ในตอนที่บรรยายถึงเรื่องราวในอดีตให้กษัตริย์ดาราฟัง เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้อรรถาธิบายอะไรมาก ใช่น้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
กษัตริย์ดาราก็ไม่ได้ให้เยี่ยนจ้าวเกอรอคอย
“ไม่ว่าในอดีตที่เกี่ยวกับอิ่นเทียนเซี่ยกับหูเยว่ซิน หรือกับครอบครัวของพวกเจ้าในวันนี้ ข้าไม่เคยเห็นด้วยกับความเห็นของผากิเลน” กษัตริย์ดารากล่าวอย่างเฉื่อยชา
เขาพยักหน้าก่อน จากนั้นกลับส่ายหน้า “น่าเสียดายไม่ว่าเป็นเรื่องไหน ข้าก็ไม่สะดวกสอดมือ ในอดีตเป็นเช่นนี้ ปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้”
ก่อนหน้านี้เพราะได้รับการเตือนจากจักรพรรดินี ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ได้ผิดหวังอะไรนัก
“กษัตริย์ดารา ท่าน…ไม่อาจออกจากที่แห่งนี้หรือ” ชายหนุ่มมองกษัตริย์ดารา พลางถามเสียงเบา
“ถูกต้อง” กษัตริย์ดารามีสีหน้าแน่วแน่ บนหน้าผากของเขาค่อยๆ ปรากฏร่องแยกที่เหมือนกับบาดแผลสายหนึ่ง ในบาดแผลมีแสงสีน้ำเงินที่บัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ
พอรอยแผลนี้ปรากฏขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอพลันรู้สึกว่าเหมือนได้กลับสู่นพยมโลก!
ทิวทัศน์ของโลกฟ้าน้ำแข็งแดนหิมะตรงหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่กลับเกิดความรู้สึกบิดเบี้ยวที่น่ากลัวชนิดหนึ่ง ฟ้าดินกลายเป็นหุบเหวสีขาว กลืนกินท้องฟ้า
“กษัตริย์ดารา…” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วขึ้น
บุรุษที่ถูกแช่แข็งในเสาน้ำแข็งยิ้มเล็กน้อย แสงสีน้ำเงินบนหน้าผากหายไป รอยแผลสมานตัว ผิวหนังเรียบลื่นเหมือนเดิมคล้ายไม่มีรอยแผลใดๆ
“ตัวเลือกที่ข้าได้เลือก ไม่ว่าตอนนี้สภาพการณ์จะพัฒนาไปอยางไร ข้าจำเป็นต้องรับผิดชอบ” กษัตริย์ดารากล่าวอย่างราบเรียบ “การติดอยู่ที่นี่ในตอนนี้เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้”
เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก “กษัตริย์ดารา มารที่ท่านสะกดดูจะไม่ธรรมดา”
กษัตริย์ดาราผงกศีรษะ “ไม่ผิด เป็นมารน้ำกุ่ย คราก่อนตอนตามหาโอกาสเกิดใหม่หลังดับสูญ ขาดเพียงก้าวสุดท้ายก็จะคืนชีพสำเร็จ ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าคงไม่ติดอยู่ที่นี่”
“เป็นอย่างที่คิดไว้…” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง
มารน้ำกุ่ย เป็นจอมมารที่ถูกจัดอยู่ในหกสุดยอดมารในสิบสองมารสวรรค์ หนึ่งในมารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า
ถ้าหากคืนชีพ กลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ ต่อให้สำนักเต๋ามีเทพเจ้ามากมายก็ยากจะสยบได้
ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา มันเคยให้กำเนิดร่างแปลงมารมากมายเช่นมารน้ำแข็ง มารน้ำ มารหมอก มารโลหิต ส่วนใหญ่โหดเหี้ยมสุดขีด มีบารมีสั่นสะท้าน
มารระดับหกสุดยอดมาร แต่ละตัวต่างเป็นผู้นำแห่งวิถีมาร มีพลังเหี้ยมหาญ มาตรแม้นจะดับสูญ แต่ถ้าได้โอกาสสิงร่างที่เหมะสม ก็ความเป็นไปได้ที่จะคืนชีพ
เพียงแต่ว่าก่อนจะคืนชีพ หรือตอนที่กำลังจะคืนชีพ พลังจะยังไม่อยู่ในระดับพร้อมสมบูรณ์ จำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นฟูระยะหนึ่ง
ครั้งกระโน้นมารกระบี่อินสือหยางหลังจากกลายเป็นมาร ก็ท้าเทพกระบี่สู้เยี่ยนซิงถางอีกครั้ง
ถึงแม้พลังของเขาจะเพิ่มระดับขึ้น แต่ยังต่างจากมารทองแกที่อยู่ในสภาพพร้อมสมบูรณ์ราวฟ้ากับเหว
สุดท้าย มารทองแกเพิ่งจะคืนชีพก็ต้องดับสูญใหม่ ถือว่าเป็นชะตาลิขิต
ช่วงเวลาเพิ่มพลังของร่างแปลงจอมมารบ้างยาวบ้างสั้น เกี่ยวข้องกับความสูงต่ำในพลังฝึกปรือของร่างสถิตซึ่งกลายเป็นร่างแปลงของจอมมาร
ยิ่งร่างสถิตมีพลังฝึกปรือสูง เวลาที่ต้องใช้ย่อมต่ำลง แต่ว่าต่อให้มากอย่างไร ก็ยังเร็วกว่าเส้นทางการฝึกฝนอื่นๆ แสงพุทธของสุขาวดี แสงวิเศษของโถงเซียนล้วนแต่สู้ไม่ได้
แน่นอนว่า นี่สืบเนื่องจากพลังฝึกปรือก่อนที่จอมมารจะดับสูญแข็งแกร่งเกินไป จอมมารเช่นนี้มีจำนวนจำกัด
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ถ้าหากกลายเป็นร่างสถิตที่จอมมารแปลงเป็นร่างสำเร็จ ก็จะกลับคืนสู่ระดับสูงสุดอย่างรวดเร็ว
มารน้ำกุุ่ยยังไม่คืนชีพอย่างแท้จริง ดังนั้นกษัตริย์ดาราจึงยังสะกดสำนึกมารนี้ได้ แต่ว่าตัวเขากลับได้แต่ต้องอยู่ที่นี่
“ที่แห่งนี้อยู่ใกล้นพยมโลก สำนึกมารกำเนิดขึ้นง่าย ยินยอมผนึกอยู่ที่นี่กลับไม่ใช่บนโลกซ้อนโลก…” เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดพลางกล่าว “เป็นเพราะที่แห่งนี้อยู่ระหว่างนพยมโลกและโลกมนุษย์ วิญญาณหลอนกับหมอกสว่างเชื่อมต่อกัน กลับก่อให้เกิดสมดุลบางอย่างหรือ”
กษัตริย์ดารามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างชื่นชม “อายุน้อยถึงเพียงนี้ กลับมีความรู้ถึงเพียงนี้ หายากจริงๆ”
เขาพูดพลางส่ายหน้า “ในตอนนั้นเส้นทางการกลับมาของมารน้ำกุ่ยตนนี้อยู่บนครรลองที่ถูกต้อง พูดให้ถูกต้องคือยากจะขัดขวางการฟื้นคืนชีพของมัน”
“ข้าลองฝืนดู โชคดีที่สำเร็จ แต่ถ้าอยู่บนโลกซ้อนโลก ถึงแม้จะผ่อนคลายมากกว่า แต่เกิดมารตนนั้นตัดสินใจ ตัดเจตจำนงการคืนชีพของตัวเอง อาจทำให้นพยมโลกกัดกินโลกซ้อนโลก”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็พยักหน้า
ต่อให้ไม่ได้คืนชีพอย่างแท้จริง แต่ว่าหากมารที่ถูกจัดอยู่ในหกสุดยอดมารสละร่าง ความใหญ่โตของร่องแยกนพยมโลกที่ฉีกออกอาจถึงขั้นที่อาจจะกลืนโลกซ้อนโลกทั้งใบเข้ามาในนพยมโลกได้
“การอยู่ในมิติที่เป็นพรมแดนระหว่างโลกมนุษย์และนพยมโลกนี้ จะไม่ส่งผลอันตรายต่อโลกซ้อนโลกชั่วคราว จอมมารตอนนี้ไม่อาจเกิดเจตจำนงสละร่าง”
เป็นเพราะว่าได้ไม่คุ้มเสีย ไม่อาจส่งผลคุกคามโดยตรงต่อพวกกษัตริย์ดาราได้มากพอ ด้วยเหตุนี้ สองฝ่ายจึงอยู่ในสภาพยื้อยันกันเช่นนี้ ซึ่งการฉุดดึงนี้กินเวลานับร้อยนับพันปี
ในอดีต กษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงซึ่งเป็นสามกษัตริย์แรกสุดของโลกซ้อนโลก หายสาบสูญไปจากโลกซ้อนโลก ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีก
สะกดจอมมมารในมิติที่อ้างว้างนี้ตัวคนเดียว พันวันเหมือนวันเดียว
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะคิดในแง่ร้ายไว้แล้ว แต่ก็ยังอดผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้
กษัตริย์ดาราไม่อาจลงมือช่วยเหลือได้จริงๆ
ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากช่วย แต่เป็นเพราะติดอยู่ที่นี่ ไม่อาจแบ่งสมาธิมาดูแลเขาได้
“มารน้ำกุ่ย เป็นหนึ่งในสิบสองเทพมารสวรรค์ ผู้นำแห่งวิถีมาร การคืนชีพของมันจะต้องส่งผลต่อจิตใจของเหล่ามารในนพยมโลก” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านอยู่ที่นี่คนเดียว ดูไร้กำลังไปกระมัง”
กษัตริย์ดาราส่ายหน้า “นั่นหาเป็นไรไม่ ปัจจุบันในสภาพการณ์เช่นนี้ นอกจากว่ามารน้ำกุ่ยจะละทิ้งร่าง ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่อาจติดต่อกับมารตนอื่นในนพยมโลกได้”
สถานการณ์ของมารน้ำกุ่ยค่อนข้างมีความพิเศษ เดินอยู่บนเส้นทางคืนชีพแล้ว กลับถูกขวางไว้กลางทาง ขึ้นไม่ได้ลงไม่ได้
“กษัตริย์ดารา อภัยที่ผู้เยาว์เสียมายาทถาม…” เยี่ยนจ้าวเกอถามเสียงเบา “ท่าน…ใช่เป็นร่างสถิตที่มารน้ำกุ่ยใช้แปลงร่างหรือไม่”
กษัตริย์ดาราในเสาน้ำแข็งมีสีหน้าอ่อนโยน ไม่ตะขิดตะขวาง “ร่างของข้าเป็นร่างสถิตของจอมมารตนนั้นจริงๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอเกือบจะโพล่งถามเขาว่า ฉู่หลีหลีใช่กลายเป็นร่างสถิตของมารน้ำกุ่ยเหมือนกันหรือไม่ แต่คำพูดมาถึงริมปากแล้ว เขากลับต้องฝืนกลืนกลับไป
ถึงแม้จะอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวในวันวานยิ่ง แต่ถ้าอีกฝ่ายบอกเล่าเอง เขาก็ยินดีฟัง ถ้าอีกฝ่ายไม่เล่า แล้วเขาถามไถ่ต่อหน้า ออกจะไร้มารยาทไป
ต่อให้ทั้งสองฝ่ายจะมีความสัมพันธ์อันดี เนื่องจากความสัมพันธ์ของท่านปู่ แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่ว่าจะถามได้ตามใจชอบ
เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา เปลี่ยนเป็นพูดว่า “หากไม่ใช่จักรพรรดินีนำทาง ผู้เยาว์ยากจะมีโอกาสพบท่าน แต่ว่า เมื่อครู่จักรพรรดินีคล้ายมีธุระอยู่ ไม่คิดจะลงมาพร้อมกับผู้เยาว์…”
“ถึงแม้ข้าไม่อาจปลีกตัวไปช่วยได้ ทว่า…” กษัตริย์ดาราเงียบงันไปสักพัก ไม่ได้กล่าวต่อจากคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่เปลี่ยนหัวข้อทันทีว่า “ถ้าพวกเจ้าไม่คิดออกจากโลกซ้อนโลก เช่นนั้นก็สามารถหาคนอื่นมาลงมือช่วยเหลือได้”
………………..