ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1161 แม่ลูกได้พบกัน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งเหาะเหิน ทางหนึ่งคำนวณว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไร

การสวามิภักดิ์กับมรกตท่องฟ้าย่อมเป็นตัวเลือกหนึ่ง แต่ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่คิดทำ

ยังไม่พูดถึงว่าการหลบหนีนั้นน่าขายหน้า แต่ว่าเป็นสิ่งอื่นต่างหาก เช่น การเติบโตของสำนักและเส้นสายที่สร้างขึ้นบนโลกซ้อนโลกมาโดยตลอด

ตอนนี้หากต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น เช่นนั้นออกจะน่าเสียดายเกินไป

โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวยิ่งรีบเร่ง ก็ยากจะดูแลรอบด้าน ยากนักที่จะไม่เผยช่องโหว่ ยิ่งอย่าว่าแต่จะทำให้เยว่เจิ้นเป่ยกกษัตริย์กระบี่ลำบากไปด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอถึงอย่างไรก็ยืมกระบี่เปิดกำเนิด จึงสังหารทำร้ายหวังเจิ้งเฉิงและจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำได้ ความตายของหวังเจิ้งเฉิง เขานครหยกสุดท้ายแล้วก็ไม่หลุดพ้นจากความเกี่ยวข้อง

สำนักเต๋าทรุดโทรมรอความรุ่งเรือง กษัตริย์คนหนึ่งหายาก หากว่าไม่มีความขัดแย้งหลักๆ ที่ไม่อาจแก้ไข กษัตริย์ดินกับกษัตริย์เร้นลับไม่มีทางกลุ้มรุมกษัตริย์กระบี่

ทว่ากษัตริย์กระบี่จะต้องหาวิธีดูแลพวกหวังผู่และเนี่ยจิงเสินที่เป็นลูกศิษย์ในสำนัก

หากพวกเยี่ยนจ้าวเกอสะบัดก้นจากไป ความขัดแย้งจะย้ายไปอยู่ระหว่างกษัตริย์กระบี่กับกษัตริย์ดิน กษัตริย์กระบี่เท่ากับแบกรับหายนะแทนเยี่ยนจ้าวเกอ

ถึงแม้กษัตริย์กระบี่จะรับความเกี่ยวพันนี้แทนตระกูลเยี่ยนเพราะราชันพระศุกร์ก็ตาม

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจยึดถือให้นี่เป็นเรื่องสมเหตุสมผล หรือสมควรแบ่งเบาให้แก่กัน

หากแต่ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร เยี่ยนจ้าวเกอก็ต้องหาวิธียืนยันความปลอดภัยของเสวี่ยชูฉิงก่อน

เสวี่ยชูฉิงปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนย่อมเป็นผลัพธ์ที่ประเสริฐที่สุด เพียงแต่พอนึกถึงว่าอีกเดี๋ยวจะได้พบกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็หลีกเลี่ยงความกระอักกระอ่วนไม่ได้

พูดจากใจจริง สำหรับเขาแล้ว มารดาผู้นี้ของตนเหมือนกับเครื่องหมายอย่างหนึ่ง หรือจะบอกว่าเป็นเรื่องราวเรื่องหนึ่งมากกว่าจะเป็นคนตัวเป็นๆ

ถึงแม้จะเคยเห็นรูปเหมือนมาก่อน รู้ว่าหน้าตาของนางเป็นอย่างไร ถึงขั้นที่ส่วนลึกของจิตใจก็มีความทรงจำหลายส่วนในวัยเด็ก แต่หากจะพูดอย่างละเอียด นี่ความจริงแล้วเป็นคนที่ไม่เคยพบหน้ากัน และไม่เคยพูดคุยกันจริงๆ ผู้หนึ่ง

เป็นคนอื่นยังพอว่า แต่กลับเป็นมารดาบังเกิดเกล้า นี่ย่อมกระอักกระอ่วนยิ่ง

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอผูกพันกับเยี่ยนตี๋ล้ำลึกยิ่ง รวมถึงมีมิตรภาพระหว่างอาหู่ หยวนเจิ้งเฟิง สวีเฟิย ไปจนถึงฟางจุ่น แม้กระทั่งซือคงจิงหรือฟู่เอินซูก็ไม่ตื้นเขิน

แต่มิตรภาพเหล่านี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานที่ต้องเดินผ่านมรสุมมาหลายปี อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทั้งในยามทุกข์ยามสุข

คิดถึงตอนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาบนโลกแปดพิภพในอดีต ยังต้องใช้เวลาอยู่กับเยี่ยนตี๋และอาหู่อยู่หลายเดือน จึงค่อยๆ คลายความกระอักกระอ่วนและความระวังตัวลงได้

ปัจจุบันเรื่องทั้งหมดนี้อาจจะเกิดขึ้นอีกรอบ เยี่ยนจ้าวเกอจึงรู้สึกจนปัญญา

ถึงแม้ในตอนที่เสวี่ยชูฉิงกับเยี่ยนจ้าวเกออยู่ห่างกัน เขาจะยังเด็กยิ่ง มาถึงวันนี้ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว

แต่อย่างไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าในนี้มีความเหมาะสมที่ยากจะคว้าจับไว้ได้จริงๆ

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเผชิญสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน

อยู่ต่อหน้าคนอื่นจะแสดงออกอย่างไร ถือว่าง่ายดาย

เรื่องราวเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของมารดา อย่าว่าแต่จะพลัดหลงกันไปหลายปีหรือไม่ เยี่ยนจ้าวเกอพยายามสุดกำลัง

ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยนตี๋ก็สู้สุดชีวิตเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอไม่คุ้นเคยกับเสวี่ยชูฉิง แต่ว่าหลายปีมานี้ความรู้สึกที่มีต่อเยี่ยนตี๋ล้ำลึกอย่างแท้จริง

เพียงแต่พอเจอเเสวี่ยชูฉิง ก็หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความกระอักกระอ่วนไม่ได้จริงๆ

‘สภาพการณ์ตอนนี้กำลังเร่งด่วนพอดี หลังจากเจอกันแล้วก็ถามไถ่ง่ายๆ แล้วค่อยตัดเข้าเรื่องจริงจัง!’ เยี่ยนจ้าวเกอต่อยหมัดขวาใส่ฝ่ามือซ้าย ‘พอพูดเรื่องจริงจัง ทำเรื่องจริงจัง ก็ไม่ต้องไปสนเรื่องส่วนตัว ต่อจากนั้นค่อยๆ ทำความรู้จักกัน เดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง’

ความจริงแล้วเขาปรารถนาความรักจากบิดามารดาเป็ยอย่างยิ่ง ดังนั้นในตอนแรกถึงเข้ากับเยี่ยนตี๋ได้อย่างรวดเร็ว

‘อืม เอาแบบนี้แล้วกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ภูมิใจกับการตัดสินใจอันปราดเปรื่องของตัวเอง

จากนั้นเห็นไกลออกไปก็มีแสงกะพริบขึ้นอย่างฉับพลัน

เยี่ยนจ้าวเกอพอสัมผัสกลิ่นอายด้านใน ก็ทราบว่านั่นเป็นเยี่ยนตี๋

เห็นได้ชัดว่าหลังจากเรื่องทางเขตสุราลัยบูรพามีผลลัพธ์ เยี่ยนตี๋ก็มีความคิดคล้ายกับเยี่ยนจ้าวเกอ

หลังจากได้รู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอติดตามหวังเจิ้งเฉิงกลับโลกซ้อนโลก เยี่ยนตี๋ก็มุ่งหน้ามาทางเขตมหานภากลางทันที

สองฝ่ายพบหน้ากัน เยี่ยนจ้าวเกอเห็นแต่เงาร่างของเยี่ยนตี๋ จึงอดตกใจไม่ได้

แต่พอเห็นบนใบหน้าบิดาของตัวเองไม่มีความเจ็ดปวด หว่างคิ้วกลับสะกดความปีติยินดีไม่ได้ เยี่ยนจ้าวเกอก็วางใจ

“ท่านพ่อ นี่คือ…” เยี่ยนจ้าวเกอมองซ้ายมองขวา “เอ่อ ท่าน…ท่านแม่ของข้าเล่า นางไม่เป็นไรกระมัง”

เยี่ยนตี๋พิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่มีปัญหาอะไรก็ค่อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้าไปถึงทันเวลา สังหารนักพรตเทียนอี้นั่นแล้ว”

ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มซึ่งปกติหายากยิ่ง ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอต้องจุ๊ปากชมเชย

“ส่วนมารดาของเจ้า…” เยี่ยนตี๋ยิ้มไม่หุบ “นางพลุ่งพล่านใจที่จะได้กลับบ้านเสียที จึงไม่ทราบว่าจะเจอหน้าเจ้าอย่างไร…”

เสียงยังไม่ทันขาดลง เสียงของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นจากในความว่างเปล่า “ใช่ที่ไหน? เพียงแต่วันนี้สถานการณ์ไม่ชัดเจน ข้ากำลังคิดแผนการรับมือเท่านั้น!”

เยี่ยนจ้าวเกองงงวย ถ้อยคำกับแนวทางเช่นนี้ ช่างรู้สึกคุ้นเคยนัก…

เมฆแปลงกำเนิดบนศีรษะของเยี่ยนตี๋บานออกเหมือนดอกบัว

สตรีนางหนึ่งออกมาจากด้านในกลีบดอกที่เหมือนกับเมฆดาราหลายชั้น ก่อนจะกระโดดมาอยู่ด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป เห็นสตรีนางนั้นมีอายุราวๆ สามสิบปี เค้าหน้างดงามหมดจด บุคลิกสูงส่งบริสุทธิ์

เป็นใบหน้าของเสวี่ยชูฉิงที่เยี่ยนจ้าวเกอได้เห็นผ่านภาพเหมือนมาไม่รู้กี่ครั้ง เพียงแต่ว่าเสวี่ยชูฉิงในภาพเหมือนดูมีอายุไม่เกินยี่สิบปี ตอนนี้กลับเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเล็กน้อย

เทียบกับภาพเหมือนแล้ว ตัวจริงเพิ่มบุคลิกขึ้น สายตาปราดเปรียว คล้ายมีความเจ้าปัญญาอยู่หลายส่วน แต่ก็ตรงไปตรงมา แสดงถึงความเป็นตัวของตัวเองหลายส่วน

“ท่าน…แม่?” เยี่ยนจ้าวเกอหยั่งถามอย่างฝืนๆ และรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

ถึงเสวี่ยชูฉิงจะมีบุคลิกเปิดเผย แต่ความจริงแล้วแอบสำรวจเยี่ยนจ้าวเกออยู่ นางพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ขัดกับบุคลิกของตัวเอง “จ้าวเกอ เจ้าโตขนาดนี้แล้ว…”

เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวกับบุตรชายที่เติบใหญ่อย่างไรเช่นกัน

ในตอนที่นางจากไป เยี่ยนจ้าวเกอยังเป็นทารกอายุสามขวบ หลายปีมานี้นางร่อนเร่พเนจรลำพัง นอกจากยามปลอมตัวแล้ว ชีวิตปกติความจริงไม่ต่างกับตอนเป็นดรุณีเท่าไร จู่ๆ ก็มีบุตรชายอายุมากถึงเพียงนี้โผล่มา นางจึงจำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัว

ถึงหลายปีมานี้พอได้ยินข่าวของเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกมาเป็นครั้งคราว นางรู้สึกยินดีและรู้สึกภูมิใจ ทว่าในตอนที่พบหน้ากันจริงๆ นางกลับหวาดกลัวและละอายใจอยู่บ้าง

นางจากครอบครัวมาหลายปี บุตรชายเติบโตถึงขนาดนี้ ตนกลับไม่เคยอยู่เคียงข้าง การไม่ได้ทำหน้าที่ของผู้เป็นมารดาเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับตัวเอง และเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อบุตรชาย

เสวี่ยชูฉิงถูกโลกซ้อนโลกและโถงเซียนไล่ล่าจนต้องหนีไปเรื่อยๆ นางไม่เคยแสดงสีหน้าเป็นทุกข์อะไร

แต่ตอนนี้ยามเจอเยี่ยนจ้าวเกอ นางไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรจริงๆ

เยี่ยนจ้าวเกอความจริงไม่แตกต่างกันกับนางเท่าไร

“จริงสิ เรื่องอื่นเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกัน” เยี่ยนจ้าวเกอยังตัดสินใจดำเนินตามแผนของตัวเอง “ข้าเพิ่งกำจัดหวังเจิ้งเฉิงไป เรื่องราวเกี่ยวพันไม่น้อย จะจัดการอย่างไร พวกเราจำเป็นต้องหาวิธีให้เร็วที่สุด!”

และเสวี่ยชูฉิงก็พูดขึ้นแทบจะพร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอ “เรื่องราวหลังจากลาอีกเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกัน เรื่องในครั้งนี้ อีกฝ่ายไม่มีทางยอมเลิกรา พวกเราจำเป็นต้องเตรียมตัวไว้ก่อน…”

พูดได้ถึงครึ่งหนึ่ง แม่ลูกพูดต่อไปไม่ได้ มองกันไปมาอยู่ชั่วขณะ

เยี่ยนตี๋ที่อยู่ด้านข้างหลุดหัวเราะออกมา

………………