ตอนที่ 1382 ปัจจุบันไม่อาจเทียบกับอดีตได้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

เมื่อแรกอรุณรุ่งสาดส่องลงมาจากเวิ้งฟ้า ก็สาดส่องนครต้องห้ามที่หลับใหลในรัตติกาล

สำหรับคนธรรมดามากมายแล้ว วันใหม่นี้ไม่ต่างอะไรกับแต่ก่อน

แต่สำหรับสังคมชั้นสูงทั้งนครต้องห้ามแล้ว…

วันใหม่นี้เป็นเพียงการเปิดฉากของพายุเท่านั้น!

ข่าวเมื่อคืนมีเพียงขุมอำนาจชั้นยอดถึงล่วงรู้ และตอนนี้ขุมอำนาจทั้งใหญ่น้อยเหล่านั้นต่างรู้ชัดแล้ว

ตระกูลจั่วและฉิน สองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงประสบภัย ผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลสิบเก้าคนถูกสังหาร ข่าวชุดนี้เดิมก็ปิดไว้ไม่อยู่ เหมือนภูเขาไฟที่สะสมแรงเอาไว้นานแล้วปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์ในวันใหม่นี้

ตอนนี้ต่อให้เป็นขุมอำนาจที่เชื่องช้าแค่ไหนก็รู้ว่านครต้องห้ามลมฟ้าแปรผัน จักรวาลเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหลินสวินกลับมาแล้ว!

……

และตอนนี้ ทั้งคนบนล่างในตระกูลหลินต่างยังเฝ้ารอข่าวคราว

ฟ้าสว่างแล้ว

ภายในโถงใหญ่ภูเขาชำระจิตเหล่าคนชั้นสูงในตระกูลหลินนั่งรออย่างเซื่องซึมทั้งคืน

เพราะพญาแร้งกับหลินจงสั่งไว้ว่าไม่อนุญาตให้ลูกหลานตระกูลหลินออกไปข้างนอก ถึงกับทำให้ในคืนนี้พวกเขาเหมือนตัดขาดจากโลก ไม่ได้ข่าวคราวใดๆ เลย

แต่การกลับมาของหลินสวินเหมือนแสงปลุกเร้าใจคน ตัดหมอกดำในใจคนตระกูลหลินทุกคน

หลายปีมานี้สถานการณ์ตระกูลหลินเลวร้ายมากจริงๆ เฉียดใกล้ความพังพินาศ

การกลับมาของหลินสวินทำให้คนในตระกูลหลินทุกคนเห็นความหวังอีกครั้งหนึ่ง!

“ผู้นำตระกูลออกไปข้างนอกคนเดียว ตกลงจะไหวรึเปล่านะ”

มีคนเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

“ผู้นำตระกูลน่าจะไปหาองค์ชายสามที่พระราชวัง และมีเพียงองค์ชายสามที่อาจจะกดข่มความจองหองของตระกูลจั่วและฉินได้”

มีคนวิเคราะห์อย่างเยือกเย็น

“ไม่ว่าอย่างไรผู้นำตระกูลกลับมาก็เป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งอยู่ดี ต่อให้สถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน เหตุการณ์ย่ำแย่เพียงใด พวกเราทุกคนร่วมกันเผชิญหน้าก็พอแล้ว”

…พญาแร้งกับหลินจงฟังเสียงสนทนาของทุกคนอยู่ เงียบเชียบไม่พูดจา มีเพียงพวกเขาที่รู้ดีว่าหลินสวินออกไปทำอะไร!

“ผู้นำตระกูล!”

ทันใดนั้นมีคนร้องออกมา ด้วยมองเห็นเงาร่างของหลินสวินอยู่นอกห้องโถงในตอนนี้

ชั่วครู่เดียวทุกคนก็ผุดลุกขึ้น ใบหน้าเจือความหวัง กวาดสายตามองไปยังหลินสวินที่กลับมาท่ามกลางแสงอรุณชโลมกาย

“ทุกคนไม่ต้องกังวลอีกแล้ว คลี่คลายหมดแล้ว” หลินสวินยิ้มไปพูดไป

คลี่คลายหมดแล้วหรือ

ทุกคนอึ้งไปเป็นอย่างแรก แล้วทันใดนั้นทั้งตำหนักชำระจิตก็ดังสนั่นหวั่นไหว ถูกเสียงต่างๆ เข้าแทนที่

บางคนตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้น

บางคนตบหน้าตักยินดีปรีดาจนร้องไห้

บางคนหัวเราะร่า บางคนกู่ร้องเสียงดัง และยังมีบางคนน้ำตานองหน้า

ในช่วงหลายปีมานี้ตระกูลหลินถูกพายุฝนโหมซัด สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน มีแต่อันตรายที่สามารถทำลายตระกูลได้ ส่งผลให้จิตใจของแต่ละคนเหมือนมีหินก้อนยักษ์หนักอึ้งกดทับจนแทบจะหายใจไม่ออก

และตอนนี้เพราะคำพูดเดียวของหลินสวิน ความรู้สึกที่เก็บกดอยู่ในใจคนเหล่านี้ต่างได้รับการปลดปล่อยโดยสมบูรณ์!

กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ทุกคนถึงค่อยๆ สงบใจลง

“ให้ผู้นำตระกูลเห็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว”

พวกหลินไหวหย่วนออกจะเขินอาย

หลินสวินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนดี”

“ผู้นำตระกูล ภายหน้าตระกูลจั่วและฉินจะไม่ลงมือกับพวกเราแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

หลินไหวหย่วนถามออกมาอย่างอดไม่ได้

คนอื่นก็หูผึ่ง

หลินสวินยิ้มพลางส่ายหัว เขาไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างกระชับ เรียบง่ายผ่อนคลาย

แต่ตอนทันทีที่เสียงพูดจบลง ในโถงนั้นกลับเงียบเชียบไร้เสียง

สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความหวั่นไหว เหม่อลอย และทำใจเชื่อได้ยาก

แม้แต่หลินจงกับพญาแร้งยังหน้าแข็งทื่อ ปั่นป่วนในใจ!

“เรื่องที่เหลือก็ฝากทุกท่านจัดการแล้ว ข้าไปดูศาลบรรพชนเสียหน่อย”

หลินสวินลุกขึ้นแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

“หากที่ผู้นำตระกูลว่าไว้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่บอกว่า… หลังจากนี้ไปตระกูลจั่วและฉินจะต้องถูกลบชื่อไปจากนครต้องห้ามหรอกหรือ”

กระทั่งหลินสวินจากไป หลินเป่ยกวงถึงเอ่ยปากทำลายบรรยากาศเงียบเชียบในโถงใหญ่นั้น

“แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า… มันเกินจริงนัก”

มีคนเอ่ยปากอย่างเลื่อนลอย

คนอื่นก็รู้สึกเช่นนี้ สั่นสะท้านจนเหลือจะคิดได้แล้ว

จวบจนผ่านไปหลายชั่วยาม หลังจากได้รู้ข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจากภายนอก ตอนนี้คนในตระกูลหลินถึงแน่ใจได้ในที่สุด

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริง!

ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตจึงครึกโครมขึ้นโดยสมบูรณ์เพราะเรื่องนี้

……

สิบกว่าปีก่อน เป็นหลินสวินในวัยเด็กหนุ่มเข้ามาในนครต้องห้าม จากนั้นสร้างเส้นทางผงาดง้ำอันตระการตาราวดาวหาง

ใช้เวลาเพียงสามปี เขาก็กลายเป็นเด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่สายตานับหมื่นจับจ้อง

เป็นอาจารย์สำนักศึกษามฤคมรกตแห่งจักรวรรดิ

เป็นผู้นำตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต

…เขาในตอนนั้นเป็นผู้โดดเด่นเหนือธรรมดาในหมู่คนรุ่นเยาว์ คือคุณชายไร้เทียมทาน อำนาจทั่วนครหลวง!

เด็กหนุ่มผู้เป็นดั่งตำนานเช่นนี้ ใครจะลืมได้

และวันนี้ที่ผ่านไปสิบกว่าปี คนหนุ่มคนนี้กลับมาแล้ว ปรากฏตัวสู่สายตาผู้คนอีกครั้งด้วยวิธีการที่สามารถสะเทือนจักรวรรดิ

ชั่วข้ามคืนก็เข่นฆ่าจนหัวคนขาดหมุนกลิ้ง เลือดไหลเป็นสายน้ำ สังหารจนยามราตรีของนครต้องห้ามหม่นหมอง!

นี่ทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน

และทำให้ทุกคนรู้ดีว่าผ่านไปหลายปี เด็กหนุ่มผู้เป็นได้เพียงผู้แกร่งกล้าในหมู่คนรุ่นเยาว์นั้น แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว!

……

“อะไรนะ หลินสวินกลับมาแล้วจริงๆ หรือ”

ณ ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ อวี๋เป่ยโต้วปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้มากประสบการณ์มุ่นคิ้วขึ้น เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “พูดเช่นนี้ ตระกูลหลินปลอดภัยแล้วหรือ”

ข้างๆ กันฉู่เฟิงหัวเราะร่า “ฮ่าๆ วิกฤตของตระกูลหลินถูกขจัดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว!”

อวี๋เป่ยโต้วตะลึงไป รีบร้อนเอ่ยถามว่า “ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ฉู่เฟิงโยนม้วนหยกม้วนหนึ่งให้แล้วพูดว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนข้าจารึกไว้ในนั้นแล้ว เจ้าอ่านดูก็จะรู้”

พออวี๋เป่ยโต้วเอาม้วนหยกนั้นมาอ่านจนจบ ดวงตาก็แข็งทื่อ หลังจากนิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้นไปครู่ใหญ่ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะบ้าคลั่งปะทุขึ้นระลอกหนึ่ง “ตระกูลจั่วและฉินของพวกเจ้ายังมีวันแบบนี้ด้วยหรือ ข้าเคยพูดไว้นานแล้วว่าตระกูลหลินมีหลินสวินอยู่ ใครไปล่วงเกินคนผู้นั้นก็จะลำบาก!”

ไม่ว่าจะเป็นอวี๋เป่ยโต้วหรือฉู่เฟิง ตอนนั้นต่างผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหลินสวิน หลายปีมานี้พอเห็นว่าตระกูลหลินประสบภัย ทั้งสองก็เคยช่วยเหลืออย่างลับๆ

น่าเสียดายที่แม้ทั้งสองคนเป็นถึงปรมาจารย์สลักวิญญาณ แต่จะมีกำลังไปงัดข้อกับตระกูลจั่วและฉินได้อย่างไร

และตอนนี้เมื่อได้รู้ว่าหลินสวินกลับมายังนครต้องห้าม เข่นฆ่าจนลบชื่อตระกูลจั่วและฉินในคราวเดียวหลังจากผ่านไปสิบกว่าปี จึงสุขใจหาใดเทียบ

“ไป ไปดื่มเหล้ากัน!”

อวี๋เป่ยโต้วโหวกเหวกเสียงดัง

“ไม่ใช่ว่าวันนี้เจ้ายังต้องหลอมสมบัติหรือ”

ฉู่เฟิงเอ่ยถาม

“ยังจะหลอมทำบ้าอะไร ไปดื่มเหล้า!”

อวี๋เป่ยโต้วร้องเสียงดังแล้วพุ่งออกจากภาคีนักสลักวิญญาณ เห็นได้ว่าเขาตื่นเต้นดีใจปานไหน

ฉู่เฟิงก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ รีบร้อนตามขึ้นไป

……

สาขาสลักวิญญาณ สำนักศึกษามฤคมรกต

เด็กสาวผู้งดงามดั่งภาพเขียน ใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉม ท่าทางเยือกเย็นกำลังเรียนหนังสืออยู่ โดยรอบมีสายตาทั้งชื่นชม อิจฉา และตื่นตาลอบมองอยู่ไม่ว่างเว้น

ในสายตาทุกคน เด็กสาวผู้นี้เหมือนกับผู้กล้าหญิงแห่งสวรรค์

รูปลักษณ์และความรู้ล้วนล้ำเลิศ ตอนนี้ได้เป็นนักสลักวิญญาณระดับสูงที่เด็กที่สุดคนหนึ่งในสาขาสลักวิญญาณแล้ว!

แต่ระหว่างที่เด็กสาวเรียนอยู่จะนิ่วหน้า งุนงงเหม่อลอยเป็นครั้งคราว คล้ายมีเรื่องหนักใจ

“หยางจิ้งเหยา มีสมาธิหน่อย”

บนแท่นบรรยาย เสิ่นทั่วปรมาจารย์สลักวิญญาณเตือนประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เจ้าค่ะ” หยางจิ้งเหยาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพยักหน้า

ทันใดนั้นมีเสียงร้องดังลั่นเสียงหนึ่งดังขึ้นนอกห้องเรียน “หยางจิ้งเหยา ฟ่านจือชิว…” ร้องเรียกไปชื่อสิบกว่าชื่ออย่างต่อเนื่อง

จนสุดท้ายเสียงนั้นแทบจะตะโกนร้องเหมือนคำรามว่า “อาจารย์เสี่ยวหลินกลับมาแล้ว!”

ตึง!

โต๊ะเรียนตรงหน้าพลิกคว่ำ ท่ามกลางสายตาประหลาดทั้งมวลที่จับต้อง นักสลักวิญญาณระดับสูงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสาขาสลักวิญญาณอย่างพวกหยางจิ้งเหยา ฟ่านจือชิว ต่างพุ่งออกไปจากห้องเรียนโดยไม่ลังเล!

“เจ้าพวกนี้จะเสียมารยาทเกินไปแล้ว ที่นี่เป็นห้องเรียน ยังไม่ทันเลิกเรียนเลยนะ…” มีคนกระซิบกระซาบแสดงความไม่พอใจ

สายตามากมายต่างมองไปยังเสิ่นทั่วที่อยู่บนแท่นบรรยาย

เพียงแต่ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือ ตอนนี้เสิ่นทั่วปรมาจารย์สลักวิญญาณที่พวกเขาเคารพที่สุดก็ท่าทางตื่นเต้นหาใดเทียบ พึมพำกับตัวเองว่า “หลินสวินกลับมาแล้วเหรอ… ดียิ่งแล้ว… ดียิ่งแล้ว…”

ยามเอ่ยวาจาเขาก็โยนม้วนตำราในมือทิ้ง แล้ววิ่งออกไปนอกห้องเรียน “เลิกเรียนแล้วๆ วันนี้ไม่เรียนแล้ว”

เสียงพูดยังไม่ทันเงียบลง เงาร่างของเสิ่นทั่วก็หายไปนานแล้ว เหลือเพียงเหล่าศิษย์ที่งุนงงอยู่ในห้อง

“อาจารย์เสี่ยวหลิน เขาเป็นใครกัน”

มีคนกระซิบกระซาบ

“เขาไง! เด็กหนุ่มปฐมาจารย์ที่หลอมชุดศึกสลักวิญญาณคนนั้น ตอนนั้นพวกหยางจิ้งเหยา ฟ่านจือชิวก็เป็นศิษย์ของเขา!”

มีคนร้องเสียงดัง นึกขึ้นมาได้เช่นกัน

ทันใดนั้นทั้งห้องเรียนก็อึกทึก ต่างคิดถึงบุคคลระดับตำนานที่มาจากสาขาสลักวิญญาณเมื่อสิบกว่าปีก่อนคนหนึ่ง

คนผู้นั้นมีนามว่าหลินสวิน ปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วจักรวรรดิ

และแรกเริ่มเขาเป็นอาจารย์ระดับ ค. ห้องเก้า!

วันนี้ในสำนักศึกษามฤคมรกตก็อึกทึกครึกโครมขึ้นมา เพราะได้รู้ข่าวว่าหลินสวินกลับมาแล้ว

ภาพทำนองนี้หลายภาพเริ่มเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของนครต้องห้าม

และพร้อมกับที่ข่าวนี้แพร่กระจายลุกลามออกไป ก็ยิ่งมีคนและขุมอำนาจรู้เรื่องนี้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น หลายปีผ่านไป เด็กหนุ่มเจ้าภูเขาที่มีชื่อลือนครต้องห้ามผู้นั้นกลับมาแล้ว!

……

แล้วก็ในวันนั้นเอง

คนที่สังเกตหน่อยก็จะพบว่า ขุมอำนาจน้อยใหญ่ในนครต้องห้ามแทบจะส่งตัวแทนออกมามาทั้งสิ้น ต่างนำของกำนัลล้ำค่าไปรวมตัวกันที่ภูเขาชำระจิตจากทั่วทุกสารทิศ

อึกทึกครึกโครม เรียกได้ว่าเป็นภาพอันอัศจรรย์ภาพหนึ่ง

มีคนเห็นว่าพาหนะของผู้นำตระกูลฉื่อ ฉื่อหลิงเซียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าภูเขาชำระจิต

ทั้งมีคนเห็นว่าท่านอ๋อง ท่านโหว และผู้สูงศักดิ์ในราชวงศ์แห่งจักรวรรดิบางคนก็มาเยี่ยมเยียนที่ภูเขาชำระจิตด้วยตัวเอง

ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตเหมือนกลายเป็นจุดสนใจของสายตานับหมื่นในนครต้องห้าม คนใหญ่คนโตจากที่ต่างๆ มาเยือนไม่ขาดสายทันที

แต่ตระกูลหลินในตอนนี้กลับปฏิเสธไม่พบแขก!

นี่ดูไร้มารยาทนัก ทำให้ขุมอำนาจใหญ่ที่ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้มากมายต่างตกตะลึง ไม่กล้าเชื่อได้

แต่เพราะเหตุนี้ กลับทำให้ขุมอำนาจมากมายรับรู้ได้ว่า ตระกูลหลินในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมจริงๆ เพราะการกลับมาของหลินสวิน

มิเช่นนั้นตระกูลหลินย่อมไม่กล้าแข็งกร้าวเช่นนี้ แม้แต่ผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างฉื่อหลิงเซียวยังกล้าปิดประตูใส่หน้า!

ทว่ากลับไม่มีใครกล้าโกรธเคือง ท่าทีแปรเปลี่ยนเป็นยิ่งนอบน้อม

อำนาจกับภูมิหลังของตระกูลจั่วและฉินคับฟ้าปานไหน แต่ก็ถูกหลินสวินคนเดียวสยบลงในชั่วข้ามคืน!

ในเวลาเช่นนี้หากใครกล้าไม่รู้กาลเทศะ ไม่แน่ว่าจะเจริญรอยตามตระกูลจั่วและฉิน

‘ตั้งแต่นี้ไปจะต้องเปลี่ยนท่าทีที่ปฏิบัติต่อตระกูลหลิน!’

นี่คือความคิดอันเป็นเอกฉันท์ของขุมอำนาจใหญ่ทั้งปวง

——