เมื่อแรกอรุณรุ่งสาดส่องลงมาจากเวิ้งฟ้า ก็สาดส่องนครต้องห้ามที่หลับใหลในรัตติกาล
สำหรับคนธรรมดามากมายแล้ว วันใหม่นี้ไม่ต่างอะไรกับแต่ก่อน
แต่สำหรับสังคมชั้นสูงทั้งนครต้องห้ามแล้ว…
วันใหม่นี้เป็นเพียงการเปิดฉากของพายุเท่านั้น!
ข่าวเมื่อคืนมีเพียงขุมอำนาจชั้นยอดถึงล่วงรู้ และตอนนี้ขุมอำนาจทั้งใหญ่น้อยเหล่านั้นต่างรู้ชัดแล้ว
ตระกูลจั่วและฉิน สองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงประสบภัย ผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลสิบเก้าคนถูกสังหาร ข่าวชุดนี้เดิมก็ปิดไว้ไม่อยู่ เหมือนภูเขาไฟที่สะสมแรงเอาไว้นานแล้วปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์ในวันใหม่นี้
ตอนนี้ต่อให้เป็นขุมอำนาจที่เชื่องช้าแค่ไหนก็รู้ว่านครต้องห้ามลมฟ้าแปรผัน จักรวาลเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหลินสวินกลับมาแล้ว!
……
และตอนนี้ ทั้งคนบนล่างในตระกูลหลินต่างยังเฝ้ารอข่าวคราว
ฟ้าสว่างแล้ว
ภายในโถงใหญ่ภูเขาชำระจิตเหล่าคนชั้นสูงในตระกูลหลินนั่งรออย่างเซื่องซึมทั้งคืน
เพราะพญาแร้งกับหลินจงสั่งไว้ว่าไม่อนุญาตให้ลูกหลานตระกูลหลินออกไปข้างนอก ถึงกับทำให้ในคืนนี้พวกเขาเหมือนตัดขาดจากโลก ไม่ได้ข่าวคราวใดๆ เลย
แต่การกลับมาของหลินสวินเหมือนแสงปลุกเร้าใจคน ตัดหมอกดำในใจคนตระกูลหลินทุกคน
หลายปีมานี้สถานการณ์ตระกูลหลินเลวร้ายมากจริงๆ เฉียดใกล้ความพังพินาศ
การกลับมาของหลินสวินทำให้คนในตระกูลหลินทุกคนเห็นความหวังอีกครั้งหนึ่ง!
“ผู้นำตระกูลออกไปข้างนอกคนเดียว ตกลงจะไหวรึเปล่านะ”
มีคนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“ผู้นำตระกูลน่าจะไปหาองค์ชายสามที่พระราชวัง และมีเพียงองค์ชายสามที่อาจจะกดข่มความจองหองของตระกูลจั่วและฉินได้”
มีคนวิเคราะห์อย่างเยือกเย็น
“ไม่ว่าอย่างไรผู้นำตระกูลกลับมาก็เป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งอยู่ดี ต่อให้สถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน เหตุการณ์ย่ำแย่เพียงใด พวกเราทุกคนร่วมกันเผชิญหน้าก็พอแล้ว”
…พญาแร้งกับหลินจงฟังเสียงสนทนาของทุกคนอยู่ เงียบเชียบไม่พูดจา มีเพียงพวกเขาที่รู้ดีว่าหลินสวินออกไปทำอะไร!
“ผู้นำตระกูล!”
ทันใดนั้นมีคนร้องออกมา ด้วยมองเห็นเงาร่างของหลินสวินอยู่นอกห้องโถงในตอนนี้
ชั่วครู่เดียวทุกคนก็ผุดลุกขึ้น ใบหน้าเจือความหวัง กวาดสายตามองไปยังหลินสวินที่กลับมาท่ามกลางแสงอรุณชโลมกาย
“ทุกคนไม่ต้องกังวลอีกแล้ว คลี่คลายหมดแล้ว” หลินสวินยิ้มไปพูดไป
คลี่คลายหมดแล้วหรือ
ทุกคนอึ้งไปเป็นอย่างแรก แล้วทันใดนั้นทั้งตำหนักชำระจิตก็ดังสนั่นหวั่นไหว ถูกเสียงต่างๆ เข้าแทนที่
บางคนตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้น
บางคนตบหน้าตักยินดีปรีดาจนร้องไห้
บางคนหัวเราะร่า บางคนกู่ร้องเสียงดัง และยังมีบางคนน้ำตานองหน้า
ในช่วงหลายปีมานี้ตระกูลหลินถูกพายุฝนโหมซัด สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน มีแต่อันตรายที่สามารถทำลายตระกูลได้ ส่งผลให้จิตใจของแต่ละคนเหมือนมีหินก้อนยักษ์หนักอึ้งกดทับจนแทบจะหายใจไม่ออก
และตอนนี้เพราะคำพูดเดียวของหลินสวิน ความรู้สึกที่เก็บกดอยู่ในใจคนเหล่านี้ต่างได้รับการปลดปล่อยโดยสมบูรณ์!
กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ทุกคนถึงค่อยๆ สงบใจลง
“ให้ผู้นำตระกูลเห็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว”
พวกหลินไหวหย่วนออกจะเขินอาย
หลินสวินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนดี”
“ผู้นำตระกูล ภายหน้าตระกูลจั่วและฉินจะไม่ลงมือกับพวกเราแล้วจริงๆ ใช่ไหม”
หลินไหวหย่วนถามออกมาอย่างอดไม่ได้
คนอื่นก็หูผึ่ง
หลินสวินยิ้มพลางส่ายหัว เขาไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างกระชับ เรียบง่ายผ่อนคลาย
แต่ตอนทันทีที่เสียงพูดจบลง ในโถงนั้นกลับเงียบเชียบไร้เสียง
สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความหวั่นไหว เหม่อลอย และทำใจเชื่อได้ยาก
แม้แต่หลินจงกับพญาแร้งยังหน้าแข็งทื่อ ปั่นป่วนในใจ!
“เรื่องที่เหลือก็ฝากทุกท่านจัดการแล้ว ข้าไปดูศาลบรรพชนเสียหน่อย”
หลินสวินลุกขึ้นแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
“หากที่ผู้นำตระกูลว่าไว้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่บอกว่า… หลังจากนี้ไปตระกูลจั่วและฉินจะต้องถูกลบชื่อไปจากนครต้องห้ามหรอกหรือ”
กระทั่งหลินสวินจากไป หลินเป่ยกวงถึงเอ่ยปากทำลายบรรยากาศเงียบเชียบในโถงใหญ่นั้น
“แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า… มันเกินจริงนัก”
มีคนเอ่ยปากอย่างเลื่อนลอย
คนอื่นก็รู้สึกเช่นนี้ สั่นสะท้านจนเหลือจะคิดได้แล้ว
จวบจนผ่านไปหลายชั่วยาม หลังจากได้รู้ข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจากภายนอก ตอนนี้คนในตระกูลหลินถึงแน่ใจได้ในที่สุด
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริง!
ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตจึงครึกโครมขึ้นโดยสมบูรณ์เพราะเรื่องนี้
……
สิบกว่าปีก่อน เป็นหลินสวินในวัยเด็กหนุ่มเข้ามาในนครต้องห้าม จากนั้นสร้างเส้นทางผงาดง้ำอันตระการตาราวดาวหาง
ใช้เวลาเพียงสามปี เขาก็กลายเป็นเด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่สายตานับหมื่นจับจ้อง
เป็นอาจารย์สำนักศึกษามฤคมรกตแห่งจักรวรรดิ
เป็นผู้นำตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต
…เขาในตอนนั้นเป็นผู้โดดเด่นเหนือธรรมดาในหมู่คนรุ่นเยาว์ คือคุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง!
เด็กหนุ่มผู้เป็นดั่งตำนานเช่นนี้ ใครจะลืมได้
และวันนี้ที่ผ่านไปสิบกว่าปี คนหนุ่มคนนี้กลับมาแล้ว ปรากฏตัวสู่สายตาผู้คนอีกครั้งด้วยวิธีการที่สามารถสะเทือนจักรวรรดิ
ชั่วข้ามคืนก็เข่นฆ่าจนหัวคนขาดหมุนกลิ้ง เลือดไหลเป็นสายน้ำ สังหารจนยามราตรีของนครต้องห้ามหม่นหมอง!
นี่ทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน
และทำให้ทุกคนรู้ดีว่าผ่านไปหลายปี เด็กหนุ่มผู้เป็นได้เพียงผู้แกร่งกล้าในหมู่คนรุ่นเยาว์นั้น แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว!
……
“อะไรนะ หลินสวินกลับมาแล้วจริงๆ หรือ”
ณ ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ อวี๋เป่ยโต้วปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้มากประสบการณ์มุ่นคิ้วขึ้น เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “พูดเช่นนี้ ตระกูลหลินปลอดภัยแล้วหรือ”
ข้างๆ กันฉู่เฟิงหัวเราะร่า “ฮ่าๆ วิกฤตของตระกูลหลินถูกขจัดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว!”
อวี๋เป่ยโต้วตะลึงไป รีบร้อนเอ่ยถามว่า “ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ฉู่เฟิงโยนม้วนหยกม้วนหนึ่งให้แล้วพูดว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนข้าจารึกไว้ในนั้นแล้ว เจ้าอ่านดูก็จะรู้”
พออวี๋เป่ยโต้วเอาม้วนหยกนั้นมาอ่านจนจบ ดวงตาก็แข็งทื่อ หลังจากนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้นไปครู่ใหญ่ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะบ้าคลั่งปะทุขึ้นระลอกหนึ่ง “ตระกูลจั่วและฉินของพวกเจ้ายังมีวันแบบนี้ด้วยหรือ ข้าเคยพูดไว้นานแล้วว่าตระกูลหลินมีหลินสวินอยู่ ใครไปล่วงเกินคนผู้นั้นก็จะลำบาก!”
ไม่ว่าจะเป็นอวี๋เป่ยโต้วหรือฉู่เฟิง ตอนนั้นต่างผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหลินสวิน หลายปีมานี้พอเห็นว่าตระกูลหลินประสบภัย ทั้งสองก็เคยช่วยเหลืออย่างลับๆ
น่าเสียดายที่แม้ทั้งสองคนเป็นถึงปรมาจารย์สลักวิญญาณ แต่จะมีกำลังไปงัดข้อกับตระกูลจั่วและฉินได้อย่างไร
และตอนนี้เมื่อได้รู้ว่าหลินสวินกลับมายังนครต้องห้าม เข่นฆ่าจนลบชื่อตระกูลจั่วและฉินในคราวเดียวหลังจากผ่านไปสิบกว่าปี จึงสุขใจหาใดเทียบ
“ไป ไปดื่มเหล้ากัน!”
อวี๋เป่ยโต้วโหวกเหวกเสียงดัง
“ไม่ใช่ว่าวันนี้เจ้ายังต้องหลอมสมบัติหรือ”
ฉู่เฟิงเอ่ยถาม
“ยังจะหลอมทำบ้าอะไร ไปดื่มเหล้า!”
อวี๋เป่ยโต้วร้องเสียงดังแล้วพุ่งออกจากภาคีนักสลักวิญญาณ เห็นได้ว่าเขาตื่นเต้นดีใจปานไหน
ฉู่เฟิงก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ รีบร้อนตามขึ้นไป
……
สาขาสลักวิญญาณ สำนักศึกษามฤคมรกต
เด็กสาวผู้งดงามดั่งภาพเขียน ใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉม ท่าทางเยือกเย็นกำลังเรียนหนังสืออยู่ โดยรอบมีสายตาทั้งชื่นชม อิจฉา และตื่นตาลอบมองอยู่ไม่ว่างเว้น
ในสายตาทุกคน เด็กสาวผู้นี้เหมือนกับผู้กล้าหญิงแห่งสวรรค์
รูปลักษณ์และความรู้ล้วนล้ำเลิศ ตอนนี้ได้เป็นนักสลักวิญญาณระดับสูงที่เด็กที่สุดคนหนึ่งในสาขาสลักวิญญาณแล้ว!
แต่ระหว่างที่เด็กสาวเรียนอยู่จะนิ่วหน้า งุนงงเหม่อลอยเป็นครั้งคราว คล้ายมีเรื่องหนักใจ
“หยางจิ้งเหยา มีสมาธิหน่อย”
บนแท่นบรรยาย เสิ่นทั่วปรมาจารย์สลักวิญญาณเตือนประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจ้าค่ะ” หยางจิ้งเหยาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพยักหน้า
ทันใดนั้นมีเสียงร้องดังลั่นเสียงหนึ่งดังขึ้นนอกห้องเรียน “หยางจิ้งเหยา ฟ่านจือชิว…” ร้องเรียกไปชื่อสิบกว่าชื่ออย่างต่อเนื่อง
จนสุดท้ายเสียงนั้นแทบจะตะโกนร้องเหมือนคำรามว่า “อาจารย์เสี่ยวหลินกลับมาแล้ว!”
ตึง!
โต๊ะเรียนตรงหน้าพลิกคว่ำ ท่ามกลางสายตาประหลาดทั้งมวลที่จับต้อง นักสลักวิญญาณระดับสูงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสาขาสลักวิญญาณอย่างพวกหยางจิ้งเหยา ฟ่านจือชิว ต่างพุ่งออกไปจากห้องเรียนโดยไม่ลังเล!
“เจ้าพวกนี้จะเสียมารยาทเกินไปแล้ว ที่นี่เป็นห้องเรียน ยังไม่ทันเลิกเรียนเลยนะ…” มีคนกระซิบกระซาบแสดงความไม่พอใจ
สายตามากมายต่างมองไปยังเสิ่นทั่วที่อยู่บนแท่นบรรยาย
เพียงแต่ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือ ตอนนี้เสิ่นทั่วปรมาจารย์สลักวิญญาณที่พวกเขาเคารพที่สุดก็ท่าทางตื่นเต้นหาใดเทียบ พึมพำกับตัวเองว่า “หลินสวินกลับมาแล้วเหรอ… ดียิ่งแล้ว… ดียิ่งแล้ว…”
ยามเอ่ยวาจาเขาก็โยนม้วนตำราในมือทิ้ง แล้ววิ่งออกไปนอกห้องเรียน “เลิกเรียนแล้วๆ วันนี้ไม่เรียนแล้ว”
เสียงพูดยังไม่ทันเงียบลง เงาร่างของเสิ่นทั่วก็หายไปนานแล้ว เหลือเพียงเหล่าศิษย์ที่งุนงงอยู่ในห้อง
“อาจารย์เสี่ยวหลิน เขาเป็นใครกัน”
มีคนกระซิบกระซาบ
“เขาไง! เด็กหนุ่มปฐมาจารย์ที่หลอมชุดศึกสลักวิญญาณคนนั้น ตอนนั้นพวกหยางจิ้งเหยา ฟ่านจือชิวก็เป็นศิษย์ของเขา!”
มีคนร้องเสียงดัง นึกขึ้นมาได้เช่นกัน
ทันใดนั้นทั้งห้องเรียนก็อึกทึก ต่างคิดถึงบุคคลระดับตำนานที่มาจากสาขาสลักวิญญาณเมื่อสิบกว่าปีก่อนคนหนึ่ง
คนผู้นั้นมีนามว่าหลินสวิน ปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วจักรวรรดิ
และแรกเริ่มเขาเป็นอาจารย์ระดับ ค. ห้องเก้า!
วันนี้ในสำนักศึกษามฤคมรกตก็อึกทึกครึกโครมขึ้นมา เพราะได้รู้ข่าวว่าหลินสวินกลับมาแล้ว
ภาพทำนองนี้หลายภาพเริ่มเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของนครต้องห้าม
และพร้อมกับที่ข่าวนี้แพร่กระจายลุกลามออกไป ก็ยิ่งมีคนและขุมอำนาจรู้เรื่องนี้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น หลายปีผ่านไป เด็กหนุ่มเจ้าภูเขาที่มีชื่อลือนครต้องห้ามผู้นั้นกลับมาแล้ว!
……
แล้วก็ในวันนั้นเอง
คนที่สังเกตหน่อยก็จะพบว่า ขุมอำนาจน้อยใหญ่ในนครต้องห้ามแทบจะส่งตัวแทนออกมามาทั้งสิ้น ต่างนำของกำนัลล้ำค่าไปรวมตัวกันที่ภูเขาชำระจิตจากทั่วทุกสารทิศ
อึกทึกครึกโครม เรียกได้ว่าเป็นภาพอันอัศจรรย์ภาพหนึ่ง
มีคนเห็นว่าพาหนะของผู้นำตระกูลฉื่อ ฉื่อหลิงเซียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าภูเขาชำระจิต
ทั้งมีคนเห็นว่าท่านอ๋อง ท่านโหว และผู้สูงศักดิ์ในราชวงศ์แห่งจักรวรรดิบางคนก็มาเยี่ยมเยียนที่ภูเขาชำระจิตด้วยตัวเอง
ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตเหมือนกลายเป็นจุดสนใจของสายตานับหมื่นในนครต้องห้าม คนใหญ่คนโตจากที่ต่างๆ มาเยือนไม่ขาดสายทันที
แต่ตระกูลหลินในตอนนี้กลับปฏิเสธไม่พบแขก!
นี่ดูไร้มารยาทนัก ทำให้ขุมอำนาจใหญ่ที่ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้มากมายต่างตกตะลึง ไม่กล้าเชื่อได้
แต่เพราะเหตุนี้ กลับทำให้ขุมอำนาจมากมายรับรู้ได้ว่า ตระกูลหลินในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมจริงๆ เพราะการกลับมาของหลินสวิน
มิเช่นนั้นตระกูลหลินย่อมไม่กล้าแข็งกร้าวเช่นนี้ แม้แต่ผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างฉื่อหลิงเซียวยังกล้าปิดประตูใส่หน้า!
ทว่ากลับไม่มีใครกล้าโกรธเคือง ท่าทีแปรเปลี่ยนเป็นยิ่งนอบน้อม
อำนาจกับภูมิหลังของตระกูลจั่วและฉินคับฟ้าปานไหน แต่ก็ถูกหลินสวินคนเดียวสยบลงในชั่วข้ามคืน!
ในเวลาเช่นนี้หากใครกล้าไม่รู้กาลเทศะ ไม่แน่ว่าจะเจริญรอยตามตระกูลจั่วและฉิน
‘ตั้งแต่นี้ไปจะต้องเปลี่ยนท่าทีที่ปฏิบัติต่อตระกูลหลิน!’
นี่คือความคิดอันเป็นเอกฉันท์ของขุมอำนาจใหญ่ทั้งปวง
——