เมื่อเฉียนหงเย่นเรียกสติกลับคืนมาได้ ความคิดแรกก็คือ รีบเอาเด็กคนนี้ออกให้เร็วที่สุด

เพราะงั้นเธอถามหมอว่า : “หมอ ขอสอบถามหน่อยค่ะจะสามารถนัดผ่าตัดเอาเด็กออกได้เร็วที่สุด เมื่อไหร่คะ?”

หมอเอ่ยปากพูดว่า : “ถ้าหากคุณอยากทำการผ่าตัดล่ะก็ งั้นต้องนัดเป็นสัปดาห์หน้า เร็วที่สุดก็วันจันทร์หน้า”

เมื่อเฉียนหงเย่นได้ยินว่าต้องรอถึงวันจันทร์หน้า ก็รีบลุกขึ้นทันที ถามอย่างร้อนใจว่า : “ทำไมต้องรอถึงวันจันทร์หน้าคะ ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ ฉันสามารถจ่ายให้สองเท่าได้ หรือสิบเท่าก็ได้”

ตอนนี้สถานการณ์ร้ายแรงอย่างนี้ หากยืดเวลาไปหนึ่งวันก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการถูกจับได้ เธออดไม่ได้ที่จะไม่ร้อนใจ

หมอส่ายหน้าพร้อมพูดว่า : “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่ว่าวันเสาร์อาทิตย์ทางเราจะออกไปรักษาคนไข้นอกสถานที่เท่านั้น ไม่ทำการผ่าตัด เพราะงั้นหากคุณอยากเอาเด็กคนนี้ออก ไม่ว่ายังไงก็ต้องรอถึงวันจันทร์หน้า”

“ก็ได้ค่ะ……วันจันทร์หน้าก็วันจันทร์หน้าค่ะ”

เฉียนหงเย่นสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก แม้ว่าจะร้อนรนมาก แต่ก็ทำได้เพียงยอมรับ

ถึงอย่างไร เธอก็ไม่สามารถลงมือจัดการในท้องด้วยตัวเองได้!

การเอาเด็กออกไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เหมือนตัวเองที่อายุปูนนี้แล้ว หากทำไม่ดีก็อาจจะพรากชีวิตไปด้วย……

หมอคนนั้นก็พูดอีกว่า : “อย่างนี้แล้วกัน ฉันจะให้ยา และยาทากับคุณ คุณเอากลับไปใช้เพื่อควบคุมไว้ก่อน รอหลังจากทำการเอาเด็กออกแล้ว เราจะทำการรักษาโรคทางเพศสัมพันธ์ของคุณอย่างเป็นระบบระเบียบ”

เฉียนหงเย่นพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง โพล่งพูดออกไปว่า : “งั้นก็ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ!”

หมอโบกไม้โบกมือ พูดอีกว่า : “หลังจากที่คุณกลับไปแล้วทางที่ดีที่สุดก็ให้สามีของคุณไปตรวจหน่อยนะ โรงหนองในและซิฟิลิสโดยทั่วไปแล้วเกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ถ้าหากช่วงนี้คุณได้นอนร่วมห้องกับสามี งั้นไม่แน่ว่าเป็นเขานั่นแหละที่แพร่เชื้อให้คุณ หรือว่าคุณแพร่เชื้อให้กับเขา และการแพร่เชื้อของทั้งสองโรคนี้ค่อนข้างรุนแรง เพราะงั้นจึงขอแนะนำว่าให้เขาไปตรวจดูนะ ถ้าหากพวกคุณทั้งสองล้วนแต่ได้รับเชื้อ งั้นก็รักษาพร้อมกันดีกว่านะ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ”

เมื่อเฉียนหงเย่นได้ยินประโยคนี้ในใจก็เกิดเสียงสะอึกดังกึกๆครู่หนึ่ง

ในใจของเฉียนหงเย่นรู้ดีอย่างมาก โรคนี้เป็นไปไม่ได้ที่สามีจะแพร่เชื้อให้กับตัวเอง ต้องเป็นคนคุมงานคนนั้นที่แพร่เชื้อให้ตัวเองแน่นอน

แต่ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่ตัวเองอยู่ที่ตระกูลอู๋กับสามี เพียงครู่เดียวก็อดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงเรื่องเก่าๆกัน ตอนนั้นพวกเขาสองคนกลับว่าไม่ได้มีมาตรการปกป้องใดทั้งสิ้น ตอนนี้หมอก็พูดอีกว่าสองโรคนี้มีการแพร่เชื้อที่รุนแรงอย่างมาก นั่นไม่ได้หมายความว่า สามีก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับเชื้อจากตัวเองงั้นเหรอ?

คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของเธอก็ลุกลี้ลุกลนอย่างมาก

ดูแล้วว่าวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ก็คือตัวเองจะต้องรักษาตัวเองให้หายดีก่อนที่สามีจะป่วย

เมื่อเป็นแบบนี้ ถึงตอนนั้น ถ้าหากสามีตรวจว่าเป็นโรค ก็ไม่สามารถที่จะปัดมาที่ตัวเองได้

เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ เฉียนหงเย่นก็รีบสอบถามหมอว่า : “หมอคะ ถ้าโรคนี้ของฉันรีบทำการรักษาล่ะก็ ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่คะถึงจะหายเป็นปกติ?”

“อันนี้……” หมอคิดๆแล้ว พูดอย่างลำบากใจนิดหน่อยว่า: “พูดแบบไม่ปิดบังคุณเลยนะ ทั้งสองโรคนี้จริงๆแล้วยากมากที่จะรักษาให้หายเป็นปกติ ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน ฉันคาดว่าอย่างน้อยก็ประมาณ2เดือน”

“นานขนาดนี้เลยเหรอคะ……” ในใจของเฉียนหงเย่นก็ยิ่งจมลงสู่ก้นลึก

ในเวลานี้หมอพูดปลอบใจเธอว่า : “แต่ว่าก็ไม่แน่นอนนะ สมรรถภาพทางกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็มีอาการที่ดีขึ้นเร็วอย่างมาก”

พูดแล้ว หมอก็พูดอีกว่า :“ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งคิดมากไปเลยนะ เรามานัดวันผ่าตัดให้เรียบร้อยก่อน วันจันทร์หน้าก็มาทำการผ่าตัดเอาเด็กออก หลังจากผ่าตัดเอาเด็กออกแล้วค่อยทำการรักษาอย่างเต็มที่”

เฉียนหงเย่นพยักหน้า เธอรู้ว่าตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอะไรที่ดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำการนัดหมายผ่าตัดเอาเด็กออกกับหมอในช่วงบ่ายของวันจันทร์หน้า เพิ่งจะนัดทำการผ่าตัดเสร็จ ก็รับสายที่สามีโทรศัพท์เข้ามา ที่เอ่ยปากถามว่า :“คุณหายตัวไปตั้งแต่เช้าตรู่เลยนะ ออกไปไหนเหรอ?”

เฉียนหงเย่น รีบพูดว่า : “ฉันออกมาทำธุระนิดหน่อย จะกลับไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

——–