ตอนที่ 2917

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,917 : ข่าวอันน่าตกใจ!

 

ผู้อาวุโสฉีกับไป๋หวู่จี้ประมุขนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับที่พึ่งตกตายไปนั้น กล่าวไปแล้วทั้งคู่ก็อยู่ในรุ่นเดียวกัน ในอดีตทั้งคู่ก็เคยแข่งขันกันเพื่อช่วงชิงตำแหน่งประมุขมาก่อน

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันด้อยกว่าไป๋หวู่จี้ทุกด้าน สุดท้ายก็ไร้วาสนากับตำแหน่งประมุข…

 

และนั่นยังเป็นความใฝ่ฝันของมันมากว่าครึ่งชีวิต

 

แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าวันหนึ่งอยู่ๆโอกาสขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับจะตกมาถึงมือมัน…

 

จังหวะนี้มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณต้วนหลิงเทียนหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีคนนั้นอยู่บ้าง ที่บุกมาก่อเรื่องอุกอาจที่นิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ…

 

ถึงแม้นี่จะเป็นผลพลอยได้จากการลงมือโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นการมอบโอกาสครั้งใหญ่ให้กับมันจริงๆ

 

เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เลย

 

สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว การมาเยือนนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับของเขา ก็เพื่อหาความเป็นธรรมให้กับเหอซาน บรรพจารย์ไท่อีเท่านั้น

 

ตอนนี้เมื่อไป๋หวู่จี้ผู้ลงมือสังหาร กับไป๋อวี่ซวนต้นเหตุการตายได้ตกตายไปแล้วหมดสิ้น เหอซานที่อยู่ในปรโลกหากรับรู้ได้ก็คาดว่าจะนอนตายตาหลับเสียที…

 

“ปรมาจารย์โอสถต้วน ข้าขอขอบคุณท่านในนามนิกายอมะตไท่อีทั้งหมด ที่ล้างแค้นให้กับการตายของท่านบรรพจารย์!”

 

หลังงจากต้วนหลิงเทียนใช้พลังหอบหิ้วทุกคนวูบร่างออกมาจากนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับ ทั้งเหินร่างห่างออกมาได้พักหนึ่งเขาก็หยุดร่างลง หมายให้เถี่ยไท่เหอหอบหิ้วเดินทางต่อเพื่อเป็นการประหยัดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่าง แต่ไม่ทันได้กล่าวอะไร เถี่ยไท่เหอประสานมือโค้งคารวะกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนออกมาจากใจเสียก่อน

 

ถึงแม้กล่าวไปในระดับหนึ่งต้วนหลิงเทียนก็ถือว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของนิกายอมตะไท่อี แต่อีกฝ่ายก็อยู่ในฐานะอาคันตุกะทรงเกียรติเท่านั้น

 

สำหรับอาคันตุกะทรงเกียรติแล้ว ไม่ใช่ธุระหรือหน้าที่อะไรที่จะต้องมาล้างแค้นให้เหอซานบรรพจารย์ของนิกายอมตะไท่อีเลย

 

เช่นนั้นเถี่ยไท่เหอจึงรู้สึกขอบคุณต้วนหลิงเทียนอย่างถึงที่สุด

 

“อาวุโสเถี่ยท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้าอย่างไรก็เป็นอาคันตุกะทรงเกียรติของนิกายอมตะไท่อี เรื่องของบรรพจารย์ไท่อี ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”

 

ต้วนหลิงเทียนตลี่ยยิ้มบางๆค่อยกล่าวสืบต่อ “นอกจากนั้นเรื่องของบรรพจารย์ไท่อี ครั้งนี้เป็นนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับทำเกินไป ถึงขั้นข้าทนดูไม่ได้จริงๆ”

 

พอกล่าวจบคำ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง ค่อยพูดต่อออกมาว่า “อาวุโสเถี่ย ต่อไปรบกวนท่านพาข้ากับฮ่วนเอ๋อไปนิกายอมตะสือหังที่พื้นที่สามัญหน่อย”

 

การมาเยือนนิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับนั้น สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากแวะข้างทางสักนิด

 

และหลังจากไปจัดการเรื่องราวที่นิกายอมตะสือหังเสร็จแล้ว เขาก็ตั้งใจจะออกจาก 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และมุ่งหน้าไปยังภาคกลางทันที

 

ที่นั่นเป็นเวทีใหม่ของเขา!

 

“ไม่มีปัญหา ปรมาจารย์โอสถต้วน!”

 

ได้ยินคำขอของต้วนหลิงเทียน เถี่ยไท่เหอก็ตอบรับเร็วไว ท่าทียังแลดูนอบน้อมเชื่อฟังยิ่งกว่าตอนอยู่ต่อหน้าประมุขนิกายอมตะไท่อีเสียอีก…

 

หลังได้เห็นพลังของต้วนหลิงเทียน ในใจเถี่ยไท่เหอก็บังเกิดความเคารพต้วนหลิงเทียนมากแล้ว

 

ตอนนี้พอต้วนหลิงเทียนล้างแค้นให้เหอซาน บรรพจารย์ไท่อี ความเคารพในใจของเถี่ยไท่เหอก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด

 

จากนั้นเถี่ยไท่เหอก็หอบหิ้วต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเดินทางสืบต่อ

 

เป็นธรรมดาว่าเถี่ยไท่เหอไม่ได้รู้เลย ว่าที่ต้วนหลิงเทียนให้มันพาหอบหิ้วเดินทางนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะไม่อยากสิ้นเปลืองพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่าง

 

เพราะสุดท้ายแล้ว พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็เป็นแค่พลังที่ได้รับมาจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ไม่ได้เป็นของเขาจริงๆ ทำให้ไม่อาจใช้สุ่มสี่สุ่มห้าได้

 

หากไม่จำเป็นต้องลงมือ เขาก็ไม่คิดจะสิ้นเปลืองพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขุมนี้

 

ในปัจจุบันเถี่ยไท่เหอก็คิดแค่ว่าต้วนหลิงเทียนแค่ต้องการเวลาทำความเข้าใจวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังเท่านั้น ถึงได้ขอให้มันเป็นคนหอบหิ้วเดินทาง

 

‘ตอนนี้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้าถูกใช้ไปไม่น้อย…หากบอกว่าก่อนหน้าจะไปนิกายยอมตะสวรรค์ลี้ลับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้าอยู่ในขอบเขตขราชาอมตะ 8 ชะตา…’

 

‘ถ้างั้นตอนนี้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่เหลือในร่างข้าก็เป็นแค่ราชาอมตะ 6 ผสานเท่านั้น’

 

‘คราวนี้ตอนไปจัดการธุระที่นิกายอมตะสือหัง ก็ต้องพยายามประหยัดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดให้มากหน่อย…หรืออย่างน้อยๆก่อนที่จะเดินทางไปถึงภาคกลาง พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้าต้องไม่ถูกใช้ไปจนหมดจนหวนกลับสู่สภาพเดิม’

 

ในขณะที่เถี่ยไท่เหอหอบหิ้วต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเดินทางออกจากพื้นที่ก้าวข้ามมุ่งหน้าไปยังพื้นที่สามัญ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะวางแผนในใจ

 

ท้ายที่สุดแล้ว เถี่ยไท่เหอก็เป็นแค่ขุนนางอมตะ 7 ดาราเท่านั้น การหอบหิ้วต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเดินทางออกจากพื้นที่ก้าวข้ามไปยังพื้นที่สามัญ ก็จำต้องใช้เวลาสักพัก

 

ดังนั้นระหว่างเดินทาง ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะบ่มเพาะพลังไปพลางๆ บ้างก็คุยกับฮ่วนเอ๋อ

 

แน่นอนว่าการบ่มเพาะพลังของเขา ไม่อาจเพาะสร้างพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ได้รับมาหรือฟื้นฟูส่วนที่เสียไปแต่อย่างใดเพราะเป็นพลังคนละขุมอย่างสิ้นเชิง ทำได้แค่สั่งสมพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในส่วนที่เป็นของเขาจริงๆเท่านั้น

 

และในระหว่างที่เถี่ยไท่เหอหอบหิ้วต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากพื้นที่ก้าวข้ามไปยังพื้นที่สามัญนั้น…

 

ด้านนิกายอมตะสราญรมย์บัดนี้ก็ปั่นป่วนจนหาความสงบสุขไม่เจอ

 

เหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์แต่เดิมที่ได้ยินคำประกาศของจี้ฟ่าน และไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สุดท้ายก็ได้รับทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว

 

“ต้วนหลิงเทียน หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีคนนั้น มาหาความนิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเรา แถมยังฆ่าบรรพบุรุษหลี่ผิงไปแล้ว?”

 

“บรรพบุรุษหลี่ผิง…มิใช่ว่าพึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะหรือไร…เรื่องนี้มันไม่เหลวไหลเกินไปหน่อยหรือ!?”

 

“บรรพบุรุษหลี่ผิงทะลวงถึงราชาอมตะแล้วก็จริง…ทว่าต้วนหลิงเทียนหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีผู้นั้น กลับเป็นราชาอมตะที่ทรงพลังเหนือกว่าบรรพบุรุษหลี่ผิงเสียอีก ยังฆ่าบรรพบุรุษหลี่ผิงได้อย่างง่ายดาย!”

 

“ให้ตายเถอะ! เรื่องราวมันน่าเหลือเชื่อจนข้าทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ใช่ว่ายังมีอายุไม่ถึงร้อยปีรึไง!?”

 

“นั่นคือส่วนที่น่ากลัวที่สุดของต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเลยล่ะ!”

 

“แล้วพวกเราจะเอาอย่างไรกันต่อดี ตอนนี้ผู้อาวุโสระดับสูของนิกายอมตะสราญรมย์เราล้วนถูกฆ่าตายหมดสิ้น ลำพังอาวุโสที่เหลืออยู่ย่อมไม่อาจประคับประคองนิกายยอมตะสราญรมย์ตอนนี้ได้เลย…หลังผ่านการฆ่าลางครั้งนี้ ข้าเกรงว่านิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเราคงไม่อาจเป็นนิกายอมตะใหญ่ใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ได้แล้ว เผลอๆอาจจะล่มสลายลงด้วยซ้ำ!!”

 

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาวุโสที่รอดมาได้ไม่อาจประคับประคองนิกายอมตะสราญรมย์ได้หรอก…ต่อให้เหล่ายอดฝีมือขอบเขตกึ่งราชาอมตะที่เร้นกายของนิกายอมตะสราญรมย์เราจะปรากฏตัวออกมา ก็ไม่อาจประคับประคองนิกายไม่ให้ล่มสลายได้ด้วยซ้ำ หรือพวกเจ้าคิดว่ายอดฝีมือเหล่านั้นจะกล้าเผยตัวออกมา?”

 

“ใช่…เรื่องที่เกิดขึ้นกับนิกายอมตะสราญรมย์เราคราวนี้ แตกต่างจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับนิกายอมตะไท่อีในอดีต ตอนนั้นถึงนิกายอมตะไท่อีแทบจะล่มสลาย แต่ยอดฝีมือที่เร้นกายของนิกายอมตะไท่อี ยังมีพลังมากพอจะฆ่าล้างแค้นนิกายอมตะอันดับ 1 ที่ลงมือกับนิกายอมตะไท่อีในตอนนั้น กระทั่งทำลายล้างนิกายอมตะอันดับ 1 ในตอนนั้นและกอบกู้นิกายอมตะไท่อีได้…ทว่าตอนนี้กระทั่งบรรพบุรุษหลี่ผิงที่ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะยังถูกฆ่าตาย พวกเจ้าว่ายอดฝีมือเร้นกายกึ่งราชาอมตะที่รั้งอยู่ใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของนิกายเรา จะกล้าปรากฏตัวออกมากอบกู้นิกายหรือไม่เล่า?”

 

“เหอะๆ…ไม่กล้าโผล่มาแน่นอน!”

 

“โผล่มาก็ย่ำแย่แล้ว! หากกระทั่งบรรพบุรุษผลี่ผิงที่ทะลวงถึงราชาอมตะยังถูกฆ่า อาศัยตัวตนกึ่งราชาอมตะจะออกมาหาที่ตายทำอะไร? เกิดต้วนหลิงเทียนรู้ว่าพวกมันปรากฏตัวแล้วย้อนกลับมาฆ่าคนอีกรอบก็จบกัน ข้าเชื่อว่าไม่มีใครกล้ามาหรอก…”

 

“คราวนี้นิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเราคงต้องจบสิ้นแล้วล่ะ…พวกเจ้าคิดจะทำอะไรต่อไปเล่า?”

 

“ข้าคิดจะออกจากนิกายอมตะสราญรมย์พรุ่งนี้เลย จากนั้นก็เก็บตัวสักพัก…รอให้ผมข้างอกเมื่อไหร่ข้าค่อยไปหานิกายอมตะใหญ่อื่นเข้าร่วม ด้วยความสามารถของข้าคิดจะเข้าร่วมนิกายอมตะใหญ่ดีๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก”

 

“แล้วไฉนเจ้าต้องรอให้ผมงอกด้วยเล่า? ไปปลูกผมเอาก็สิ้นเรื่อง!!”

 

“นั่นสิ หากเจ้ามัวแต่รอให้ผมงอก แล้วค่อยไปขอเข้าร่วมนิกายอมตะใหญ่อื่น พวกมันก็รู้หมดพอดีว่าเจ้าเป็นคนของนิกายอมตะสราญรมย์ หลังจากนี้ไม่พ้นเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทำลายนิกายเราต้องแพร่ไปทั่วแน่ ถึงตอนนั้นใครจะกล้ารับเผือกร้อนอย่างพวกเราเล่า เผลอๆยังจะรีบแห่กันมาปล้นของนิกายอมตะสราญรมย์เราด้วยซ้ำ”

 

“ก็เข้าทีดีเหมือนกัน…ข้าไปปลูกผมวันนี้เลยดีกว่า”

 

 

เรียกว่าตอนนี้นิกายอมตะสราญรมย์ประหนึ่งเม็ดทรายกระจัดกระจาย เหล่าศิษย์คิดแต่เรื่องจะแยกย้าย หาทางหนีทีไล่กันหมดสิ้น

 

เหนือขึ้นไปบตำหนักโอ่อ่าของนิกายอมะตสราญรมย์ จี้ฟ่าน อดีตตถาคตที่พึ่งไปยกเค้าคลังสมบัติลับของนิกายอมตะสราญรมย์มา ก็ลอยร่างยืนมองศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ที่ค่อยๆแยกย้ายจากไปอย่างสงบ

 

“งานส่วนหนึ่งที่ปรมาจารย์โอสถต้วนสั่งไว้ลุล่วงไปได้ด้วยดี…และจากวันนี้คงไม่มีนิกายอมตะสราญรมย์เหลืออยู่อีกต่อไป”

 

“จากนั้น…ก็เหลือแต่นำเรื่องราวการลงมือในนิกายอมตะสราญรมย์ของปรมาจารย์โอสถต้วนที่บันทึกไว้ในลูกแก้วเงาลอยออกไปเผยแพร่…”

 

ขณะพึมพำกล่าวถึงจุดนี้ร่างจี้ฟ่านก็วูบหายไปทันที

 

เหล่าศิษย์คนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันเดินทางออกจากนิกายอมตะสราญญรมย์

 

ไม่ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจะเดินทางออกจากเขตของพื้นที่ก้าวข้ามด้วยซ้ำ วีรกรรมที่เขาก่อไว้ในนิกายอมตะสราญรมย์ก็เริ่มแพร่ออกมายังพื้นที่ใกล้เคียงของนิกายอมตะสราญรมย์แล้ว

 

เรียกว่าพื้นที่ละแวกนั้นถึงกับตกตะลึงกันยกใหญ่

 

ในอาณาบริเวณกว้างขวางที่ปกติเป็นนิกายอมตะสราญรมย์ครอบครองอยู่นั้น นิกายอมตะสราญรมย์ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเทพเจ้าสำหรับคนในพื้นที่เลย…

 

แต่ตอนนี้คนในพื้นที่กลับได้รับข่าวว่า…

 

นิกายอมตะสราญรมย์ที่เป็นดั่งเทพเจ้านั่น…ได้ถูกกทำลายลงแล้ว?

 

“นิกายอมตะสราญรมย์…ถูกทำลาย…นี่…ล้อกันเล่นรึเปล่า?”

 

“ให้ตายเถอะ…เป็นเรื่องจริงหรือ นิกายอมตะสราญรมย์เนี่ยนะถูกทำลาย? นิกายอมตะใหญ่ที่เป็นรองก็แค่นิกายอมตะสวรรค์ลี้ลับใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้!?”

 

“เหอะๆ เรื่องที่น่าตกใจที่สุดก็คือ…ข่าวจากสายข่าวที่แฝงตัวอยู่ในนิกายอมตะสราญรมย์รายงานมาว่า นิกายอมตะสราญรมย์ถูกคนๆเดียวทำลาย และคนๆนั้นก็คือต้วนหลิงเทียน หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อี!”

 

“ช้าก่อน! ต้วนหลิงเทียน หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อี ที่โด่งดังขึ้นในงานสมัชชาเต๋าโอสถครั้งนี้และได้รับการยอมรับว่าเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงอันดับ 1 คนใหม่แทนซุนเชานั่นน่ะนะ?!”

 

“มิผิด เป็นมัน!”

 

“เดี๋ยวนะสหาย…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? มิใช่ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นอายุไม่ถึงร้อยปีหรอกหรือ? แล้วคนอายุไม่ถึงร้อยปีไปทำลายนิกายอมตะใหญ่อย่างนิกายอมตะสราญรมย์ได้อย่างไร?!”

 

“ก็นั่นล่ะที่ทำให้ข้าตกใจแทบตายตอนได้รับรายงาน…ที่สำคัญสายข่าวยังบอกมาด้วยว่า บรรพบุรุษของนิกายอมตะสราญรมย์หลี่ผิง ได้ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้วด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายกลับโดนต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าเยี่ยงสุนัขตัวหนึ่ง!”

 

“มารดามันเถอะ! คนอายุไม่ถึงร้อยปีฆ่าราชาอมตะเนี่ยนะ!?”

 

 

เมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่ออกมา เหล่าขุมกำลังน้อยใหญ่ไม่เว้นผู้ฝึกตนพเนจรที่อยู่ในพื้นที่ปกครองของนิกายอมตะสราญรมย์สิ่งแรกที่คิดหลังได้ยินข่าวก็คือ ไม่เชื่อ! จากนั้นเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงของเรื่องราวแต่ละขุมกำลังก็ได้ส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ที่นิกายอมตะสราญรมย์ทันที

 

สุดท้ายภายใต้การนำโดยกลุ่มผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัดชนชั้นยอดฝีมือกลุ่มหนึ่ง พอบุกไปถึงนิกายอมตะสราญรมย์ก็พบว่า…ในนิกายยอมตะสราญรมย์บัดนี้ไม่มีใครเหลืออยู่เลย

 

และสิ่งที่สำคัญญที่สุดก็คือ

 

ไม่ว่าคลังสมบัติ แปลงสมุนไพร ทั้งชีพจรผลึกอมตะระดับต่ำของนิกายอมตะสราญรมย์ สภาพของพวกมันให้พูดว่าโดน ‘แร้งลง’ หรือ ‘มหกรรมปล้นครั้งยิ่งใหญ่’ ก็ไม่เกินเลย เพราะตอนนี้สภาพที่ทางได้ยับเยินเละเทะไปหมด…

 

จังหวะนี้ทุกคนจึงเชื่อได้สนิทใจ

 

นิกายอมตะสราญรมย์จบสิ้นแล้วจริงๆ!!