มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1354

เวลาได้ผ่านพ้นไปทีละวินาที ๆ จู่ ๆ ร่างกายของชายหนุ่มที่อยู่ในค่ายเสวียนก็สั่นระริก เสื้อคลุมยาวบริเวณหน้าอกระเบิดแตกออกอย่างกะทันหัน บาดแผลที่ดูโหดร้ายทารุณปรากฏอยู่ตรงหน้าอกเขา ร่างกายของเขาแทบจะถูกผ่าออก เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด

“ข้าขอสละสิทธิ์!”

จู่ ๆ เขาก็ตะโกนเสียงดังลั่น ถัดจากนั้นความรู้สึกเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ยื่นมือขึ้นมากุมบาดแผลบริเวณหน้าอกเอาไว้ ใบหน้าขาวซีด

“สังหารคู่ต่อสู้สองคน ไม่ผ่านการประเมินผล ตกรอบ!”

สีหน้าท่าทางของผู้อาวุโสหวูเย็นชามาก โบกมือทีหนึ่งก็ตัดสินชะตากรรมของชายหนุ่มผู้นี้แล้ว มากกว่านั้นคือดูไม่มีท่าทีที่จะลงมือรักษาบาดแผลให้เขาเลย

ตกรอบ?!

สีหน้าของชายหนุ่มผู้มีความฉลาดเป็นเลิศผู้นี้ขาวซีดมากยิ่งขึ้น สภาพดูขวัญหนีดีฝ่อ เพื่อได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการฝึกปรือในฐานหยินหยางครั้งนี้ ตระกูลของเขาแทบจะใช้ทรัพยากรของตระกูลไปจนหมดแล้ว ถึงจะได้บัญชาหยินหยางมาหนึ่งป้าย

ในตระกูลเขา เขาถือเป็นบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์ที่แท้จริง เป็นอันดับ 1 ของวัยรุ่นยุคใหม่ในตระกูล ถูกยอมรับว่าอนาคตอาจจะมีโอกาสได้กลายเป็นราชาเทพ และนำพาตระกูลเขามุ่งไปสู่ความรุ่งโรจน์!

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขามาถึงฐานหยินหยางแล้ว กลับแพ้อย่างย่อยยับปนปี้ ความหยิ่งยโสของบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์ที่กล่าวมา ก็คงเป็นเพียงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้นแหละ

“เจ้า ขึ้นมา!”

ผู้อาวุโสหวูใช้นิ้วชี้ไปทางอีกคนหนึ่ง และผลสุดท้ายก็ยังตกรอบอยู่ดี!

มีคนตกรอบสองคนติดต่อกัน นี่จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน และสีหน้าท่าทางของผู้อาวุโสหวูกลับยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชาขึ้น

“ทุก ๆ หนึ่งพันปี ฐานหยินหยางจะเปิดให้วัยรุ่นยุคใหม่เข้าร่วมหนึ่งครั้ง ผู้ที่สามารถผ่านการประเมินด่านแรกอย่างค่ายเสวียนได้นั้น มีไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ!”

“ฐานหยินหยางจะต้อนรับเพียงอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้น ผู้ที่ไม่สามารถผ่านการประเมินผล คงอธิบายได้แค่ว่าศักยภาพความสามารถของพวกเจ้ายังไม่ถึงเกณฑ์ พรสวรรค์ย่ำแย่เกินไป!”

ผู้อาวุโสหวูพูดกระทบจิตใจอย่างไร้ความปราณี จึงทำให้ชายหนุ่มสองคนนั้นที่ไม่ผ่านการประเมินผลยืนก้มหน้า อับอายจนแทบจะไม่รู้ว่าควรมุดตัวไปหลบที่ใด

และนี่ก็คือความเป็นจริง เส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์มีกฎว่าหากดีเด่นก็ชนะดำรงอยู่ต่อไป หากด้อยก็พ่ายแพ้ถูกขับทิ้งไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เย็นชาถึงขั้นที่แทบจะไร้ความปราณี!

“เหอะ ๆ เหตุใดผู้อาวุโสหวูถึงต้องคิดเล็กคิดน้อยกับผู้น้อยด้วยเล่า”

และในตอนนี้เอง ก็มีเสียงที่แผ่วเบาเสียงหนึ่งดังพรวดพราดขึ้นมา ถัดจากนั้นก็มีแสงหลากสีปรากฏ เผยให้เห็นเงาร่างของสตรีนางหนึ่ง

สตรีดังกล่าวอยู่ในชุดเซี๋ยห้าสี รูปร่างหน้าตางดงามมาก สุดยอดมากจนไม่มีผู้ใดในยุคนี้เทียบเทียมได้

หลัวซิวเคยพบเห็นสตรีที่โฉมหน้างดงามมากจนเป็นฉนวนที่ทำให้บ้านเมืองล่มสลายมาไม่น้อย เหยียนซีโรว่และเหยียนเยว่เอ๋อร์ต่างก็เป็นผู้ที่โฉมหน้างดงามอันดับต้น ๆ เช่นกัน

แต่ทว่าถึงแม้จะเป็นสาวงามเหมือนกัน แต่กลิ่นอายและออร่ากลับแตกต่างกันมาก หญิงสาวในชุดเซี๋ยห้าสีตรงหน้านี้ ออร่าของนางดุจดั่งเทพธิดาที่แท้จริง กลิ่นอายยิ่งใหญ่จนไม่อาจคาดเดาได้ ทำให้เมื่อมองนางเพียงครั้งเดียว ก็จะทำให้คนมองรู้สึกละอายต่อพฤติกรรมของตน

คนจำนวนไม่น้อยต่างก้มหน้าลงไป ไม่กล้ามองโฉมหน้าของสตรีนางนี้

เสี้ยววินาทีที่หลัวซิวมองเห็นโฉมหน้าของสตรีนางนี้ ร่างกายเขาก็ถึงกับชะงักงันไปเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้

การฝึกปรือช่วงสุดท้ายในแดนเบญจธาตุ คู่ต่อสู้ของเขาก็คือสตรีนางหนึ่งที่อยู่ในชุดเซี๋ยห้าสี โฉมหน้าของนางเหมือนสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ทุกประการเลย

เจ้าของแดนเบญจธาตุ……ฉินเฟยเสว่?

หลัวซิวนึกความเป็นไปได้นี้ขึ้นมาได้ในทันที ถึงแม้สตรีนางนี้จะดูสาวมาก ๆ เหมือนดังหญิงสาวอายุ 20 ปี แต่นางกลับเป็นผู้แข็งแกร่งราชาเทพที่ฝึกตนมานานเป็นแสนปีแล้ว!

อย่างน้อยครั้นเมื่อนางทิ้งแดนเบญจธาตุไว้ นางเมื่อครานั้นก็เป็นราชาเทพแล้ว

“ข้าขอกราบคารวะเทพธิดาฉิน”

เมื่อผู้อาวุโสหวูเห็นสตรีนางนี้ สีหน้าท่าทางของเขาก็ดูเคารพนอบน้อมขึ้นมาทันที เขาก็เป็นผู้อาวุโสระดับราชาเทพของสำนักหยินหยางเช่นกัน แต่ดูเหมือนตำแหน่งและตัวตนของเขาจะเทียบกับฉินเฟยเสว่ไม่ติดเลย