ภาค 12 เทวกษัตริย์ไร้เทียมทาน บทที่ 1174 ตามหากษัตริย์ดารา

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

อารามคงมายาบนเขาหอเมฆาเป็นนิวาสสถานที่บำเพ็ญของประมุขอุดร ในประมุขทั้งสิบบนโลกซ้อนโลก

เยี่ยนจ้าวเกอเดินทางมาถึงที่นี่ แต่ไม่ได้ไปอารามคงมายา มาถึงในเมืองเมืองหนึ่งที่สร้างติดเขา อยู่ด้านนอกเขาหอเมฆา

เขากว่างเฉิงกับผากิเลนแห่งยอดเขาหนานเกาบนเขาคุนหลุนประกาศตัวเป็นศัตรูกัน ยามนี้พอมาถึงทิศเหนือ หากเขาเข้าไปโดยตรง ก็ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสงสัยว่าคุกคามคนให้เลือกข้าง

ก่อนหน้านี้ในตอนที่โลกซ้อนโลกไล่ล่าเสวี่ยชูฉิง ประมุขอุดรห้ามไม่ให้คนในสำนักเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นเสวี่ยชูฉิงหรือเยี่ยนจ้าวเกอต่างรู้สึกซาบซึ้ง

ดังนั้นตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่คิดสร้างความลำบากให้

ประมุขอุดรไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับใคร ไม่ก้าวก่ายการช่วงชิงใด เยี่ยนจ้าวเกอยินดีทำตาม แต่ว่าเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายอาจจะยอมยื่นหมูยื่นแมว

ดูจากเรื่องของเสวี่ยชูฉิงในหลายปีมานี้ ประมุอุดรดูจะเห็นด้วยเรื่องของจักรพรรดิประกายกาฬในตอนนั้น

ครั้งนี้ที่เขามา แม้จะไม่ได้ขึ้นเขาหอเมฆา แต่ว่าอารามคงมายาในฐานะผู้ปกครองทิศเหนือย่อมได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว

ประมุขอุดรมีปฏิกิริยาใด อีกสักครู่จะมีผลลัพธ์

เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงในเมืองเล็กๆ เมืองนั้น มองดูผู้คนเดินไปมาอย่างสงบ

ที่นี่เคยเป็นที่ที่เฟิงอวิ๋นเซิงเคยมา เยี่ยนจ้าวเกอมองทิวทัศน์และผู้คนในเมืองเงียบๆ เหม่อลอยเล็กน้อย

ไม่ทันไรเขาก็รู้สึกตัว ยิ้มเล็กน้อยและหันไปมอง เห็นเงาร่างของดรุณีในอาภรณ์สีเหลืองนางหนึ่งเข้าสู่คลองจักษุ

เป็นกวนอวี่ลั่วลูกศิษย์อารามคงมายา และเป็นหลานสาวของนักพรตกวนเค่อ ประมุขอุดรที่รู้จักกันแล้ว

“แม่นางกวน ไมได้พบกันนาง” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มทักทาย

กวนอวี่ลั่วเข้ามาใกล้ๆ พิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความสงสัย เหมือนกับเพิ่งรู้จักเขาเป็นครั้งแรก

“ท่านไม่ได้ใช้สายตาแบบนี้มองดูข้าเป็นครั้งแรก” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ทุกครั้งที่เห็นท่าน ล้วนรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักท่านอย่างแท้จริงมาก่อน” กวนอวี่ลั่วพยักหน้า “เซียนผู้ถูกเนรเทศ ผู้อาวุโสหวังแห่งผากิเลนถูก…ถูกท่าน…”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเรียบๆ “ถูกต้อง เป็นข้าทำเอง”

สายตาของกวนอวี่ลั่วยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

“เอาละ มีข่าวของอวิ๋นเซิงหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอถามขึ้นก่อน

สาเหตุที่เป็นกวนอวี่ลั่วออกหน้า เป็นเพราะว่านางคุ้นเคยกับเยี่ยนจ้าวเกอแต่แรกเพราะเฟิงอวิ๋นเซิง

ถึงแม้ด้วยสภาพในตอนนี้ หากมีคนอื่นมาเห็นว่าในอารามคงมายามีคนออกนหน้าพบเยี่ยนจ้าวเกอแล้วจะกลายเป็นปัญหา แต่เมื่อป้องกันไว้ชั้นหนึ่ง สุดท้ายก็ยังเหลือพื้นที่ให้คนอื่นๆ กริ่งเกรง ไม่กล้าฉีกหน้าโดยตรง

“ไม่มีข่าวของพี่เฟิง” อารมณ์ของกวนอวี่ลั่วพลันหม่นหมองลงมาก

นางคิดถึงเฟิงอวิ๋นเซิงยิ่ง เพียงแต่ว่าต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ นางควบคุมตัวเองไว้ เพราะรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับตัวเองแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอเกรงว่าจะทรมานยิ่งกว่า

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสงบนิ่ง กลับเป็นฝ่ายปลอบนาง “ฟ้าต้องคุ้มครองอวิ๋นเซิง”

“อืม ใช่แล้ว เสียดายที่ท่านปู่เองก็คำนวณสถานการณ์ในตอนนี้ของพี่เฟิงไม่ออก” กวนอวี่ลั่วถอนใจคำหนึ่ง จากนั้นก็ปลุกปลอบจิตใจ มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างจริงจัง ลดเสียงเอ่ยว่า “ในตอนที่ข้าออกมาจากสำนัก ท่านปู่ได้กล่าวประโยคหนึ่ง คนอยู่ที่นี่ แต่ไม่ทราบอยู่ที่ไหนกันแน่”

คำพูดที่ฟังดูเหมือนไม่มีต้นสายปลายเหตุ เยี่ยนจ้าวเกอกลับเข้าใจความหมายในชั่วพริบตา

แม้ประมุขอุดรจะดูแก่ชรา อายุขัยใกล้หมดสิ้น เหมือนพร้อมจากไปได้ทุกชั่วขณะ แต่ความจริงแล้วจิตใจและสายตากลับกระจ่างแจ้ง เข้าใจเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี

เขากว่างเฉิงกับผากิเลนยอดแห่งเขาหนานเกาบนเขาคุนหลุนเป็นศัตรูกันอย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะมีกษัตริย์กระบี่อยู่เบื้องหลัง แต่เมื่อเผชิญกษัตริย์ดินและกษัตริย์เร้นลับพร้อมกัน แรงกดดดันย่อมหนักหน่วง

พวกเยี่ยนจ้าวเกอต้องคิดหาวิธีวางแผน อาจจะดึงกษัตริย์ลี้ลับและจักรพรรดิน้ำพุในมรกตท่องฟ้ามาสนับสนุนได้ แต่ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ ย่อมไม่อาจกระทำ

ถ้าดึงมรกตท่องฟ้าเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องภายในของโลกซ้อนโลก สถานการณณ์จะเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ กษัตริย์กระบี่ใช่ว่าจะยินดี

ถึงแม้ยังคุยกับกษัตริย์ลี้ลับกับจักรพรรดิน้ำพุได้ แต่เขากับยอดฝีมือระดับสุดยอดคนอื่นๆ ของมรกตท่องฟ้ามีความสัมพันธ์เลวร้ายสุดขีด ถึงขั้นที่บอกว่าเพาะเป็นความแค้นล้ำลึกดุจห้วงสมุทรได้

หากไม่หาคนจากภายนอกมาสนับสนุน ต้องการความช่วยเหลือที่มีกำลังมากพอในโลกซ้อนโลก เช่นนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพวกเยี่ยนจ้าวเกอมีเพียงหนึ่งเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย

กษัตริย์ดาราที่ถูกจัดอยู่ในสามกษัตริย์ก่อนหน้ากษัตริย์กระบี่!

ในอดีตเขาเคยเป็นราชันพระพุทธหนึ่งในเก้านพเคราะห์คุนหลุน มีความสัมพันธ์ล้ำลึกและสนิทสนมกับราชันพระศุกร์เยี่ยนซิงถาง ปู่ของเยี่ยนจ้าวเกอ

ในหลายปีมานี้ คนส่วนใหญ่บนบนโลกซ้อนโลกลืมกษัตริย์ดาราไปแล้ว แต่ประมุขอุดรจะต้องไม่ลืม

ประมุขอุดรเป็นผู้ทราบเรื่องการหายไปของกษัตริย์ดารา

เนื่องจากเป็นไม่กี่คนในประมุขทั้งสิบที่มีวัยวุฒิมากที่สุด และมีอายุเยอะที่สุด ประมุขอุดรเคยอยู่ในยุคของกษัตริย์ดารา และทราบว่าสุดท้ายเขาหายตัวไปในที่ราบหิมะในทิศเหนือ

ในฐานะผู้ปกครองเขตราตรีอุดร สิ่งที่เขารู้ย่อมมีมากกว่าประมุขคนอื่นๆ

แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้

สาเหตุและรายละเอียดอย่างเป็นรูปธรรมในการการหายไปของกษัตริย์ดารา เขาก็ทราบจำกัดเช่นกัน

ดังนั้นจึงกล่าวว่า ‘คนอยู่ที่นี่ แต่ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหน’

สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ นี่ย่อมไม่อาจทำให้เขาตามหากษัตริย์ดาราได้ แต่เขาเข้าใจถึงความนัยในระดับที่ลึกยิ่งกว่าของประมุขอุดรแล้ว

การหายไปของกษัตริย์ดาราเกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับนพยมโลกจริงๆ ความจริงและรายละเอียดในนี้ บนโลกซ้อนโลกในปัจจุบันมีอาจจะมีแค่สามกษัตริย์ จักรพรรดินี และหวังเจิ้งเฉิงที่เสียชีวิตไปแล้วถึงจะรู้

คนอื่นๆ อย่าว่าแต่ประมุข แม้แต่พวกจักรพรรดิไร้จำกัดและจักรพรรดิเอกภพก็น่าจะไม่ทราบรายละเอียดเช่นกัน

ที่ประมุขอุดรทราบเบาะแสส่วนหนึ่งได้ เป็นเพราะเขาเฝ้าเขตราตรีอุดร

‘ถือเป็นเรื่องดี เราไม่ทราบรายละเอียด คนอื่นก็อาจไม่ทราบเช่นกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวในใจ ‘แม้จะคิดออกว่าข้าจะตามหากษัตริย์ดารามาช่วยเหลือ ก็ไม่อาจเสี่ยงขัดขวาง’

กษัตริย์ดินยังไม่กลับมา กษัตริย์เร้นลับเข้าฌาน หวังเจิ้งเฉิงที่อาจเป็นตัวขัดขวางก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอเชือดทิ้งด้วยมือตัวเองไปแล้ว

ประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัว ปัจจัยที่ไม่แน่นอนเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ครอบครองคัมภีร์เกิดนภา สามารถดูอดีตและอนาคตได้

แต่ว่าพลังฝึกปรือของกษัตริย์ดาราสุดที่จักรพรรดิแพรจะเทียบเคียงได้ เฉินเฉียนหัวหากคิดจะตรวจสอบเรื่องของกษัตริย์ดารา สิ่งที่ได้ไปจะมีน้อยยิ่ง

ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาจะได้ทราบการคงอยู่ของฉู่หลีหลีจากหวังเจิ้งเฉิงมาแล้ว ต่อให้คิดจะจัดการทางฉู่หลีหลี ทว่าก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บจากคมดาบของเยี่ยนตี๋ ก็จำเป็นต้องพักรักตัวเงียบๆ ในระยะเวลาสั้นๆ

เยี่ยนจ้าวเกอจึงมีเวลา สามารถอาศัยโอกาสนี้ไปตามหากษัตริย์ดารา

ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตัวก็คือ จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงจะเปลี่ยนฝ่ายอย่างกะทันหันหรือไม่

เยี่ยนจ้าวเกอบอกลากวนอวี่ลั่ว ออกจากเมืองเล็กๆ เมืองนั้น แล้วขึ้นเหนือต่อ เหยียบย่างเข้าสู่ฟ้าน้ำแข็งแดนหิมะของทางเหนืออีกครา

ชายหนุ่มเคลื่อนไหวในพายุหิมะ ม่านตาสองข้างเปล่งแสงสีแดง

ประกายสีแดงอันคมกล้าทะลักออกมาจากในม่านตาอย่างเลือนราง ตัดมิติออก

เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งสายตามองไป ฟ้าน้ำแข็งแดนหิมะตรงหน้ามีเส้นสายสีดำมากมายที่บ้างอยู่ไกล บ้างอยู่ใกล้ บ้างคลายตัว บ้างแน่นหนาตัดสลับกัน

เส้นสายสีดำทุกสายความจริงเป็นรอยแยกของเขตแดนมิติ

เพียงแต่รอยแยกเหล่านี้ไม่เสถียร อยู่ในสภาพแตกแยกและสมานตัวสลับกันไปมา ดังนั้นจึงไม่ใช่ทางเชื่อมเขตแดนหรือบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่แท้จริง

แต่จะตามหากษัตริย์ดาราอย่างไร

ในตอนที่ออกตามหาเฟิงอวิ๋นเซิง เพราะอาศัยการช่วยเหลือของประมุขอุดร จึงกำหนดอาณาเขตบริเวณหนึ่งได้ก่อน และตามหาในบริเวณที่จำกัด

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าหากไล่หาไปตามแต่ละเส้นสาย ต่อให้ใช้เวลาตามหาหลายสิบหรือหลายร้อยปีก็เกรงว่าจะไม่พอ

………………..