ตอนที่ 2041 ถูกยั่วยุ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2041 ถูกยั่วยุ

 

ช่างยิ่งยโสเป็นอย่างมาก

 

ให้พวกเขาทุกคนทําลายร่างวิญญาณของตนเอง ส่วนฟูเยว่ต้องอยู่ที่นี่งั้นรึ?

 

สําหรับพวกหลิงฮัน พวกเขาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาบ่อยแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกเกรี้ยวกราดอะไร

 

แต่ฟู่เยว่นั้นไม่ใช่ เขาเป็นนายน้อยที่ตลอดมาคนรอบข้างจะต้องเชื่อฟังคําพูดของเขา แต่ตอนนี้ไม่เพียงใครบางคนจะพูดจากับเขาด้วยท่าที่ไม่สุภาพ อีกฝ่ายยังต้องการชีวิตของเขาอีกด้วย

 

แล้วแบบนี้จะไม่ใช่เขาโมโหได้อย่างไร?

 

“ช่างโอหังนัก เจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติพองั้นรึ?” ฟู่เยว่เค้นเสียงกล่าว

 

รุ่นเยาว์ชุดม่วงเผยสีหน้าอวดดี “สิ่งที่หลงปู้เทียนผู้นี้กล่าว ไม่ว่าอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น”

 

“โอ้ งั้นวันนี้ก็คงเป็นข้อยกเว้น!” ฟู่เยว่ตอบโต้อย่างไม่ย่อถอย

 

“พวกเจ้ามัวแต่ยืนนิ่งเหม่ออะไรอยู่ รีบๆ ทําลายร่างวิญญาณแล้วไสหัวไปซะ ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าเองก็ต้องตาย!” รุ่นเยาว์ชุดม่วงที่ชื่อหลงปู้เทียนมองไปยังพวกหลิงฮัน สายตาของเขาเฉียบคมเป็นอย่างมาก พร้อมกับที่บริเวณหน้าผาก มีอักษรคําว่า “ราชา” ปรากฏขึ้นมา

 

“ฮ่าๆๆ!” ฮูหนิวรู้สึกตลกขบขัน เมื่อจ้องมองไปยังอักษรคําว่า “ราชา”

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “พวกเจ้าคิดดีแล้วที่ฟังคําพูดของคนผู้นั้น?” เขาไม่ได้หวาดกลัวกลุ่มรุ่นเยาว์ตรงหน้านี้ แต่หากเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเริ่มการปะทะอย่างไร้เหตุผล และจบปัญหาอย่างสันติ

 

“พวกเจ้าต้องการไล่เช็ดก้นให้ขยะเช่นนั้นจริงๆ น่ะรึ?” เขากล่าวพร้อมกับยิ้มไปยังกลุ่มรุ่นเยาว์ตรงหน้า

 

เรื่องนี้ หลงปู้เทียนมีท่าทีลังเลขึ้นมา

 

“เจ้าสิท้อง ทั้งตระกูลของเจ้าสิท้อง!” ทว่าในจังหวะนั้นเอง จู่ๆ เสี่ยวกู่ก็พูดโพล่งขึ้นมาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลงปู้เทียนทั้งหกคน ต่างเผยสีหน้าเกรี้ยวกราดขึ้นมาพร้อนกันในทันที ถือเป็นการยั่วยุที่โจ่งแจ้งมากที่ถึงขนาดลามปามไปถึงทั่วทั้งตระกูลของพวกเขา

 

หลิงฮันหันไปมองฟู่เยว่ คําพูดที่เสี่ยวกู่พูดออกมานี้ เป็นคําพูดที่มันเคยเลียนแบบฟู่เยว่เอาไว้

 

ฟู่เยว่เผยสีหน้ากระอักกระอ่วน

 

ก่อนหน้านี้เขาเตือนหลิงฮันว่าให้ทําตัวไม่โดดเด่นเข้าไปและอย่างสร้างปัญหา แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าคนสร้างปัญหาคือตัวเขาเสียเอง

 

“เจ้ามันผิดปกติ ทั้งตระกูลของเจ้าเป็นพวกผิดปกติ!” เสี่ยวกู่พูดประโยคที่เคยจํามาออกไปอย่างต่อเนื่อง

 

แน่นอนว่าการกระทํานี้ย่อมเป็นการเติมเชื้อเพลิงลงไฟ ความเกรี้ยวกราดของหลงปู้เทียนและคนอื่นๆ พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุดในพริบตา

 

หลิงฮันถอนหายใจ นิสัยชอบเลียนแบบคําพูดของเสี่ยวกู่ว่าแย่แล้ว นี่ยังจะมีเริ่มพูดออกมาในจังหวะแบบนี้อีก

 

“หรือก็คือพวกเจ้าทุกคนล้วนแต่เป็นเศษสวะ!” เสี่ยวกู่กล่าวทิ้งท้าย พร้อมกับชี้นิ้วใส่อารมณ์ไปยังพวกหลงปู้เทียน

 

“ฮ่าๆๆ!” ฮูหนิวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

“รนหาที่ตาย!” หลงปู้เทียนคว้ามือไปที่ร่างของเสี่ยวกู่

 

ใบหน้าของเสี่ยวกู่ชะงักด้วยความงุนงง มันไม่เข้าใจทําไมจู่ๆ อีกฝ่ายถึงได้โจมตีใส่มันกันแน่?

 

หลิงฮันลงมือ “ปัง” เขาสะท้อนการโจมตีของหลงปู้เทียนกลับไป

 

“หืม?” “หือ?” “โอ้?”

 

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น รุ่นเยาว์อีกห้าคนก็เผยสีหน้าตกตะลึง

 

หลงปู้เทียนมีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับตัดวิญญาณปฐพี แถมยังมีศักยภาพเป็นถึงราชาในหมู่ราชา ทําให้พลังต่อสู้ของเขาไร้เทียมทานในระดับตัดวิญญาณสวรรค์ แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็ยังสามารถหยุดยั้งการโจมตีของเขาได้

 

“นับว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง!” หลงปู้เทียนเค้นเสียงอย่างแผ่วเบา พร้อมกับจิตวิญญาณสู้รบได้พรั่งพรูออกมาจากดวงตา

 

ที่หลิงฮันทําการปัดป้องการโจมตีให้เสี่ยวกู่ ก็เพราะกลัวว่าเสี่ยวจะลงมือตอบโต้หนักเกินไปจนพลั้งมือไปสังหารอีกฝ่ายเข้า

 

ถึงแม้พวกเขาทั้งสองฝ่ายจะเป็นศัตรูกัน แต่หลิงฮันก็ไม่คิดว่าความบาดหมางเพียงเท่านี้จะต้องสู้กันจนถึงตาย

 

“จักรพรรดิ!” รุ่นเยาว์ชุดเขียวกล่าวด้วยน้ําเสียงหนักอึ้งและดวงตาส่องประกาย

 

ชื่อของเขาคือเส่าจวิ้น เขาคือผู้นําของกลุ่มรุ่นเยาว์ทั้งเจ็ดนี้และเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธสูงที่สุด ไม่เพียงแค่พลังบ่มเพาะของเขาจะอยู่ที่ระดับดับวิญญาณปฐพี แต่ตัวเขาเองก็เป็นจักรพรรดิเช่นกัน เพราะไม่งั้นแล้วคงไม่สามารถเป็นผู้นําของราชาในหมู่ราชาได้

 

“จักรพรรดิระดับแนวหน้า!” เขากล่าวเสริม

 

จักรพรรดิทั่วไปสามารถสู้ข้ามระดับได้อย่างไร้เพียงทานสองระดับ หากหลิงฮันเป็นจักรพรรดิทั่วไปเขาจะสามารถสู้ข้ามระดับได้อย่างไรเทียมทานถึงระดับตัดวิญญาณปฐพี่เท่านั้น แต่หลงปู้เทียนเองก็เป็นราชาในหมู่ราชาที่มีพลังต่อสู้อยู่ในระดับตัดวิญญาณปฐพี

 

การที่หลิงฮันสามารถต่อกรกับหลงปู้เทียนได้ หมายความว่าอีกว่านั้นเป็นจักรพรรดิระดับแนวหน้า

 

หลิงฮันสะบัดมือ การแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับหลงปู้เทียนทําให้เขารู้สึกเจ็บที่มือเล็กน้อย เนื่องจากระดับพลังของเขากับอีกฝ่ายแตกต่างกันเกินไป แต่ไม่ว่าอย่างไรสําหรับเขาที่บ่มเพาะทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ความเจ็บปวดแค่นี้ย่อมเป็นเพียงเรื่องจิ๊บจ้อย

 

เขายิ้มและกล่าว “สหายของข้าค่อนข้างจะหัวทึบนิดหน่อย อย่าได้เก็บคําพูดของเขาไปใส่ใจเลย”

 

ก็พอจะดูออกอยู่

 

เส่าจวิ้น หลงปู้เทียนและคนอื่นๆ ไม่ใช่คนโง่ ในทางกลับกัน พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่ฉลาดเฉลียวด้วยซ้ํา เพียงแค่จ้องมองเสียวกู้ในครั้งแรกพวกเขาก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้เป็นพวกโง่งมที่ไม่สมควรลด ตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกัน

 

“นายน้อยตู้ อย่าได้ถูกเขาหลอก หมอนั่นเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มากอุบายที่สุดในกลุ่ม!” หร่วนตงรีบกล่าว

 

เขาไม่ใช่คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยวจวิ้นมาตั้งแต่แรก แต่เพิ่งบังเอิญได้พบกันเมื่อไม่นานมานี้ เพราะงั้นเขาจึงเป็นกังวลว่าผู้เสียวจขึ้นจะถูกหลิงฮันโน้มน้าว และไม่แก้แค้นให้แก่เขา

 

ตู้เสี่ยวจวิ้นมองไปยังหร่วนตงอย่างเย็นชา คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ เขาไม่คิดว่าคนที่ดูมีพรสวรรค์จะมีจิตใจที่คับแคบเช่นนี้ สําหรับสวะแบบนี้เขาไม่ต้องการให้มาเป็นผู้ติดตาม

 

เพียงแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป และกล่าวกับหลิงฮัน “ถ้าเจ้าสามารถรับหนึ่งร้อยกระบวนท่าได้ ข้าจะนับเจ้าเป็นสหาย”

 

อย่าเพิ่งเหลิงไปเพียงไปเพราะหลิงสามารถรับหนึ่งกระบวนท่าของหลงปู้เทียนได้ เพราะก่อนหน้านี้หลงปู้เทียนยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกไป ด้วยความต่างของระดับพลังถึงสองขั้นย่อย ต่อให้เป็นจักรพรรดิระดับแนวหน้าก็ยากที่จะชิงความได้เปรียบในความต่างชั้นของพลังขนาดนี้

 

รับหนึ่งร้อยกระบวนท่าให้ได้งั้น? เกรงว่าคงทําได้ยาก!

 

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “ตกลง!”

 

ตู้เส่าจวิ้นพยักหน้า เขายอมรับในความกล้าหาญของหลิงฮัน และยื่นมือโยนกล่องกระดานลงมือ “งั้นก็เข้าสู่ลานประลองได้”

 

“ตุบ” หลงปู้เทียนเป็นคนแรกที่กระโดดลงสู่แผ่นกระดาน ร่างของเขาย่อส่วนลงอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็นจุดเล็กๆ ที่ยืนอยู่บนแผ่นกระดาน

 

นี่คืออุปกรณ์มิติอย่างหนึ่ง ที่ค่อนข้างแตกต่างออกไปเล็กน้อย

 

หลิงฮันเองก็กระโดดตามลงไป เพื่อเผชิญหน้ากับหลงปู้เทียน

 

“ขอบอกก่อนว่าข้าไม่คิดจะปรานี้!” หลงปู้เทียนกล่าว

 

“แน่นอน!” หลิงฮันพยักหน้าอย่างไม่ได้จริงจังอะไร ไม่มีใครในระดับแบ่งแยกวิญญาณที่สามารถทําให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ นอกจากจีอู๋หมิงที่เป็นร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ระดับเก้า ซึ่งพลังต่อสู้ไม่อาจวัดด้วยสามัญสํานึกทั่วไปได้

 

“รับมือ!” หลงปู้เทียนลงมือ เขาพุ่งทะยานร่างโดยที่ตัวอักษร ‘ราชา’ บนศีรษะของเขาส่องประกายแสงเจิดจ้า

 

แม้เขาจะกล่าวออกมาว่าไม่คิดจะปรานี แต่เนื่องจากนี่เป็นเพียงการประลอง จิตสังหารของเขาถึงได้สลายหายไปไม่เหลือ ทว่าแม้จะเป็นแบบนั้นการโจมตีของเขาก็ยังรุนแรงอยู่ดีอักขระ “ราชา” บนศีรษะของเขาส่องประกายปลดปล่อยพลังอันไร้ที่สิ้นสุด ทําให้พลังต่อสู้ของเขาน่าสะพรึงกลัวมาก

 

หลิงฮันคํารามและแกว่งหมัดทั้งสองรับมือกับอีกฝ่าย

 

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

 

หลิงฮันไม่ใช่แค่จักรพรรดิระดับแนวหน้าอย่างเดียว แต่ยังครอบครองแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีถึงสี่ชนิด ซึ่งนั่นทําให้พลังต่อสู้ของเขาอยู่เหนือจักรพรรดิคนอื่นๆ เพราะนอกจากเขาแล้วจักรพรรดิคนใดกันจะมีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่อยู่ในครอบครองถึงสีชนิด?

 

อย่าว่าแต่สี่เลย แค่หนึ่งก็เกรงว่าแทบจะไม่มี