มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1365

อาจารย์นักพรตในสำนักหยินหยางเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งมกุฎเทพ ผู้อาวุโสในสำนักล้วนเป็นราชาเทพ ถึงแม้จะไม่ใช่กองกำลังระดับมกุฎเทพในสรรพมหาโลกา แต่ก็เป็นสำนักระดับราชาเทพขั้นสุดยอดเช่นกัน

ส่วนผลการฝึกตนของฉินเฟยเสว่ผู้นี้คือมกุฎเทพ!

อดีตนางเป็นศิษย์ในสำนักหยินหยางแต่ทว่าต่อมาเนื่องจากพรสวรรค์ที่แสดงออกมานั้นสูงมาก ๆ ทำให้นางกลายเป็นศิษย์สนิทของผู้อาวุโสคนหนึ่งในวังอัมพรกลียุคและวังอัมพรกลียุคก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับจ้าวมาหานภาในสรรพมหาโลกา!

กาลเวลาที่ฉินเฟยเสว่ฝึกตนกินเวลาไปเพียงสามแสนกว่าปีเท่านั้น บรรลุเป็นมกุฎเทพในอายุประมาณนี้ พูดได้เลยว่าเป็นช่วงวัยที่ยังสาวมาก ๆ เนื่องจากอายุไขของมกุฎเทพคนหนึ่งนั้นอยู่ที่ห้าล้านปีเป็นต้นไป!

ปัจจุบันนางหลุดพ้นจากตัวตนการเป็นศิษย์ในวังอัมพรกลียุคแล้ว กลายเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง ต่อให้อาจารย์นักพรตในสำนักหยินหยางพบเจอนาง ก็ต้องคารวะนาง

นางสำนึกในพระคุณของสำนักหยินหยางที่เคยบ่มเพาะตนในอดีต หลังจากที่การฝึกตนของนางประสบความสำเร็จ เวลาส่วนมากนางมักจะอยู่ในสำนักหยินหยางเป็นหลัก แต่ทว่านางกลับไม่เคยมีความคิดที่จะรับศิษย์เลย

“พรสวรรค์ของศิษย์เจ้าอาจารย์หยุนจื่อซูอยู่เหนือหลัวซิว เหตุใดเทพธิดาถึงถูกชะตากับเขาขอรับ?”ผู้อาวุโสหวูอดไม่ได้ที่จะถามความสงสัยของตัวเองออกมา

แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าคำพูดนี้ของเขาจะทำให้ฉินเฟยเสว่หัวเราะคิกคักออกมากะทันหัน เหมือนหญิงสาวที่อากัปกิริยาสง่างาม

“พรสวรรค์ของหยุนจื่อซูแตกต่างจากข้าเป็นหนึ่งแสนแปดหมื่นไมล์ แล้วไหนยังเอาเขาไปเปรียบเทียบกับหลัวซิวอีก?”

สีหน้าท่าทางของผู้อาวุโสหวูเปลี่ยนไป“หรือเทพธิดาหมายความว่า……พรสวรรค์ของหลัวซิวอยู่เหนือท่านอีกหรือขอรับ?”

ฉินเฟยเสว่แค่ขบขำเบา ๆ ไม่ได้ตอบกลับอะไร นางไม่มีทางพูดออกมาอยู่แล้วว่าแม้อายุกระดูกจะอยู่ในวัย 62 เหมือนกัน แต่ทว่าร่างผันของตัวเองกลับถูกหลัวซิวโจมตีจนไม่มีความไม่พอใจใด ๆ หลงเหลืออยู่อีกเลย

……

ในพื้นที่ขั้นตอนแรกของฐานหยินหยาง หลัวซิวเปิดโลกาแห่งศุภรออก ตอนนี้ร่างของเขากำลังอยู่ในการปกคลุมของกฎเวลา

พลังทั้งหมดของกมลโลกาที่อยู่ในตัวหยั่งรู้แห้งเหือดไปแล้ว แต่หลุมดำหกรูที่หมุนอยู่กลางฝ่ามือข้างซ้ายของเขากลับยังคงเป็นเหมือนเดิม ยังไม่ถูกเติมเต็มแต่อย่างใด

เขาเทยาเซียนระดับ 3 เก้าเม็ดที่เหลือออกมาอย่างไม่ลังเลใจ และโยนเข้าปากทั้งเก้าเม็ด จากนั้นพลังที่บ้าคลั่งพลังหนึ่งก็ระเบิดออกมาในร่างกายเขา

พลังที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายของผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสูงระเบิดแตกได้แล้ว แต่ทว่าพลังดังกล่าวยังไม่ทันได้ระเบิดออกมา มันก็ถูกหลุมดำที่อยู่บนกลางฝ่ามือข้างซ้ายของหลัวซิวกลืนกินเข้าไปดุจการกลืนกินอาหารของปลาวาฬ

“ยังไม่พออีกหรือ?”

เปลือกตาหลัวซิวกระตุก ก่อนที่เขาจะนำสมุนไพรเพิ่มพลังทั้งหมดที่สะสมไว้ในแหวนเก็บของออกมาจนหมด

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเติมพลังที่มากมายมหาศาลเข้าไปอีกรอบ แต่หลุมดำหกรูก็ยังเหมือนผีหิวโหยที่กินเท่าไหร่ก็กินไม่อิ่มอยู่ดี พลังที่เติมเข้าไปยังไม่ทันกระเพื่อมก็หายวับไปแล้ว

มุมปากหลัวซิวกระตุก กัดฟันแน่น ภูตเบญจธาตุที่ผนึกรวมอยู่ในร่างกายถูกเขาเรียกออกมา

ภูตเบญจธาตุอย่างทอง ไม้ ภูตสายฟ้า ล้วนถูกเขาโยนเข้าไปในหลุมดำหกรู

มองดูสิ่งของทุกอย่างที่ตัวเองสามารถใช้ได้ถูกใช้จนหมดแล้ว แต่หลุมดำหกรูก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่เช่นเคย หลัวซิวใกล้จะสิ้นหวังแล้ว

ไม่มีพลังที่มากกว่านี้เพื่อเติมเข้าไปในจุดลมปราณ หลุมดำหกรูที่อยู่กลางฝ่ามือข้างซ้ายค่อย ๆ หดเล็กลง ค่อย ๆ เลือนลาง เหมือนมันกำลังจะซ่อนเร้นเข้าไปในร่างกายยังไงอย่างนั้น

ทันทีที่จุดลมปราณค่อย ๆ หายไป ต่อไปหากจะเปิดจุดลมปราณอีกครั้ง ทุกอย่างก็ต้องเริ่มใหม่หมดอีกรอบ

“ลองให้มันกลืนกินสิ่งที่อยู่บนศีรษะเจ้าดู”หงเทียนทำการชี้แนะในทันที

หลัวซิวรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง เหนือศีรษะเขามีพระอาทิตย์สีดำลอยอยู่หนึ่งดวง ซึ่งเป็นดวงอาทิตย์ที่เป็นแหล่งแห่งกฎของกฎไท่หยินดั้งเดิมขั้น 1 ที่แฝงซ่อนในขั้นตอนแรกของฐานหยินหยาง

ภายในดวงอาทิตย์สีดำดวงนี้มีพลังที่มากมายมหาศาลแฝงอยู่ ซึ่งมันเป็นจุดกำเนิดกฎไท่หยินมายาวนานมาก ๆ ถึงแม้จะเทียบเคียงกับกมลโลกาที่เขาดูดซับกลั่นแปรไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากันเท่าไหร่นัก