มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1358

หลัวซิวส่ายหน้าไปมา รู้สึกว่าการประเมินผลของค่ายเสวียนหยินหยางยากยิ่งมากเกินไป เขารู้สึกว่าผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบ หรือผู้ที่มีผลการประเมินดีเด่นนั้น น่าจะได้รับการถ่ายทอดสืบสานกฎหยินหยางก่อนที่จะมาฐานหยินหยางแล้ว

ถึงแม้จะเป็นหลัวซิวที่มั่นใจในความสามารถในการตระหนักรู้ของตัวเองมาก ๆ หากไม่มีพื้นฐานกฎความตาย เขาก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกันว่าในระยะเวลาสิบวัน การที่ได้รับผลสำเร็จจากฐานหยินหยางเพียงเล็กน้อยนั้นก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

“ตราทวยมรณะ!”

หลัวซิวใช้กฎความตายโคจรพลังอมตะ ถึงแม้แดนกฎความตายของเขายังบรรลุไม่ถึงระดับกฎดั้งเดิมก็ตาม แต่ทว่าพลานุภาพของตราทวยมรณะหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะทำให้การโจมตีของเขาเทียบทัดกับผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงปลายได้แล้ว

ซึ่งนี่เป็นการใช้สอยพลังอมตะ ยิ่งเป็นพลังอมตะที่ประณีตสวยจิตรมากเท่าไหร่ ก็จะสามารถทดแทนความแตกต่างทางด้านแดนกฎและผลการฝึกตนของทั้งสองฝ่ายได้

เขามุ่งหน้าเดินตรงไปเรื่อย ๆ สังหารคู่ต่อสู้ไปทั้งหมด 14 คนติดต่อกัน ระยะเวลาที่ใช้ไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

และในตอนนี้เอง คู่ต่อสู้ก็ปรากฏข้างหน้า เป็นชายในเกราะนักยุทธ์สีดำคนหนึ่งอีกเช่นเคย แต่ทว่าผลการฝึกตนของเขากลับบรรลุถึงเทพมารขั้น 7 แล้ว แดนกฎไท่หยินดั้งเดิมก็บรรลุถึงขั้น 1 ช่วงปลายเช่นกัน

การฝึกปรือของค่ายเสวียนหยินหยาง สำหรับผู้อื่นแล้วระดับความยากของมันเหมือนดั่งยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ

แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว ตลอดขั้นตอนการฝึกปรือนั้นผ่อนคลายและสบายมาก ๆ

คู่ต่อสู้ห้าหกคนเมื่อก่อนหน้านี้ เขาใช้เพียงมังกรกระบี่ไท่หยินก็สามารถกำจัดฝ่ายตรงข้ามไปได้อย่างง่ายดายแล้ว ศักยภาพของคู่ต่อสู้คนหลัง ๆ ยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ทว่าคู่ต่อสู้เหล่านั้นก็ต้านทานพลานุภาพหนึ่งของตราทวยมรณะไม่ได้อยู่ดี

ผลการฝึกตนของเขาไม่สูง แดนกฎก็ไม่สูง แต่กำลังรบกลับแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะด้านการใช้สอยพลังอมตะ หมื่นจักรวาลไร้รูปเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างไม่อาจคาดการณ์ได้ ด้านความลึกลับและมหัศจรรย์ของพลังอมตะที่ปล่อยออกมาในชั่วพริบตาเดียว ไม่ด้อยไปกว่ามหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพเลย!

ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่า หมื่นจักรวาลไร้รูปที่หลัวซิวสร้างขึ้นมา อยู่ในระดับเดียวกันกับมหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเทพแล้ว การยึดกุมและตระหนักรู้ในพลังอมตะโลกยุทธ์ของเขาเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพ!

นี่มันความสามารถในการตระหนักรู้ที่น่ากลัวมากเพียงใด? ผลการฝึกตนอยู่เพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ แต่การตระหนักรู้ในด้านพลังอมตะกลับสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

แน่นอนอยู่แล้วว่าการที่เขามีผลสำเร็จเช่นนี้นั้น สิ่งที่เขาพึ่งพาไม่ได้มีเพียงความสามารถในการตระหนักรู้ของตัวเขาเองเท่านั้น แต่ต้องยกคุณงามความดีให้เคล็ดวิชาและวรยุทธ์ที่นับไม่ถ้วนในวัฏสงสาร รวมไปถึงการเรียนรู้พลังอมตะจำนวนมากของตระกูลหลี่ในโลกจักรภพ จากความทรงจำของร่างกลวัฏสงสาร

มีคลังสมบัติที่ใหญ่โตเช่นนี้ บวกกับความสามารถในการตระหนักรู้และพรสวรรค์ที่โดดเด่น เก่งกาจดุจปีศาจของตัวเขาเอง เขาถึงสามารถใช้การตระหนักรู้และการยึดกุมพลังอมตะโลกยุทธ์เหล่านี้บรรลุขึ้นมาถึงแดนอย่างปัจจุบันได้ มากกว่านั้นคือการตระหนักรู้และการยึดกุมในด้านพลังอมตะโลกยุทธ์ของราชาเทพทั่วไป ก็ใช่ว่าจะสามารถเทียบเคียงกับเขาได้

“ตราทวยมรณะ!”

“ตราเปิดฟ้า!”

หลัวซิวปล่อยวิชาตราประทับทั้งสองออกไปพร้อมกัน มือขวามีรูเล็ตสีดำขลับดุจหมึกปรากฏ และผนึกรวมขวานที่มีรังสีแวววาวแยงตาเล่มหนึ่งออกมาจากมือข้างซ้าย

“ตู้มม!”

คู่ต่อสู้คนที่ 15 ชายเกราะดำที่มีศักยภาพเทียบทัดกับผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสูงในโลกามนุษย์ ถูกหลัวซิวสังหารคาที่ เอาชนะได้โดยไม่ต้องพะวงใด ๆ เลยแม้แต่น้อย!

“อ่อนเกินไป ไม่มีความท้าทายเลย”

หลัวซิวค่อย ๆ ดึงมือกลับมา ค่อย ๆ เก็บพลังออร่าที่ยิ่งใหญ่รอบกายกลับเข้ามา

“พอแค่นี้เถอะ”

สังหารคู่ต่อสู้ไปแล้ว 15 คน ความสำเร็จนี้อยู่เหนือหวางยู่ซวนแล้ว บางทีผลการประเมินของหยุนจื่อซูอาจจะโดดเด่นมากกว่าตน แต่หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะแย่งชิงความเด่นจากเขา

“ข้าทำเช่นนี้ น่าจะถือว่าถ่อมตัวแล้วล่ะมั้ง?”

นึกคิดในใจ ก่อนที่หลัวซิวตะโกนเสียงดังว่าข้าขอสละสิทธิ์!

ชั๊วะ!

ภาพเหตุการณ์บริเวณรอบ ๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เขาออกมาจากภาพมายาแล้ว

“นี่เพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเอง……”

เมื่อเหล่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศได้ยินหลัวซิวตะโกนบอกว่าข้าขอสละสิทธิ์ พวกเขาก็ต่างทำหน้าแปลกใจ