บทที่ 2185 ข้ากำลังขู่เจ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“ใช่แล้ว! หนิวโหย่วเต๋อเจ้าหนุ่มนั่นจะไม่ห่วงหน้าพะวงหลังสักหน่อยเหรอ?” ก่วงลิ่งกงทอดถอนใจอย่างสะเทือนอารมณ์ เอาสองมือไขว้หลังอย่างช้าๆ สีหน้าท่าทางดูกลัดกลุ้ม

เมื่อเห็นเขามีสีหน้าแปลกไป ความคิดเหมือนจะเบนออกจากเรื่องนี้เล็กน้อย อยู่ด้วยกันมาหลายปีนับว่าค่อนข้างรู้จักนิสัยใจคอ โกวเยว่จึงลองถามว่า “ท่านอ๋อง ท่านมีเรื่องไม่สบายใจหรือขอรับ?”

ก่วงลิ่งกงก้มหน้าเล็กน้อย มองเท้าตัวเอง ก้าวเดินช้าๆ พลางบอกว่า “แค่รู้สึกสะท้อนใจนิดหน่อยเท่านั้น ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ พวกเราหลายฝ่ายกล้ำกลืนความโกรธอยู่ภายใต้เงื้อมมือประมุขชิง คิดทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาสมดุล เรียกได้ว่ายอมกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่าย แต่หนิวโหย่วเต๋อเจ้าหนุ่มนั่น รู้ว่าประมุขชิงต้องการจะแตะต้องเขา…ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเราจะทำยังไง? จะต้องเปิดโปงเรื่องนี้แน่นอน ทำให้ประมุขชิงรู้ถึงความยากลำบากแล้วยอมถอย รักษาสมดุลของอำนาจต่อไป! แต่หนิวโหย่วเต๋อกลับฉีกหน้าสู้ตายกับประมุขชิงโดยตรง กล้าหาญน่ายกย่อง ข้าก็แค่กำลังคิดว่า ทำไมพวกเราถึงทำไม่ได้? เป็นเพราะพวกเราแก่แล้ว ใช้ความกล้าหาญฮึกเฮิมมาหมดแล้ว หรือว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ? เขาช่างกล้าดันทุรังทำโดยไม่สนผลที่ตามมาจริงๆ!”

โกวเยว่เข้าใจความหมายลึกๆ ในคำพูดเขาแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ได้แต่ปลอบใจว่า “อาจไม่ใช่เพราะเขากล้าหาญจริงๆ แต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจเพียงพอกระมัง!”

“เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” ก่วงลิ่งกงหันตัวมาโบกมือ “ครั้งนี้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตแล้วจริงๆ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงกะทันหันมากมาย ข้าไม่เฝ้าอยู่ที่เดิมแล้ว บอกให้คนในจวนเก็บข้าวของ เตรียมตัวย้ายที่อยู่”

“ขอรับ!” โกวเยว่เอ่ยรับ

จวนอ๋องสวรรค์เถิง เถิงเฟยยืนหน้านิ่งอยู่ใต้ชายคาของตำหนักใหญ่ พลิกเล่นระฆังดาราในมือที่ไขว้อยู่ข้างหลัง

ประมุขชิงใช้ทั้งอำนาจขู่ทั้งผลประโยชน์ล่อ สั่งให้เขาเคลื่อนทัพออกมาช่วย ประกาศว่าถ้าไม่เชื่อฟังก็จะกำจัดเขา!

โค่วหลิงซวีโมโห ตำหนิเขาว่าทำไมไม่เคลื่อนทัพไปช่วย? ก่วงลิ่งกงก็โทษเขาว่าทำตัวนอกคอกเช่นกัน

เมื่อครู่นี้เอง หนิวโหย่วเต๋อก็เพิ่งส่งข่าวมาเตือนเขา สั่งให้เขาเคลื่อนทัพไปช่วยโค่วหลิงซวีสู้กับทัพใหญ่แดนสุขาวดีเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เชื่อฟัง ก็จะเคลื่อนทัพมากำจัดเขา!

“เหมือนข้าจะกลายเป็นเป้าโจมตีของหลายฝ่ายแล้ว!” เถิงเฟยกล่าวเสียงเรียบ

“ท่านอ๋อง เหมือนพวกเราจะล่วงเกินทุกคนไปแล้ว” เถิงจงกล่าวอยู่ข้างๆ

เถิงเฟยแสยะยิ้ม “ล่วงเกินแล้วยังไงล่ะ? ข้าโดนขู่ง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ?ภายนอกเหมือนกำลังขู่ข้า แต่ความจริงกำลังขอร้องข้าทั้งนั้น จะลงมือกับข้าเหรอ? ใครจะลงมือกับข้าก็ต้องกังวลว่าข้าจะไปเข้าข้างอีกฝ่าย ใครจะกล้าล่ะ? ตอนนี้อำนาจของข้าอ่อนแอที่สุดในบรรดาหลายฝ่าย ถ้าเชื่อฟังพวกเขาแล้วเข้าไปร่วมด้วยจริงๆ กำลังพลต่อสู้จนวายวอดหมด ใครยังจะเห็นความสำคัญของพวกเราอยู่ล่ะ? ก็อย่างที่บอก รอให้อำนาจแต่ละฝ่ายสูญเสียกำลังไปพอสมควรก่อน พวกเขาถึงจะฟังคำพูดพวกเรา! ขู่ให้กลัวเหรอ? ให้พวกเขาขู่ต่อไปเถอะ ข้าก็แค่ไม่เคลื่อนไหว ใครจะทำอะไรข้าได้?”

เถิงจงถอนหายใจอย่างจนปัญญาอีกครั้ง รู้ว่าท่านอ๋องเลือกแบบนี้เพราะไม่มีหนทางอื่นแล้ว ใครใช้ให้ตัวเองอำนาจอ่อนแอที่สุด ถ้าเสี่ยงเข้าไปต่อสู้ ก็สู้ไม่ไหวจริงๆ เดิมทีก็อ่อนแอที่สุดอยู่แล้ว ถ้าสิ้นเปลืองกำลังอีก ถึงตอนนั้นก็มีสิทธิ์แค่ก้มหน้ารับความอัปยศ การมอบอนุภรรยาแสนสวยกับลูกสาวให้คนอื่นนั้นไม่ใช่รสชาติที่ดีนัก…

มหาสมุทรคลื่นเขียวมรกต บนหน้าผาสูงตระหง่าน

กลางทะเล ใต้ดินภายในภูเขาหน้าผา ตำหนักใต้ดินขนาดใหญ่โตอาหลังหนึ่ง ทุกที่ล้วนมีทหารสวมเกราะถืออาวุธ ชายหญิงที่อยู่ในห้องของตำหนักทุกห้องล้วนมีคนเฝ้า

สวีถังหรานเดินไปนอกตำหนักพร้อมกำลังพลติดตามกลุ่มหนึ่ง ในตำหนักหวงฝู่เลี่ยนคง หวงฝู่จัว หวงฝู่เกา สามพ่อลูกหันหน้ามองมาอย่างเยียบเย็น

สวีถังหรานที่เดินมาถึงประตูยกมือห้าม “พวกเจ้ารออยู่ข้างนอก”

ทหารหนึ่งในนั้นกล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านโหว ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าครับ” เขาจะสื่อว่าให้กำลังพลเข้าไปด้วยกันเถอะ

“การวางตัวของท่านผู้เฒ่าหวงฝู่ ข้าจะเชื่อไม่ได้เชียวหรือ?” สวีถังหรานหันกลับมากลอกตาใส่เขา แต่จากนั้นก็กล่าวเสริมอีกว่า “ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรจริงๆ ก็ไม่ต้องเกรงใจข้า ลงมือได้เลย สังหารข้าไปด้วยเลย อย่าให้เหลือรอดออกไปแม้แต่คนเดียว!”

คำพูดนี้เหมือนพูดให้คนข้างในฟังมากกว่า ทหารคนนั้นฝืนเอ่ยรับคำสั่งอย่างลำบากใจ “ขอรับ!”

ตอนนี้สวีถังหรานถึงได้เดินหัวเราะร่าเข้าไป กุมหมัดคารวะให้สามพ่อลูก “ท่านผู้เฒ่า คุณชายรอง คุณชายสาม”

หวงฝู่เลี่ยนคงที่เส้นผมและหนวดเคราเป็นสีขาวนั่งอยู่ข้างโต๊ะกลมไม่ขยับไปไหน หวงฝู่จัวกับหวงฝู่เกายืนอยู่ทางซ้ายและขวา สามพ่อลูกชำเลืองมองเขาอย่างเยียบเย็นโดยไร้ปฏิกิริยา

สวีถังหรานนั่งเองโดยไม่ต้องเชิญ นั่งลงตรงข้ามตกลงโดยตรง แล้วก็กล่าวด้วยรอยยิ้มอีกว่า “รู้ว่าทั้งสามอารมณ์ไม่ดี ไม่ต้องห่วงหรอก อีกไม่นานก็จะผ่านไปแล้ว ด้านนอกรบราฆ่าฟันกันอันตรายเกินไป โหวผู้นี้ก็ทำไปเพื่อปกป้องทั้งสาม ต้องทนรับความไม่ยุติธรรมชั่วคราว”

หวงฝู่เลี่ยนคงกระตุกมุมปาก “ตาแก่คนนี้รับปากนะว่าจะทำงานให้ท่านอ๋อง ท่านโหว ท่านทำเช่นนี้หมายความว่ายังไง?”

เมื่อด้านนอกมีความเคลื่อนไหว ตระกูลหวงฝู่ก็ย้ายที่อยู่ทันที

ก็ช่วยไม่ได้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าตระกูลหวงฝู่คือกำลังของวังสวรรค์ ตัวอยู่บนอาณาเขตทัพตะวันตก ทัพตะวันตกยังลงมือกับกองทัพองครักษ์แล้ว พวกเขาจะไม่หลบหลีกได้อย่างไร ทว่าสวีถังหรานตามติดไม่ปล่อย หวงฝู่เลี่ยนคงต้องการทำให้เขาสงบ จึงรับปากอย่างไม่จริงใจว่าจะทำงานให้หนิวโหย่วเต๋อ ใครจะคิดว่าสวีถังหรานใช้วิธีการเด็ดขาด ระหว่างที่ตระกูลหวงฝู่กำลังย้ายที่ ก็ส่งทหารมาล้อมตระกูลหวงฝู่เอาไว้โดยตรง พูดชัดเจนว่าจะจับตัวเอาไว้ทั้งหมด

กำลังของตระกูลหวงฝู่ไม่ใช่น้อยๆ แต่ยามเผชิญหน้ากับกำลังพลสองล้านของสวีถังหราน ก็เหมือนกับอำนาจในยุทธภพเผชิญหน้ากับทัพใหญ่ของราชสำนัก ไม่มีทางต่อสู้ได้เลย ถ้าขัดขืนก็ตายสถานเดียว ทำได้เพียงยอมให้จับแต่โดยดี

ถึงแม้ที่นี่จะเป็นที่ซ่อนตัวลับของตระกูลหวงฝู่ ตอนนี้ก็ถูกสวีถังหรานใช้กำลังทหารควบคุมไว้แล้ว ถ้าจะพูดให้น่าฟังหน่อยก็คือถูกสวีถังหรานกักบริเวณแล้ว เหมียวอี้ไม่ได้ให้เขาทำอย่างนี้ แต่เขามีวิธีการทำงานของตัวเอง ในจุดนี้เขามีอำนาจที่จะตัดสินใจเอง ไม่ถึงขั้นรายงานรายละเอียดเรื่องทุกอย่างให้เหมียวอี้รู้ ขอเพียงทำภารกิจที่เหมียวอี้มอบหมายให้สำเร็จก็พอแล้ว

สวีถังหรานถอนหายใจ “ก็เป็นเพราะท่านผู้เฒ่ารับปากแล้วนี่ไง เพื่อแสดงความจริงใจ พวกเราถึงได้ทำตัวเป็นคนต่ำทรามก่อนที่จะเป็นคนดี แบบนี้ทุกคนจะได้วาง ดีขนาดไหนแล้ว!”

หวงฝู่เลี่ยนคงกล่าวด้วยใบหน้านิ่ง “ท่านโหวทำแบบนี้เพราะไม่เชื่อใจพวกเราเหรอ!”

สวีถังหรานส่ายหน้า “ท่านผู้เฒ่าดึงดันจะพูดแบบนี้ เช่นนั้นข้าก็ช่วยไม่ได้แล้ว ในใจเจ้าด่าข้า ข้าก็ยอมรับได้ พูดอย่างนี้แล้วกัน ข้าติดตามท่านอ๋องมาหลายปี ภารกิจที่ท่านอ๋องมอบหมายให้ข้า ข้าไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง เมื่อก่อนไม่เคย ตอนนี้หรือในอนาคตก็ไม่อยากพลาดเช่นกัน พูดไว้ชัดเจนแล้วสินะ ในเมื่อท่านผู้เฒ่ารับปากแล้วว่าจะทำงานให้ท่านอ๋อง ก็คงไม่ถึงขั้นทนลำบากเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้หรอกมั้ง ขอเพียงท่านผู้เฒ่าแสดงความจริงใจออกมา ข้ารับประกันว่าทุกคนของตระกูลหวงฝู่จะผมไม่ร่วงแม้แต่เส้นเดียว แน่นอน ถ้ามีคนแอบเล่นตุกติกใต้หนังตาสวี สวีก็ไม่ใช่สัตบุรุษคนดีอะไร รับรองว่าจะสังหารทั้งตระกูลหวงฝู่ไม่ให้เหลือแม้แต่สุนัขหรือไก่!”

“มีเจ้ากำลังขู่ข้่าอยู่เหรอ?” หวงฝู่เลี่ยนคงถาม

สวีถังหรานตอบเขาว่า “ถ้าเจ้าดึงดันจะคิดอย่างนี้…ก็ได้ ข้าก็กำลังขู่เจ้าอยู่นั่นแหละ ทั้งยังเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลเจ้ามาขู่ด้วย! ถ้าพูดอย่างนี้ เจ้าฟังแล้วต้องไม่พอใจแน่ ข้าเองก็ไม่ดีใจที่ได้ทำเรื่องล่วงเกินคนอื่น แต่เจ้าจะพอใจหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือนี่เป็นงานใหญ่ของท่านอ๋อง เจ้าว่าไหมล่ะ? ท่านผู้เฒ่าคิดยังไงข้าไม่รู้หรอก แต่สำหรับสวีแล้ว ไม่มีการขู่หรือไม่ขู่อะไรทั้งนั้น ขอเพียงเป็นเรื่องที่ท่านอ๋องกำชับมา สวีก็ยอมทำเรื่องชั่วดีกว่าปล่อยให้งานพัง ถ้าทำให้งานใหญ่ของท่านอ๋องพัง ข้าก็ไม่มีทางชี้แจงต่อท่านอ๋องได้ ดังนั้นหวังว่าท่านผู้เฒ่าจะเข้าใจถึงความลำบากของข้า แล้วอีกอย่าง พวกเจ้าก็น่าจะเห็นความจริงใจของข้าแล้ว ข้าก็ไม่ได้ควบคุมวรยุทธ์ของพวกเขาใช่มั้ยล่ะ?”

หวงฝู่จัวพ่นเสียงทางจมูก “ที่เจ้าไม่ได้ระงับวรยุทธ์ของพวกเรา ก็เพื่อจะให้พวกเจ้าใช้งานสมาคมวีรชนได้สะดวกน่ะสิ!”

“คุณชายรองปราดเปรื่องจริงๆ ด้วย แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ยังดูออก!” สวีถังหรานปรบมือ แต่ก็เหล่ตามองทันที “เพียงแต่ข้าไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณชายรองพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร ทำไมถึงเรียกว่าให้พวกเจ้าใช้งานล่ะ? ไม่รู้ว่าข้าตีความผิดไปหรือเปล่า ทำไมข้ารู้สึกว่าคุณชายรองไม่เต็มใจทำงานให้ท่านอ๋องล่ะ?”

“ในเมื่อท่านโหวดึงดันจะคาดคะเนเอาเอง ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก ข้า…” หวงฝู่จัวกล่าว

หวงฝู่เลี่ยนคงยกมือตัดบท “ท่านโหว ขออภัยที่ข้าพูดตรงๆ งานที่ดีท่านอ๋องสั่งให้เจ้าทำนี้ เกรงว่าจะต้องพังแล้ว”

สวีถังหรานพลันหรี่ตา “หมายความว่ายังไง? หรือว่าหัวหน้าตระกูลกลับคำพูดแล้ว?”

หวงฝู่เลี่ยนคงส่ายหน้า “อย่าบอกนะว่าท่านคิดว่าวังสวรรค์จะปล่อยสมาคมวีรชนให้ตระกูลหวงฝู่จริงๆ? ตระกูลหวงฝู่ดูเหมือนกำลังควบคุมสมาคมวีรชน แต่ความจริงตระกูลหวงฝู่ถูกวังสวรรค์จับตาดูมาตลอด ตอนนี้ท่านลักพาตัวพวกเราแล้ว เกรงว่าวังสวรรค์จะรู้ความจริงแล้ว เดิมทีตาแก่คนนี้อยากจะให้สมาคมวีรชนแสดงประโยชน์ต่อท่านอ๋องมากกว่านี้…ท่านโหว เกรงว่าความตั้งใจของท่านจะทำให้งานใหญ่พังแล้ว!”

สวีถังหรานอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวกลั้วหัวเราะทันที “หัวหน้าตระกูลหมายถึงองครักษ์เงาที่จับตาดูตระกูลหวงฝู่เหรอ? ถ้าพูดถึงสิ่งนี้ ก็ไม่ต้องกังวลใจเลย ท่านอ๋องเป็นใครกันล่ะ? เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แค่มาถึงมือก็จัดการได้แล้ว ท่านอ๋องช่วยแก้ไขปัญหาที่ทำให้ตระกูลหวงฝู่ห่วงหน้าพะวงหลังตั้งนานแล้ว พวกเจ้าสนใจแค่ทำงานให้ท่านอ๋องให้ดีก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องกังวล”

เขาไม่รู้สถานการณ์โดยละเอียด แต่ก่อนจะออกเดินทาง เหมียวอี้ก็พูดถึงสถานการณ์ของตระกูลหวงฝู่ให้เขาฟังแล้ว บอกเขาว่าอย่าเข้าใจผิดทำร้ายคนของตัวเอง เขาถึงได้รู้สถานการณ์มาแล้วนิดหน่อย

สามพ่อลูกตกใจจนขนลุก สบตากันแวบหนึ่ง เริ่มหวาดกลัวพลังของหนิวโหย่วเต๋อแล้ว อย่าบอกนะว่าบงการได้แม้แต่องครักษ์เงาของราชันสวรรค์?

ตอนนี้หวงฝู่เลี่ยนคงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อเคยฝากคนมาบอกเขา พลังของข้าเหนือกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้เยอะมาก!

ในขณะนี้เอง หวงฝู่เลี่ยนคงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบระฆังดาราอันหนึ่งขึ้นมา หลังจากติดต่อกับภายนอกแล้ว ก็ลังเลนิดหน่อย ก่อนจะบอกว่า “ซ่างกวนชิงบอกมาแล้ว ว่าให้สมาคมวีรชนทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหว เป็นหูเป็นตาให้ทัพใหญ่ของฝ่าบาท”

ต่อให้ไม่อยากบอกก็ต้องบอก ชีวิตของคนทั้งตระกูลถูกบีบอยู่ในมือไอ้สารเลวตรงหน้านี้แล้ว ไอ้สารเลวมันไม่ให้โอกาสพวกเขาได้นิ่งดูดายเลย ตอนแรกยังคุยกันไว้ดิบดี ว่าอนุญาตให้พวกเขาอยู่เฉยๆ คอยดูสถานการณ์และตัดสินใจเองว่าจะทำงานรับใช้ใคร สงสัยจะเป็นคำพูดเหลวไหลทั้งนั้น!

สวีถังหรานถามถึงสถานการณ์ทันที จากนั้นก็หยิบระฆังดาราขึ้นมารายงาน หลังจากรายงานจบแล้ว สีหน้าก็เผยความปลาบปลื้มยินดี เก็บระฆังดาราแล้วพูดกับสามพ่อลูกอย่างร่าเริงว่า “บอกข่าวดีกับทั้งสามสักหน่อย กองทัพองครักษ์แปดร้อยล้านของประมุขชิงแพ้ด้วยน้ำมือท่านอ๋องแล้ว วอดวายหมดกองทัพ!” เขากระปรี้กระเป่ามาก ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

กองทัพองครักษ์แปดร้อยล้านวอดวายหมด? ครั้งนี้สามพ่อลูกตกตะลึงพรึงเพริดแล้วจริงๆ หนิวโหย่วเต๋อกำจัดกำลังทหารของประมุขชิงไปแล้วหนึ่งในสามเหรอ? เพียงแต่ไม่รู้ว่าข่าวของอีกฝ่ายจริงหรือเท็จ…

ดาวแมกไม้ เงาคนคนหนึ่งแฉลบผ่านฟ้ามา เหยียบลงริมทะเลสาบที่มีต้นไม้ใบหญ้างดงาม เป็นชายชราสวมชุดสีเขียว ในสีหน้าที่เย็นชาเผยพลังอำนาจไปอีกแบบ เขาคือหลินไห่ ประมุขปราสาทแมกไม้

หลังจากมองไปรอบๆ เพื่อยืนยันลักษณะพื้นภูมิซ้ำ ก็ถลันตัวลงไปในทะเลสาบคลื่นเขียวมรกต ดำลงไปลึกหลายร้อยเมตร พบว่าสีของน้ำทะเลสาบเปลี่ยนเป็นดำมืดแล้ว เกราะอิทธิฤทธิ์รอบกายส่งเสียงฉ่าๆ หลินไห่รู้ว่าในน้ำสีหมึกด้านล่างมีพิษ เขาเสริมแกร่งให้เกราะอิทธิฤทธิ์ ไม่สนใจพิษร้ายที่กัดกร่อน ดำน้ำลงไปต่อ

ผ่านไปไม่นานก็ถึงตำแหน่งที่เป็นรูปกรวยก้นทะเล หาทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งเจอแล้ว จากนั้นดำเข้าไปในทางน้ำก้นทะเลสาบ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งสังเกตได้ว่าผิดรุนแรงกว่าเดิม เกราะที่ใช้ป้องกันเปลืองพลังงานมาก พอมาถึงปลายสุดของทางน้ำ ก็เห็นตะขาบกระดองสีเขียวยาวสิบกว่าจั้งนอนขดอยู่ มันถูกโซ่ล่ามไว้ บนตัวยังมีตะปูยาวแข่งด้วย ไม่อยู่ใต้น้ำที่น้ำมืดแบบนี้ก็ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

เมื่อเห็นตะขาบขยับปาก พ่นพิษสีดำออกมาเป็นระยะ ก็เห็นได้ชัดว่ายังไม่ตาย หลินไห่ถอนหายใจเบาๆ “ไม่ได้เจอกันหลายปีขนาดนี้ ที่แท้เจ้าก็ถูกจองจำอยู่ใต้หนังตาข้ามาตลอด”

…………………………