ตอนที่ 2066 หลิงฮันกับพี่อู่หมิงร่วมมือ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 2066 หลิงฮันกับพี่อู่หมิงร่วมมือ

 

การร่วมมือกันระหว่างหลิงอันกับคู่หมิง เปรียบได้ดั่งโล่ที่ทนทานและหอกที่แหลมคมที่สุดในโลกการรวมกันของทั้งสองสามารถอธิบายเป็นคําพูดเดียวได้เพียงความสมบูรณ์แบบ

 

ถึงแม้พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่คนจะเป็นสุดยอดจักรพรรดิ และมีระดับพลังที่สูงกว่าถึงสามระดับย่อยแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทะลวงการป้องกันของหลิงฮันได้ และในขณะเดียวกันนั้นเองจ่อหมองเองก็กระหน่ําโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่องราวกับคลื่นวารที่ไร้ช่องว่างให้หลบหลีก

 

สุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ตกอยู่ในสถานการณ์ลําบาก และแต่ละคนเริ่มได้รับบาดแผลจนมีโลหิตไหลออกมา

 

“ป้องกัน! มาช่วยกันป้องกันก่อน!” เทียนซึ่งเยรีบค่าราม ไม่เช่นนั้นหากยังปล่อยให้เป็นฝ่ายถูกโจมตีต่อไปไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็คงหนีไม่พ้นความตาย

 

ไม่ว่าการโจมตีของจีอู่หมิงจะรุนแรงขนาดไหน ก็ไม่สามารถทะลวงผ่านการป้องกันผสานของสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ได้เพราะไม่ว่าอย่างไรพลังบ่มเพาะของจอหมิงก็ยังอยู่ในระดับตัดวิญญาณหยางเท่านั้น

 

หลังจากเปลี่ยนมาตั้งรับได้ไม่นาน สถานการณ์ของเหล่าสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ก็ค่อยๆมั่นคงและเริ่มแผนการตอบโต้

 

นี่เป็นเปรียบเสมือนการทดสอบของหลิงฮัน ก่อนหน้านี้เขาแค่ขยับตัวไปรับการโจมตีทั้งหมดอย่างไม่จําเป็นต้องใช้ความคิดอะไร แต่ตอนนี้เนื่องจากทั้งสี่คนเพิ่มกลยุทธ์เข้ามา หลิงฮันจึงจําเป็นต้องใช้สมาธิเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก เพราะหากเขาปล่อยให้การโจมตีเล็ดลอดไปโดนพี่อู่หมิงสถานการณ์จะกลายเป็นพลิกผันอย่างสิ้นเชิง

 

หลิงฮันรู้สึกแปลกประหลาดในใจ ก่อนหน้านี้เขากับจีอู่หมิงยังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เลยแท้ๆแต่ตอนนี้กลับมาร่วมมือพยายามช่วยกันเสียได้

 

“พวกเจ้าคิดว่าทําแบบนั้นแล้วแล้วจะมีประโยชน์งั้นรึ?” จ่อหมิงกล่าวพร้อมกับสะบัดมืออย่างพริ้วไหวราวกับอสรพิษทันใดนั้นเองดาบเล่มยาวที่ส่องแสงเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้นในมือขวาของเขา

 

ดาบพิฆาตห้วงจิต… อุปกรณ์ระดับนิรันดร์!

 

อุปกรณ์นิรันดร์ชิ้นนี้ถึงแม้จะยังอยู่ในสภาพหลับใหล แต่ความคมกริบของมันเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทําให้จอมยุทธที่มีระดับต่ํากว่าราชานิรันดร์หวาดผวา

 

หลิงฉันที่มีกายหยาบไร้เทียมทานขนาดไหน ก็ยังไม่กล้ารับการโจมตีจากดาบพิฆาตห้วงจิต

 

เมื่อดาบถูกนําออกมา ใบหน้าของสุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และรีบถอยหลังล่าถอย

 

“ไม่ได้การ นั่นมันไม่ใช้อุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ แต่เป็นอุปกรณ์นิรันดร์!” เทียนชิงเย่อุทานออกมาอาจารย์ของเขาเองก็ครอบครองอุปกรณ์นิรันดร์เช่นกันเขาจึงมีโอกาสได้สัมผัสกับอุปกรณ์นิรันดร์มาก่อนซึ่งพลังอํานาจอันสูงส่งของมันทําให้เขาทั้งรู้สึกย่าเกรงและเลื่อมใส

 

“ว่าไงนะ!” พวกเซียโหวถงทั้งสามคนตกตะลึง

 

อุปกรณ์นิรันดร์!

 

สิ่งนี้เป็นสมบัติเฉพาะสําหรับราชานิรันดร์เท่านั้น หรือบางที่ต่อให้เป็นราชานิรันดร์ก็อาจจะไม่สามารถมีอยู่ในครอบครอง

 

จะบอกว่าในมือของจอมยุทธระดับตัดวิญญาณหยางตัวจ้อย คืออุปกรณ์นิรันดร์งันรี?

 

เรื่องแบบนั้นใครจะไปทําใจเชื่อลง?

 

“พริบ ดาบพิฆาตห้วงจิตถูกสะบั้นออกไป และปราณดาบมากมายได้หลั่งไหลไปทั่วท้องนภา

 

การร่วมมือกันของสุดจักรพรรดิทั้งสี่พังทลายลงทันที และรีบหันหลังหนีกันอย่างร้อนรน

 

ต่อหน้าสมบัติอย่างอุปกรณ์นิรันดร์ ใครจะไปสู้ด้วยกัน?

 

นอกเสียจากว่าจะเป็นตัวตนระดับตําหนักอมตะหนึ่งรากฐาน เพราะระดับตําหนักอมตะนั้นมีพลังที่สามารถกําราบระดับแบ่งแยกวิญญาณได้อย่างราบคาบ แม้แต่สุดยอดจักรพรรดิทั้งสือย่างพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวตนระดับหนึ่งรากฐานแม้แต่น้อย ตราบใดที่ปรมาจารย์ระดับหนึ่งรากฐานลงมือยังไม่ทันที่อุปกรณ์นิรันดร์จะได้สําแดงอํานาจ ร่างของจอหมิงก็คงกลายเป็นหมอกโลหิตไปแล้ว

 

แต่ตอนนี้สุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากหลบหนี ด้วยการที่มีหลิงฮันทําหน้าที่เป็นโล่มนษย์ การโจมตีของพวกเขาย่อมไม่มีทางผ่านไปถึงอู่หมิง ซึ่งนอกจากการหลบหนีแล้วพวกเขาจะทําอะไรได้?

 

เหล่าผู้ติดตามที่มองดูอยู่ดวงตาถลนออกมาจากเบ้า และใบหน้าแสดงออกด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

 

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

 

ในด้านของระดับพลังบ่มเพาะ สุดยอดจักรพรรดิทั้งสี่มีระดับพลังอยู่ที่ตัดวิญญาณหยาง ที่สามารถบดขยี้จอมยุทธระดับตัดวิญญาณหยางได้อย่างราบคาบ แถมในด้านจํานวนคนพวกเขาก็ยังต่อสู้ด้วยจํานวนสีต่อสองอีกด้วย

 

ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นแต่พวกเขาก็ยังถูกไล่ต้อนจนต้องเผ่นหนี้ราวกับสุนัข

 

พระเจ้า… หลิงฮันกับจอหมิงแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ

 

สมกับเป็นอัจฉริยะที่ก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางแห่งเต๋สวรรค์สูงสุด ทั้งสองสามารถทําสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

 

ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือกและหวาดผวา บางทีพวกเขาอาจจะได้เป็นสักขีพยานความรุ่งโรจน์ของจักรพรรดิไร้เทียมทานทั้งสองคนก็เป็นได้

 

“ถอย!” จักรพรรดิทั้งส์ไม่หลงเหลือกระจิตกระใจจะสู้อีกต่อไป ไม่ใช่แค่พวกเขาทะลวงการป้องกันของหลิงฮันไม่ได้แต่ยังถูกจีอู่หมิงกระหน่ําโจมตีจนทําได้เพียงกระโดดหลบไปมาเหมือนสุนัขอีกด้วยต่อให้ดันทุรังสู้ต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร

 

“พรึบ” พวกเทียนชิงเต่ทั้งสี่คนแยกย้ายกันไปคนละสี่ทิศทาง

 

หลิงฮันกับคู่หมิงไม่ไล่ตามไป เพราะความเร็วของพวกเขากับทั้งสี่นั้นใกล้เคียงกันมากซึ่งอาจจะไม่สามารถจับ

 

“หลิงฮัน ถ้าไม่มีเหตุผลที่ข้าต้องสังหารเจ้า ข้าอยากจะเป็นสหายกับเจ้าจริงๆ” จ่อหมิงเก็บดาบพิฆาตห้วงจิตโดยไม่หันมาลงมือโจมตีหลิงฮัน

 

หลิงฮันยิ้ม “ข้าเองก็เช่นกัน”

 

ในการต่อสู้เมื่อครู่เขาเองก็รู้สึกดีไม่น้อยเช่นกัน

 

“เมื่อพบเจอกันครั้งหน้า ข้าจะใช้ทุกอย่างในการสังหารเจ้า!” น้ําเสียงของจีอู่หมิงกลายมาเป็นเย็นชาและดวงดาวพรั่งพรูไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง

 

“เจ้าเองก็ภาวนาอย่าให้ถูกข้าบดขยี้ก็แล้วกัน” หลิงฮันกล่าวตอบโต้ไปด้วยความโหดเหี้ยมที่ทัดเทียมกัน

 

จ่อหมิงหัวเราะก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินเข้าหุบเขาไปก่อน

 

หลิงฮันมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ หายไปและกล่าว “พวกเราเองก็ไปกันได้แล้ว”

 

จักรพรรดินี ฮูหนวและธิดาโร่วพยักหน้า พวกนางมองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาหลงใหลความแข็งแกร่งและ น่ายําเกรงของหลิงฮัน ทําให้พวกนางรู้สึกอยากจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาและได้การจุมพิตอันแสนร้อนแรงเหลือเกิน

 

ทั้งสี่คนมุ่งหน้าเดินเข้าไปยังหุบเขา เพียงแต่เส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินนั้นไม่ใช่เส้นทางเดียวกันกับจีอู่หมิง เพราะหุบเขาแห่งนี้กว้างใหญ่มากจนทุกคนไม่จําเป็นต้องเลือกเดินตามกันไปในทิศทางเดียวกัน

 

ครื้นนนนนนนน!

 

หลังจากเข้าสู่หุบเขา สายลมที่รุนแรงอย่างน่าตกตะลึงก็พัดผ่านเข้ามาใส่พวกเขา ท่ามกลางสายลมที่ถาโถมอย่างรุนแรงได้มีก้อนหินมากมายลอยติดมาด้วย ก้อนหินที่ถูกพัดโดยสายลมกรรโชกนี้มีมวลพลังที่หนักหน่วงราวกับการโจมตีของปรมาจารย์ที่ทรงพลัง

 

ถึงแม้หลิงฮันจะมีกายหยาบที่แข็งแกร่งก็ยังรู้สึกเจ็บปวด จนเมื่อผ่านไปไม่กล้าใช้ร่างกายรับก้อนหินตรงๆและต้องเปลี่ยนมาเคลื่อนไหวหลบหลีกก้อนหินแทน

 

ในขณะที่หลบหลีกพวกเขาก็จําเป็นต้องรวบรวมก้อนหิน ที่อาจจะมีผงกระดูกมังกรสวรรค์ผสมอยู่ไปพร้อมกันด้วย

 

แต่ท่ามกลางสายลมกรรโชกเช่นนี้ ต่อให้เป็นแค่เศษหินก็ยากที่จะเก็บเกี่ยว เพราะทุกครั้งที่สัมผัสโดนก้อนหินร่างกายของพวกเขาจะสั่นสะท้านจนแทบอยากจะอาเจียนอวัยวะภายในทั้งหมดออกมา

 

ด้วยเหตุนี้หลังจากที่พยายามลองอยู่หนึ่งวัน พวกหลิงฮันทั้งสี่คนก็ยอมแพ้และมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองชิงหลง