ตอนที่ 2933

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,933 : เร่งรุด ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์!

 

 

 

แดนสวรรค์ใต้โบราณนั้น ตกทอดมาช้านาน ด้านในมีมรดกมากมายของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ที่เคยโด่งดังในอดีต

 

นอกจากนั้นแดนลับสวรรค์ใต้โบราณ ยังถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3 ระดับชั้น อันได้แก่ แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง

 

ระดับสูงนั้น มีไว้สำหรับตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว

 

ระดับกลางง มีไว้สำหรับตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ

 

สำหรับระดับต่ำนั้น เป็นเวทีสำหรับตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะ!

 

‘คราวนี้ฮ่องเต้ฝูชิวคิดจัดงานประลองสวรรค์ใต้ ก็เพราะคิดจะเฟ้นหายอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด 9 คนทั่วทั้งประเทศฝูชิว’

 

‘และยอดเซียนอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศทั้ง 9 ก็จะถูกส่งเข้าไปแสวงหาโชควาสนาและโอกาสในแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ’

 

‘แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ถึงแม้จะกล่าวว่าเป็นระดับต่ำ แต่จะอย่างไรเสียก็มีมรดกและโอกาสมากมายที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ในอดีตตั้งใจสร้างไว้ให้ชนรุ่นหลัง…ไม่เพียงแต่โอสถล้ำค่า สมุนไพรอมตะหายาก ยังมีสมบัติเยอะแยะมากมาย ไม่เว้นกระทั่งเคล็ดอมตะ วรยุทธ์อมตะและเวทย์พลัง…’

 

‘นอกจากนั้นยังมีมรดกที่อาจเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลับกลายเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ได้ในคราเดียวดั่งหนึ่งก้าวถึงฟ้า…’

 

ต้วนหลิงเทียนที่เงี่ยหูฟังเรื่องราวในโถงรวมของเหลาอาหารก็ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับงานประลองสวรรค์ใต้ และแดนสวรรค์ใต้โบราณมากมาย

 

‘อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นแดนลับระดับต่ำของแดนสวรรค์ใต้โบราณ แต่ประเทศฝูชิวก็ไม่อาจส่งคนเข้าไปได้ตามใจชอบ’

 

‘ที่ฮ่องเต้ฝูชิวต้องจัดงานประลองสรรค์ใต้ขึ้น เพื่อเฟ้นหายยอดเซียนอมตะที่ร้ายกาจที่สุด 9 คนของประเทศฝูชิว ก็บ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่าฮ่องเต้ฝูชิวนั้นมีสิทธิ์ส่งคนเข้าร่วมจำกัด ไม่อาจส่งยอดฝีมือไปเข้าร่วมได้ตามอำเภอใจ’

 

‘แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่พ้นระดับสูงๆกว่าต้องสั่งการฮ่องเต้ฝูชิวลงมาอีกที และท่าทางมันก็เป็นเหมือนนายหน้าเฟ้นหาอัจฉริยะคนหนึ่งเท่านั้น ไม่งั้นคงไม่กระตือรือร้นจะจัดงานประลองสวรรค์ใต้เพื่อเฟ้นหาอัจฉริยะจริงๆแบบนี้’

 

และเป็นดั่งที่ต้วนหลิงเทียนนคิดไม่มีผิด หากอัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนอมตะของประเทศฝูชิวสามารถรอดกลับมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำได้ ฮ่องเต้ฝูชิวจะได้รับรางวัลมากมาย

 

และตระกูลหรือขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังอัจฉริยะผู้นั้น ก็จะได้รับรางวัลจากฮ่องเต้ฝูชิวอย่างงามอีกทอด

 

‘ที่แท้พื้นที่ๆประเทศฝูชิวนี้ตั้งอยู่ ก็อยู่ในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว…คฤหาสน์เฉวียนโยวนั้นก็เป็นขุมกำลังที่สนิทสนมกับ 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของภาคกลางที่มีหน้าที่ดูแลเขตพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนของภาคกลางโดยเฉพาะ’

 

‘ส่วนขุมกำลังที่มีพลังอำนาจรองลงมาจากคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็คือ 3 นิกาย กับ 2 ตระกูลที่มีพลังอำนาจพอตัว…และยังเป็น 3 นิกาย 2 ตระกูลนี้ที่ทำหน้าที่เฝ้าทางเข้าแดนลับระดับต่ำของแดนสวรรค์ใต้โบราณ’

 

‘และเหตุผลที่ไฉน 3 นิกาย 2 ตระกูลถึงมาทำหน้าที่เฝ้าทางเข้าแดนลับระดับต่ำของแดนสวรรค์ใต้โบราณ ก็ล้วนเป็นคฤหาสน์เฉวียนโยวที่มอบหมายให้พวกมันกระทำ’

 

‘กล่าวได้ว่าในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว ถึงแม้ 3 นิกายกับ 2 ตระกูลนั่นจะไม่ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องลึกซึ้งอะไร แต่ในระดับหนึ่งก็เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก’

 

 

หลังได้ฟังเรื่องราวอยู่พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็มีเรื่องให้ครุ่นคิดไม่น้อย

 

‘ประเทศที่อยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจของคฤหาสน์เฉวียนโยว ไม่เว้นประเทศฝูชิวแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่จัดงานประลองทำนองงานประลองสวรรค์ใต้ของประเทศฝูโยว เพื่อเฟ้นหาอัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนยอมตะเหมือนกันทั้งสิ้น สำหรับประเทศฝูชิวก็ได้สิทธิ์มา 9 ที่ ส่วนแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั่น จะเปิดให้เข้าหลังจากนี้ 1 ปี’

 

‘และพอถึงตอนนั้นใครก็ตามที่สามารถรอดชีวิตกลับมาจากแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำได้ ก็จะสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมกับกองกำลังใด ในบรรดา 3 นิกาย 2 ตระกูลที่มีพลังอำนาจเป็นรองก็แต่คฤหาสน์เฉวียนโยว’

 

‘สำหรับฮ่องเต้ของประเทศตามแนวตะเข็บชายแดนนั้น หากอัจฉริยะในสังกัดประเทศตัวเองสามารถรอดออกมาจากแดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ แล้วสามารถเข้าร่วมกับขุมกำลังใดในบรรดา 5 ขุมกำลังนั่นได้ ขุมกำลังนั้นๆก็จะตอบแทนให้อย่างงาม’

 

‘เพราะเหตุนี้ ฮ่องเต้ของแต่ละประเทศตามแนวตะเข็บชายแดน จึงกระตือรือร้นเรื่องการจัดงานประลองสววรรค์ใต้กันใหญ่’

 

 

หลังได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด ในใจต้วนหลิงเทียนก็วาดแผนขึ้น

 

‘นับว่าข้ามาถึงที่นี่ได้จังหวะเหมาะจริงๆ อาศัยโอกาสนี้เข้าร่วมการประลอง ชิงสิทธิ์เข้าสู่แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั่นมา จากนั้นก็เลือกเข้าร่วมกับ 3 นิกาย 2 ตระกูลอะไรนั่น เพื่อทรัพยากรของพวกมัน’

 

ก่อนหน้านี้เหตุผลเดียวที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนเลือกเดินทางออกจากชายแดนมายังพื้นที่ภาคกลาง ก็เพื่อแสวงหาความก้าวหน้า!

 

มีเพียงแต่ขึ้นสู่เวทีใหญ่เท่านั้น ถึงจะทำให้เขาก้าวหน้ามากขึ้นกว่าเดิม

 

หลังจากเงี่ยหูฟังพลางรับประทานอาหารดื่มสุราไปเพลินๆ ยามเย็นก็มาเยือนโดยที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันรู้ตัว

 

เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว ผู้คนก็เริ่มแยกย้ายออกจากเหลา ต้วนหลิงเทียนก็ชำระเงิน จากนั้นก็พาหลิวก่วงหลินไปหาโรงเตี๊ยมที่พัก

 

“ก่วงหลิน ข้าคิดจะเข้าร่ววมงานประลองสวรรค์ใต้ที่จะจัดขึ้นหลังจากนี้อีก 1 เดือน เพื่อชิงสิทธิ์เข้าสู่แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ”

 

เมื่อมาถึงที่พักแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เรียกหลิวก่วงหลิงมากล่าวบอกแผนการว่าจะเอาอย่างไรต่อไป

 

หลิวก่วงหลินก็ไม่ได้แปลกใจกับแผนนี้ของต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด

 

เพราะตั้งแต่ตอนที่อยู่ในเหลาอาหาร มันก็สังเกตเห็นแล้วว่านายท่านผู้นี้แลดูจะสนอกสนใจเรื่องแดนลับบสวรรค์ใต้โบราณมาก

 

“น่าเสียดายที่ข้าน้อยทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะเสียแล้ว ไม่งั้นคงสามารถเข้าร่วมงานประลองสวรรค์ใต้พร้อมกับนายท่านได้”

 

พอกล่าวจบ ก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบอะไร หลิวก่วงหลินก็เอ่ยเสริมขึ้นมาด้วยสงสัยว่า “ว่าแต่นายท่าน…พลังของอุปกรณ์อมตะสิ้นเปลืองที่เหลืออยู่ในร่างท่าน มันมากพอจะให้ท่านชิงสิทธิ์เข้าสู่แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำหรือไม่?”

 

“ไม่น่าจะมีปัญหา”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบ สองตายังทอประกายสว่างวาบขึ้นมา

 

เป็นธรรมดาว่าถึงต้วนหลิงเทียนจะพูดไปแบบนั้น แต่เขาก็ไม่มั่นใจอะไรขนาดนั้น

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ต่อให้เขาจะใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ได้รับมาทั้งหมด แต่พลังของมันเต็มที่ก็เทียบได้กับขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น

 

และหนึ่งเดือนหลังจากนี้ งานประลองสวรรค์ใต้ที่วังหลวง เขาเชื่อว่าต้องมีผู้คนมาเข้าร่วมประลองมากมาย และคงยากที่เขาจะหลีกเลี่ยงการประมือกับคนอื่นๆ

 

ถึงตอนนั้นเกรงว่าคู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ขาดตัวตนยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแน่นอน และหากต้องรับมือตัวตนระดับนั้น แค่ 2 คนก็มากพอจะผลาญพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ได้รับมาหมดสิ้นแล้ว

 

‘อย่างไรเสียก็ยังพอมีเวลาเหลืออีกเดือน…ลองพยายามอย่างหนักดู ว่าข้าจะทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์หรือไม่’

 

‘หากทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ได้จริง อาศัยวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับขุนนางที่มี ก็น่าจะพอชิงตำแหน่ง 1 ใน 9 มาได้’

 

‘แต่หากไม่อาจทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ได้…คิดจะได้รับตำแหน่ง 1 ใน 9 ยอดเซียนอมตะที่ร้ายกาจที่สุดของประเทศฝูชิว ท่าทางจะยากหน่อยแล้ว’

 

เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ให้หลิวก่วงหลินกลับไปพัก เพื่อเตรียมปิดด่านบ่มเพาะพลังทันที

 

“จริงสิอีก 20 วันหลังจากนี้หากถึงเวลาลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมงานประลองสวรรค์ใต้…ตอนนั้นเจ้าช่วยไปสมัครให้ข้าที”

 

ก่อนที่หลิวก่วงหลินจะเดินออกจากห้องไป ต้วนหลิงเทียนที่ฉุกคิดอะไรขึ้นได้ ก็เอ่ยกำชับหลิวก่วงหลินเรื่องหนึ่ง

 

เขาได้ยินเรื่องนี้มาจากเหลาอาการเช่นกัน ว่าใครที่คิดจะเข้าร่วมงานประลองสวรรค์ใต้ที่วังหลววงคราวนี้ ต้องไปสมัครเข้าร่วมประลองเสียก่อน และจะเปิดให้ลงสมัครหลังจากนี้อีก 20 วัน

 

แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องไปสมัครด้วยตัวเอง ให้ผู้อื่นไปแทนก็ได้

 

“อ่อแล้วหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ก่อนที่งานประลองสวรรค์ใต้จะเริ่มขึ้น เจ้าช่วยมาปลุกข้าด้วย”

 

หลังกำชับเรื่องแรกจบ ต้วนหลิงเทียนก็กำชับเรื่องที่สองกับหลิวก่วงหลิน

 

จากนั้นเมื่อหลิวก่วงหลินออกจากห้องไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มจัดตั้งค่ายกลปิดกั้นง่ายๆที่เคยศึกษามาจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำไว้ทั่วห้องทันที

 

ทันใดนั้นภายในห้องไม่เพียงแต่จะไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดเข้าออกได้ กระทั่งกลิ่นอายพลังวิญญาณฟ้าดินหรือความเคลื่นไหวใดๆในห้อง ก็จะถูกปิดกั้นโดยสมบูรณ์

 

“ฮ่วนเอ๋อ…”

 

เนื่องจากต้วนหลิงเทียนเร่งรุดจะทะลวงให้ถึงยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ให้ได้ภายในเวลาแค่เดือนเดียว เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็จำเป็นต้องใช้ผลึกเทพ และเป็นธรรมดาว่าพอหยิบผลึกเทพออกมา ใจเขาก็อดไม่ด้ที่จะคิดถึงฮ่วนเอ๋อที่หายตัวไป…

 

หลัจากนั้นไม่นานเขาก็สบสติอารมณ์ลงได้ และเริ่มต้นบ่มเพาะพลังทันที

 

เมื่อกลืนโอสถหลัวเทียนลงท้องไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเข้มข้นรวมถึงพลังจากโอสถหลัวเทียน บ่มเพาะสั่งสมพลังอย่างขมักเขม้น มวลพลังหลั่งไหลผ่านชีพจรเซียน 99 สาย โคจรไปตามแนวทางเคล็ดอมตะ ไท่อี้สุดลี้ลับ รอบแล้วรอบเล่า เพาะสร้างเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด สั่งสมเพิ่มพูนขึ้นในร่างทุกขณะ ความเร็วในการเพิ่มพูนของพลังในร่างต้วนหลิงเทียน ยังเป็นอะไรที่น่ากลัวนัก!

 

เรียกว่าแต่ละวันที่ผันผ่าน ระดับพลังฝึกปรือในร่างของเขามีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังเป็นความเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ชัดเจน!

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลังในที่พัก บรรยากาศภายในเมืองหลวงประเทศฝูชิวตอนนี้ เรียกว่าคึกคักมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ

 

นั่นเพราะการประลองสวรรค์ใต้ครั้งนี้ ทางประเทศฝูชิวได้ทำการประชาสัมพันธ์ไว้มาก ตราบใดที่ยังเป็นตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ได้รับทราบเรื่องราว ล้วนเร่งรุดเดินทางมายังเมืองหลวงประเทศฝูชิวทั้งสิ้น

 

นอกจากนั้นยังมีตระกูลที่มีอำนาจมากมายในประเทศฝูชิว ที่เริ่มนำพายอดฝีมือขอบเขตพลังยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดมาเข้าร่วม กระทั่งหากด่านพลังฝึกปรือไม่ถึงแต่ถ้ามั่นใจในพลังฝีมือตัวเองก็สามารถเข้าร่วมได้!

 

เพราะตราบใดที่สามารถแสดงฝีมือเลิศล้ำในงานประลองสวรรค์ใต้ จนชนะติดอันดับ 1 ใน 9 ยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะของประเทศฝูชิว ก็จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเช่นกัน!

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากประสบความสำเร็ตในแดนลับระดับต่ำ จนสามารถรอดชีวิตออกมาได้ ก็จะมีสิทธิ์เลือกเข้าร่วมกับ 3 นิกาย 2 ตระกูลอันทรงพลังในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว!

 

ถึงตอนนั้นคนๆหนึ่งก็เสมือนหนึ่งก้าวถึงฟ้า กระทั่งไก่สุนัขรอบกายก็จะพลอยได้ขึ้นสวรรค์กันไปด้วย ตระกูลเอย นิกาย หรือพรรคที่เคยสังกัด ก็จะได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อย

 

ภายในพระราชวัง ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของประเทศฝูชิว

 

ส่วนหนึ่งขอพระราชวัง ตำหนักอันงดงามแลดูวิจิตรบรรจง ปรากฏร่างสตรีงดงามนั่งบนตั่งโดยมีสตรีรับใช้ 2 คนคอยปรนนิบัติพัดวีอยู่ด้านข้าง เบื้องหน้าปรากฏร่างชายวัยกลางคนในชุดนักบู๊ยืนอยู่

 

“พี่ใหญ่ โปรดระงับความเสียใจด้วย”

 

โฉมงามได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน เมื่อเห็นสภาพของชายวัยกลางคนเบื้องหน้า

 

“น้องหญิงสาม คนของเจ้ามิพบเบาะแสอันใดเลยหรือ?”

 

ชายวัยกลางคนในชุดนักบู๊เอ่ยถามเสียงสลด สีหน้าแววตาแลดูเศร้าหมองนัก

 

“ไม่เลย”

 

สตรีงามบนตั่งส่ายหัวไปมา “หลังจากที่ข้าได้รับยันต์อมตะสื่อสารของ ฮ่าวเอ๋อ ข้าก็เร่งส่งยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 5 องค์ประกอบ 2 คน กับขุนนางอมตะ 6 ผสานอีกคนออกไปทันที แต่หลังจากทั้ง 3 ไปถึงสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดก็ไม่มีผู้ใดพบเบาะแสหรือร่องรอยของฆาตกรเลย”

 

“จากนั้นทั้ง 3 ก็ได้ออกปูพรมค้นหาไปทั่วพื้นที่แถบนั้นอยู่สามวันสามคืน แต่สุดท้ายกลับไม่พบเบาะแสใดๆ”

 

“ดังนั้นหากไม่มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ออกมามอบรูปพรรณสันฐานฆาตกรให้พวกเรา…ข้าเกรงว่าพวกเราคงมิอาจจับมือใครดมได้”

 

กล่าวจบ สตรีงามก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกเฮือก

 

“เรื่องนี้หากจะโทษใคร ก็ได้แต่โทษฮ่าวเอ๋อเท่านั้น ที่มิได้บอกรูปลักษณ์อันใดของผู้ลงมือมาในยันต์อมตะสื่อสารเลย หาไม่แล้วพวกเราคงไม่เคว้งคว้างดั่งแมลงวันไร้หัวเช่นนี้…”

 

สีหน้าชายวัยกลางคนในชุดนักบู๊แลดูหดหู่นัก

 

“พี่ใหญ่ ท่านก็อย่าได้โทษฮ่าวเอ๋อเลย ถึงอย่างไรฮ่าวเอ๋อก็ตกอยู่ในห้วงเป็นตาย สามารถส่งยันต์อมตะสื่อสารมาถึงข้าว่าเกิดเรื่องที่ไหนได้ทันเวลาต่อหน้ายอดฝีมือที่น่าจะเป็นขุนนางอมตะ 4 รูปขึ้นไปได้ ก็นับว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ธรรมดาแล้ว”

 

“ในสถานการณ์คับขันเช่นนั้น ต่อให้เป็นข้าหรือท่าน เกรงว่าก็คงไม่ทันคิดเรื่องจะอธิบายรูปร่างลักษณะของผู้ลงมือเช่นกัน”

 

สตรีงามกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาอีกรอบ

 

หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่และได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน และเชื่อมโยงกับชายหนุ่มชูดหรูหน้าอัปลักษณ์ที่เขาฆ่าตายไปในแนวเทือกเขานอกเมืองหลวงประเทศฝูชิว ไม่พ้นต้องคาดเดาฐานะของสตรีนางนี้ได้ทันที

 

หนึ่งในนางสนมคนโปรดของฮ่องเต้ฝูชิว พระสนมหลัน!

 

สำหรับชายวัยกลางคนในชุดนักบู๊ที่กำลังสนากับสนมหลันตอนนี้ ฟังจากคำพูดของมันแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่ามันคือบิดาของชายหนุ่มชุดหรูหน้าตาอัปลักษณ์ที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าไป และเป็นพี่ชายคนโตของพระสนมหลัน!

(*…หมายความว่า 2 ตอนก่อนตอนที่เรียกท่านป้า ต้องแก้เป็นท่านอา)