็ต้องห้อมล้อมอยู่รอบตัวนาง

 

การที่ถูกหลิงฮันดูถูกเช่นนี้ แน่นอนว่าความมั่นใจอันเอ่อล้นของนางย่อมได้รับผลกระทบและกลายเป็นเกรี้ยวกราด

 

“ศิษย์น้องหญิง เจ้าเลิกสนใจเขาจะดีกว่า” เซียวจวิ้นแสยะยิ้ม “คนผู้นี้มีเจตนาชั่วร้ายและ มีพฤติกรรมน่าสงสัย ข้าว่าเราสมควรกําจัดเขาทิ้งไปซะ”

 

“เหล่าผู้ปรมาจารย์ทุกคน ได้โปรดจัดการคนผู้นี้ด้วย!” เขากล่าวกับเหล่าจอมยุทธระดับแปดบัวบาน

 

“ข้าลงมือเอง” ชายวัยกลางคนเดินออกมา ที่บริเวณกลางคิ้วของคนผู้นี้ จู่ๆ ก็มีสัญลักษณ์ดอกบัวแปดกลีบปรากฏขึ้นมา

 

ดอกบัวคือสัญลักษณ์บ่งชี้ระดับพลังบ่มเพาะที่คนเหล่านี้ฝึกฝน ซึ่งโดยเวลาปกติแล้วมันจะถูกปกปิดเอาไว้

 

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลยก็ดีนะ ข้าจะได้ประหยัดเวลา”

 

“เป็นแค่จอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่กล้าทําตัวอวดดีต่อหน้าข้างนรี!” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้มอย่าวชั่วร้าย ต่อให้เขาไม่ได้รับพลังอํานาจจากดวงวิญญาณนิรันดร์ ระดับแปดบัวบานก็มีพลังเทียบเท่ากับระดับตําหนักอมตะ สําหรับเขาการกําจัดจอมยุทธระดับแบ่งวิญญาณ ย่อมเป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

 

หลิงฮันเริ่มโคจรพลัง จริงอยู่ที่พลังของตัวเขาเองยังห่างไกลเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของตัวตนระดับตําหนักอมตะได้ แต่เขาก็ยังมีไพ่ลับอยู่

 

“ตึง ตึง ตึง” ชายวัยกลางคนก้าวเดินเข้ามา ฝีเท้าของเขาหนักอึ้งจนทุกการก้าวเดินทําให้จิตใจของผู้คนสั่นสะท้าน

 

“เจ้าหนู ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน?” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม

 

“เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เดี๋ยวนี้!” มุมปากของหลิงฮันยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแสนชั่วร้าย

 

ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างถูกควบแน่นขึ้นมาและระเบิดออก “ตูมมม” รัศมีของคลื่นสายฟ้าแพร่กระจายไปทั่วทิศทาง

 

ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเยาะเย้ย พลังของทักษะนี้ไม่ได้อ่อนแอเลยก็จริง แต่อย่างมากมันก็สามารถทําให้จอมยุทธระดับเจ็ดบัวบานหวาดกลัวเท่านั้น ต่อหน้าปรมาจารย์ระดับแปดบัวบานเช่นเขา การโจมตีเพียงเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดแม้แต่น้อย

 

ชายวัยควบแน่นโล่แสงคุ้มกันที่เบาบางขึ้นมา “เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ” รัศมีคลื่นอสนีพัวพันรอบโล่แสงสีดํา แต่ก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้

 

ผลลัพธ์เช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้ว ถ้าจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณสามารถทําลายการป้องกันของตัวตนระดับตําหนักอมตะได้สิถึงจะแปลก

 

เพียงแต่ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ชายวัยกลางคนเพียงคนเดียว ทักษะนี้เป็นการโจมตีแบบไม่เลือกหน้าและแม้แต่ตัวหลิงฮันเองก็อาจจะได้รับบาดเจ็บ

 

เพราะงั้นรัศมีสายตาอันเกรี้ยวกราดจึงส่งผลกระทบไปยังจอมยุทธของเกาะนี้คนอื่นๆ ด้วย

 

เพียงแค่ว่าคนอื่นๆ นั้นอยู่ห่างไกลออกไป ทําถึงแม้จะได้รับผลกระทบแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อยก็แทบจะสามารถเมินเฉยไปได้แล้ว

 

“การแสดงป่าที่จบลงเท่านี้ละเจ้าหนู!” ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างเย้ยหยัน เพียงแต่ในขณะที่เขากําลังจะลงมือปลิดชีวิตหลิงฮันนั่นเอง จู่ๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

 

โล่คุ้มกันของเขากําลังถูกกัดกร่อน!

 

ที่บริเวณรอบด้าน เสียงร้องโอดครวญหลายเสียงขึ้นมา พร้อมกับร่างของคนมากมายได้ทรุดตัวลงกับพื้น โดยที่ร่างกายกําลังเกิดการกัดกร่อน

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

แค่การโจมตีของจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ จะเป็นภัยคุกคามต่อปรมาจารย์ระ ดับแปดบัวบานได้อย่างไรกัน?

 

“อ้ากกก” เสียงร้องทรมานดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา เพ ราะใครก็ตามที่ถูกรัศมีสายฟ้าสัมผัสโดนเข้าร่างกายก็จะสลายกลายเป็นกองโลหิตในทันที!

 

บ้าชัดๆ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

 

ไม่ใช่แค่ทุกคนที่หวาดกลัว แม้แต่ตัวหลิงฮันก็ยังจิตใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวาเล็กน้อยเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าพิษของไผ่ครามผลสีชาดจะรุนแรงขนาดนี้

 

ใช่แล้ว… ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างเป็นฉากบังหน้าเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็คือการใช้รัศมีอัสนี ในการแพร่กระจายพิษของไผ่ครามผลสีชาด

 

ผลที่เป็นพิษของมันสามารถสังหารได้แม้กระทั่งตัวตนระดับตําหนักอมตะ

 

“ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ” เหล่าคนที่รอดชีวิตไม่ถูกลูกหลงรีบขยับตัวถอยหลัง พร้อมกับมองไปที่หลิงฮันด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ราวกับกําลังเผชิญหน้าอยู่กับปีศาจ