ตอนที่ 2058 เจ้ากล้าล่อลวงข้า

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2058 เจ้ากล้าล่อลวงข้า

 

ในสายตาของพวกชายวัยกลางคนชุดเหลืองทั้งหกคน หลิงฮันนั้นคือตัวอันตรายที่สุดจึงต้องรีบกําจัดทิ้งไปก่อน และนอกจากหลิงฮันจะเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของพวกเขาแล้ว อีกฝ่ายยังช่วยคุ้มกันให้จักรพรรดินีกับฮูหนิวด้วย ทําให้กําจัดพวกนางให้ยากขึ้นไปอีก

 

แต่ถ้ากำจัดหลิงฮันที่เป็นภัยคุกคามที่สุดไปได้ ไม่เพียงแค่พวกเขาจะได้รับชัยชนะ แต่อาจจะยังจับกุมจักรพรรดินีกับฮูหนิวได้ด้วย

 

ในความคิดของพวกเขา ด้วยจํานวนคนถึงหกคนพวกเขาจะต้องกําราบหลิงอันได้แน่นอน เพราะตั้งสองฝ่ายมีความต่างชั้นของระดับพลังอยู่

 

จริงอยู่ที่ข้อเท็จจริงนี้จะใช้ได้กับกรณีของจอมยุทธทั่วไป แต่มันไม่ใช่กับหลิงฮัน

 

กายหยาบของหลิงฮันถูกขัดเกลาจนอยู่ในระดับที่ไร้เทียมทาน จนจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณไม่สามารถสร้างความเสียหายได้

 

ปัง! ปัง! ปัง!

 

ท่ามกลางวงล้อมของจอมยุทธระดับตัดวิญญาณสวรรค์สูงสุดทั้งหก หลิงฮันยังคงตอบโต้กลับไปได้อย่างต่อเนื่อง การโจมตีบางครั้งเขาไม่สามารถหลบได้ แต่การโจมตีบางครั้งก็เป็นตัวเขาเองที่คร้านจะหลบหลีก

 

เขากวัดแกว่งหมัดทั้งสองตอบโต้ด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์

 

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”

 

“หมัดของเจ้าหนูนี่รวดเร็วกว่าพวกเราอย่างน้อยสามเท่า ทําให้แม้จะมีเพียงคนเดียวก็สามารถรับการโจมตีของพวกเราได้อย่างน้อยสามคนพร้อมกัน!”

 

“สัตว์ประหลาด!”

 

พวกชายวัยกลางคนชุดเหลืองทั้งหกคนตกตะลึง พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นด้อยกว่าพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่การโจมตีของอีกฝ่ายกลับรวดเร็ว จนสามารถปัดป้องการโจมตีจากพวกเขาสามคนในหกคนได้

 

ในขณะเดียวกัน จักรพรรดินีและฮูหนิวได้ใช้จังหวะนี้ปลดปล่อยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้การโจมตีเหล่านั้นจะไม่โดนจุดตาย แต่ถ้าหากบาดแผลเล็กๆ ยังคงเกิดขึ้นใหม่เรื่อยๆ มันจะกลายเป็นบาดแผลที่สาหัสได้ในที่สุด

 

“หยุดลงมือกับเจ้าหนูนี่ แล้วไปจัดการสตรีทั้งสองก่อน” ชายวัยกลางคนชุดเหลืองคํารามเสียงดัง ณ เวลานี้เขาไม่เหลือตัณหาอยู่อีกต่อไป เมื่อเทียบกับชีวิตของตนเองแล้ว ความงดงามของสตรีจะนับเป็นอันใดได้?

 

จอมยุทธอีกห้าคนพยักหน้าและเปลี่ยนเป้าหมายในการโจมตี

 

สถานการณ์ได้หวนคืนกลับไปเป็นแบบเดิม หลิงฮันโคจรอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติและห้วงเวลาป้องกันการโจมตีให้สตรีทั้งสอง ทําให้การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายกลายเป็นไม่มีความคืบหน้าอีกครั้ง

 

หร่วนตงจ้องมองไปยังธิดาโร่วด้วยแววตาโหดเหี้ยม

 

แน่นอนว่าเขาตกตะลึงในพลังต่อสู้ของพวกหลิงฮันมาก ทั้งสามคนเป็นจอมยุทธระดับตัดวิญญาณหยางแท้ๆ แต่กลับรับมือกับจอมยุทธระดับตัดวิญญาณสวรรค์ถึงหกคนได้! แต่ทว่าตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะให้มามัวตกตะลึง เพราะถ้าหลิงฮันชนะ เขาเชื่อว่าชีวิตของเขาจะต้องจบสิ้นแน่

 

เพราะงั้นเขาจึงเพ่งเล็งเป้าหมายไปที่ธิดาโร๋ว

 

ถามว่าทําไมเขาถึงไม่เข้าร่วมสู้กับทั้งหกคนด้วยน่ะรึ? นั่นเพราะว่าพลังของเขาอ่อนแอเกินไป หากร่วมสู้ด้วยก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวกันที่ทําไมธิดาโร่วถึงไม่เข้าร่วมการต่อสู้ นั่นเพราะว่าพลังต่อสู้ของนางอ่อนแอนั่นเอง

 

แม้แต่พวกหลิงฮันก็ยังมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับตัดวิญญาณหยาง เพราะงั้นอย่างมากธิดาโร๋วก็ต้องมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับตัดวิญญาณหยางเช่นกัน

 

เขาที่เป็นจอมยุทธระดับตัดวิญญาณปฐพี และมีศักยภาพระดับราชา ย่อมสามารถกําราบธิดาโร๋วได้อย่างง่ายดาย

 

หากจับกุมตัวสตรีทรงเสน่ห์ผู้นี้ได้ พวกหลิงฮันทั้งสามคนจะต้องหวั่นไหวและพ่ายแพ้แน่นอน

 

“ตุบ” หร่วนตงกระโดดพุ่งเข้าใส่ธิดาโร๋ว

 

ธิดาโร๋วทําสีหน้าน่าสงสารและกล่าว “ได้โปรดอย่าทําร้ายข้าเลย ข้ายินดีจะทําทุกอย่างเพื่อเจ้า!”

 

หร่วนตงเลือดสูบฉีดทันที น้ําเสียงของธิดาโร๋วนั้นอ่อนหวานจนทําให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนถูกดาบ สียบแท่งเข้าใส่กระดูก แถมคําพูดที่ว่าจะยอมทําทุกอย่าง” ของนางก็ทําให้สมองของเขาเพ้อฝันจินตนาการไปไกล

 

ธิดาโร๋วก้าวเดินเข้าหาหร่วนตงอย่างเย้ายวน เอวของนางบิดไปมาราวกับอสรพิษ จนทําให้ผู้คนที่จ้องมองรู้สึกเคลิบเคลิ้ม

 

หร่วนตงราวกับสติหลุดออกจากร่าง เขารู้ว่าจิตใจของตนเองเกิดความผิดปกติ แต่ก็เขาก็มีความสุขกับภาพที่เห็นตรงหน้ามากจนไม่ต้องการทําการต่อต้านใดๆ

 

“เจ้าโง่!”

 

เสียงเย้ยหยันดังขึ้นและจู่ๆ หร่วนตงก็รู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอก สติของเขาหวนกลับมาและพบที่หน้าอกของตนเองมีใบมีดแหลมคมปักอยู่ที่หัวใจ

 

สําหรับปรมาจารย์ระดับแบ่งแยกวิญญาณ ต่อให้หัวใจแหลกสลายจะยังไม่ถึงกับสิ้นชีพ แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นบาดแผลที่สาหัส

 

หร่วนตงเกรี้ยวกราดและกล่าวด้วยน้ําเสียงหนักอึ้ง “จิ้งจอกมาร เจ้ากล้าล่อลวงข้ารี!”

 

ธิดาโร๋วเผยสีหน้าเสียใจ ตอนแรกนางตั้งใจจะแทงเข้าที่ช่วงศีรษะเพื่อทําลายห้วงจิตวิญญาณให้อีกฝ่ายสิ้นชีพไปในทันที แต่จุดตายนั้นเป็นตําแหน่งที่ไวต่อภัยอันตรายมากเกินไป นางจึงกลัวว่าอีกจะดึงสติกลับมาได้ทัน และแทงเข้าที่หัวใจแทน

 

นี่เป็นเพราะทักษะยั่วยวนของนางยังไม่สูงพอ ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้นางใช้มีดทิ่มแทงไปยังห้วงจิตวิญญาณของหร่วนตง สีหน้าของอีกฝ่ายก็จะยังอยู่ในสภาพที่ยิ้มแย้มอยู่

 

หร่วนตงใช้มือกุมหน้าอกเพื่อระงับความเจ็บปวด มีดที่ธิดาโร๋วใช้ทิ่มแทงใส่เขาคืออุปกรณ์กึ่งนิรันดร์สี่ดาว บาดแผลที่เกิดขึ้นจึงไม่สามารถฟื้นฟูได้ง่ายๆ แถมยังทําให้พลังต่อสู้ของเขาลดลงด้วย

 

“ต่อให้ข้าบาดเจ็บ ข้าก็ยังสามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย!” เขาคํารามและโจมตีใส่ธิดาโร๋วด้วยดวงตาที่แดง

 

“อย่าได้ฝัน” ธิดาโร๋วกล่าวอย่างเหยียดหยาม บุรุษที่รังแกสตรีที่อ่อนแอกว่าเช่นนี้ คือบุรุษประเภทที่น่ารังเกียจมากที่สุด

 

ปัง! ปัง! ปัง! ทั้งสองเข้าปะทะน้ําปั่นกัน

 

แต่เดิมหร่วนตงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง แต่เพราะบาดแผลที่ได้รับทําให้พลังต่อสู้ลดลงหลายส่วน เขาจึงไม่สามารถกําราบหรือสังหารธิดาโร๋วได้ในทันที

 

หร่วนตงเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก เขาสาบานว่าถ้าจับธิดาโร๋วทั้งเป็นได้ เขาจะข่มขืน นางจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ตัวเขานั้นตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ไม่เคยถูกสตรีหลอกมาก่อน แถมการหลอกลวงก็ยังทําให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย

 

ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของหร่วนตง สถานการณ์ของธิดาโร๋วค่อยๆ ย่ําแย่ลงเรื่อยๆ นางเริ่มถูกกําราบอย่างสมบูรณ์ และแม้แต่จะป้องกันตัวก็แทบจะทําไม่ได้อีกต่อไป

 

“ฮ่าๆๆ มาดูว่าเจ้าจะหลบการโจมตีนี้ได้อย่างไร!” ในที่สุดหร่วนตงก็ไล่ต้อนธิดาโร๋วจนมุม เขา เผยท่าทางหยิ่งทะนงและดันฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกของธิดาโร๋ว ไม่เพียงแต่เขาต้องการที่จะจับสตรีผู้นี้ทั้งเป็นเท่านั้น แต่เขายังต้องการกู้ยี่ปู่ย่านางอีกด้วย

 

เปลวเพลิงปะทุอยู่ภายในดวงตาของเขา และดันฝ่ามือเข้าใส่อย่างไม่ปรานี

 

“พรึบ” ฝ่ามือถูกผลักออกไป

 

หืม… อะไรกัน ทําไมฝ่ามือเขาถึงคว้าโดนแต่เพียงความว่างเปล่า?

 

หร่วนตงตกตะลึงก่อนจะรู้สึกตัวว่าข้อมือของเขาถูกใครบางคนคว้าเอาไว้อยู่ ทําให้การคว้าจับไปที่หน้าอกของธิดาโร๋วล้มเหลว

 

และคนที่คว้าข้อมือของเขาเอาไว้ก็คือ… หลิงฮัน!

 

ไม่ใช่ว่าหมอนี่กําลังสู้อย่างดุเดือดอยู่กับอีกคนหกงั้นรึ?

 

หรือว่า!

 

หร่วนตงรีบหันหน้าไปมอง ภาพที่เขาเห็นก็คือกลุ่มของชายวัยกลางคนชุดเหลืองทั้งหกคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น บางคนร่างถูกตัดเป็นสองส่วน บางคนร่างถูกตัดเป็นหกส่วน และบางคนร่างถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อนับไม่ถ้วน จนแม้กระทั่งกระดูกก็ไม่หลงเหลือให้เห็น

 

จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้าน และรู้สึกขาอ่อนไร้เรี่ยวแรง