มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1342

หลังจากที่ชายชราในชุดหยินหยางพูดจบ เขาก็ค่อยๆ ยกมือขึ้น ฝ่ามือของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และแต่ละนิ้วก็เหมือนกศักดิ์กระบี่เทพ

นิ้วทั้งห้าสอดคล้องกับธาตุทั้งห้า ก่อรูปกลายเป็นค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุ

“ถ้าสามารถอดทนอยู่ในค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุของข้าได้ถึงสิบลมหายใจ ถึงจะนับว่าผ่านด่านไปได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกกำจัดและเก็บบัญชาหยินหยางกลับไป!” ชายชรากล่าวเสีนงเรียบ

“เจ้ามาก่อน!” จากนั้นชายชราก็ชี้ไปที่ชายหนุ่มรูปงามท่ามกลางคนทั้งสิบเก้าคนตามใจชอบ

นี่คือชายหนุ่มที่มีผิวสีซีดเล็กน้อย เห็นเพียงเขายืนขึ้นและคำนับชายชราแล้วเดินเข้าไปในค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุทันที

ทุกคนสามารถเห็นภาพในค่ายกระบี่ได้ หลังจากที่คนๆนั้นเข้าสู่ค่ายกลแล้วก็มีแสงกระบี่ห้าธาตุนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาเขา บางครั้งก็จะแสงเทพแห่งการทำลายล้างกวาดไปทั่ว

ชายหนุ่มใช้ทุกวิธีการทั้งหมดของเขาจึงค่อยสามารถอดทนได้ถึงสิบลมหายใจเท่านั้น เขาเหงื่อออกตามแผ่นหลัง หอบหายใจ และผลการฝึกฝนของเขาก็หมดลงอย่างรุนแรง

ชายชราในชุดหยินหยางรู้ว่าเขาถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นเขาจึงถอนค่ายกระบี่ออกและปล่อยเขาออกมา

“เวลาสิบลมหายใจ แทบไม่มีเจ้าสมบัติ” ชายชราผ้าคลุมหยินหยางกล่าวเสียงเรียบ แล้วมองไปที่คนอื่น ๆ “ผู้ใดที่สามารถอดทนได้นานที่สุดในค่ายกระบี่ของข้า ผู้นั้นก็จะได้รับรางวัลชิ้นที่หนึ่งจากประสบการณ์การฝึกฝนในฐานหยินหยาง แหล่งเบญจธาตุ!”

“แหล่งเบญจธาตุ?” ดวงตาของชายหนุ่มรุ่นเยาว์หลายคนต่างเป็นประกาย

แหล่งเบญจธาตุนั้นเป็นสมบัติที่มีเบญจธาตุดั้งเดิม ถูกตราด้วยความจริงสูงสุดของธาตุทั้งห้า และหลังจากซึมซับแล้ว ก็สามารถเพิ่มความเข้าใจกฎเบญจธาตุได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

และยิ่งการรับรู้กฎเบญจธาตุสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจความลึกลับของกฎหยินหยางได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

หยินหยางเกิดมาจากเบญจธาตุ พูดแล้วเบญจธาตุถึงจะเป็นสิ่งที่พื้นฐานที่สุด

ดังนั้นสำหรับจอมยุทธ์ทุกคนที่ตั้งใจฝึกฝนกฎหยินหยาง แหล่งเบญจธาตุจึงเป็นสมบัติที่หายากอย่างแน่นอน

“เมื่อเวลาที่ผู้คุมกฎอาวุโสกระตุ้นค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุ เขาได้ระงับผลการฝึกตนของเขาให้อยู่ในแดนเทพมาร อดทนอยู่ข้างในเพียงแค่สิบลมหายใจเท่านั้น นับว่าผ่านขั้นที่มีคุณสมบัติไปได้พอดีเท่านั้น”

ในกลุ่มด้านของ สวีชิงซานชายหนุ่มที่สวมชุดสีทองพูดเสียงเรียบ ขณะพูดดูถูกความสำเร็จของชายหนุ่มคนนั้นอย่างมาก

สีหน้าชายหนุ่มที่ซีดเผือกแดงก่ำทันที เขาต้องการจะโต้แย้ง แต่เขาก็กังวลภูมิหลังของชายหนุ่มชุดสีทอง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นเท่านั้น

“ข้ามาลองดู!”

ในขณะนี้ มีอีกคนๆหนึ่งยืนขึ้น เขาเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ หลัวซิวสัมผัสได้ถึงผลการฝึกฝนที่แข็งแกร่งในร่างกายและพละกำลังมหาศาลจากร่างยุทธ์ของเขา

“นักยุทธ์กลั่นร่าง!” ดวงตาของหลัวซิวเป็นประกายเล็กน้อย เขาอยากรู้จริงๆ ว่าอัจฉริยะของมหาโลกา สามารถฝึกฝนร่างยุทธ์ร่างเนื้อให้ถึงแดนไหนได้

จอมยุทธ์ส่วนใหญ่ เพื่อพัฒนาผลการฝึกฝนเป็นหลัก ไม่ค่อยเน้นไปที่การกลั่นร่างหรือกลั่นจิต เพราะถ้าต้องการบรรลุความสำเร็จที่สูงมากในสองด้านนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าต้องมีทรัพยากรจำนวนมาก แล้วยังต้องการการสืบทอดของวรยุทธ์ และใช้เวลามาก

ดังนั้นจอมยุทธ์ที่กล้าเดินเส้นทางการกลั่นร่างหรือกลั่นจิต โดยทั่วไปจะมีพรสวรรค์สูงมาก และเบื้องหลังเขาจะมีการสนับสนุนจากกองกำลังใหญ่

ชายหนุ่มร่างกำยำคนนี้ชื่อ ฟ่านลี่ หลังจากคำนับชายชราแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุ

ในเมื่อเป็นการทดสอบกฎเบญจธาตุ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะใช้กฎเบญจธาตุในค่ายกระบี่มหาเบญจธาตุ

หลัวซิวสังเกตเห็นว่าความเชี่ยวชาญของฟ่านลี่ เกี่ยวกับกฎเบญจธาตุ ได้เข้าสู่สภาวะที่ใกล้เคียงกับแดนบริบูรณ์ ซึ่งคล้ายคลึงกับชายหนุ่มที่สีหน้าซีดจางก่อนหน้านี้ แต่ด้วยร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่ง เวลาที่เขาอดทนอยู่ในค่ายกระบี่ได้นานเล็กน้อย

สิบสามลมหายใจ!