ตอนที่ 2942

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,492 : ได้รับสิทธิ์!

 

 

“ข้าจะให้เวลาท่านเตรียมตัว 3 ลมหายใจ…”

 

ได้ฟังคำตอบของหวงเจียหลง ต้วนหลิงเทียนเลือกจะไม่ตอบคำถาม เพียงกล่าวเตือนให้อีกฝ่ายเตรียมตัวแทน

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่เขากล่าวจบคำ เงาร่างพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องที่เริ่มอ่อนจางลงก่อนหน้า ก็หวนคืนสู่รูปลักษณ์อันเข้มแข็งแจ่มชัด แสงพลังส่องสาดเจิดจ้า เป็นเขาจ่ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกไปอีกรอบ!

 

‘หลังระเบิดพลังกระบวนท่าครานี้ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองก็คงแทบไม่เหลือ…’

 

‘อย่างไรก็ตามการประมือระหว่างข้ากับหวงเจียหลง คงสะกดยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้งหลายให้ยำเกรงได้แล้ว คงไม่มีใครกล้าขึ้นมาท้าประลองข้าอีก’

 

เหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงกล่าววาจาราวกับหยิ่งผยองออกไป ว่าจะต่อให้หวงเจียหลง 2 กระบวนท่า และจะลงมือเอาชัยหวงเจียหลงในท่าเดียวนั้น เป็นเขาคิดเพาะสร้างสภาะแกร่งกร้าวขู่ข่มยอดเซียนอมตะในการประลองทุกคน ให้ไม่กล้าลงมือสู้กับเขาอีก โดยใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ได้รับมาจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองเฮือกสุดท้าย!!

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะสิ้นสูญพลังความเข้มแข็งที่ได้รับมา และไม่เหลือพลังมากพอจะต่อกรกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่โดดเด่นคนไหนอีก แต่เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณ

 

ได้ยินคำเตือนของต้วนหลิงเทียน สีหน้าหวงเจียหลงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังถึงขีดสุด ขณะเดียวกันหอกเมฆาอัคคีในมือก็เริ่มปรากฏมวลพลังดั่งมังกรทองม้วนพันรอบตัวหอกเอาไว้อีกรอบ บนร่างเขาเองก็ปรากฏมวลพลังมหาศาลม้วนพันไว้เช่นกัน!

 

ครู่ต่อมาหวงเจียหลงก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยมังกรพลังสีทอง เรียกว่าคนคล้ายกลับกลายเป็นไข่สีทองใบหนึ่ง!

 

จากนั้นไข่สีทองดังกล่าว ก็เริ่มปรากฏเส้นสายอัสนีสีแดงแลบล่นแปลบปลาบไปทั่วผิวสีทอง แลดูทรงพลังเข้มแข็งขึ้นอีกหลายส่วน!

 

เรียกว่าจังหวะนี้หววงเจียหลงได้เร่งเร้าพลังทั้งหมดเตรียมพร้อมรับกระบวนท่าจู่โจมของต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจัง หมายเอาชนะการจู่โจมของต้ววนหลิงเทียนให้จงได้!

 

และบัดนี้ เวลา 3 ลมหายใจก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

 

ปงงง!!

 

เสียงระเบิดสนั่นลั่นดังขึ้น! เป็นต้วนหลิงเทียนถีบเท้าย่ำอากาศรุนแรง ด้วยอานุภาพพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผนึกควบรวมไปที่เท้า คนประหนึ่งย่ำเหยียบพื้นแข็ง มวลอากาศใต้ฝ่าเท้ายังแตกระเบิดออกเป็นวง!!

 

ในเวลาเดียวกัน ร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งทะยานออกไปปานกระสุน!

 

แสงพลังสีทองลักษณ์พุทธองค์ตัวเขื่องก็พุ่งตามติดมาดั่งเงา ไอพลังสีม่วงเองก็เช่นกัน!

 

นอกจากนี้รอบกายต้วนหลิงเทียนยังปรากฏวังวนพลังงดูดรั้งขุมหนึ่ง กลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบมาหนุนเสริมพลังอานุภาพ! แสงทองม่วงรอบกายยิ่งมายิ่งส่องสว่างเจิดจ้า!

 

วู้ม!

 

วู้มม!!

 

 

พลองยาวในมือต้วนหลิงเทียนสั่นไหว จากนั้นแสงพลังสีม่วงทองก็ฉายเคลือบไปทั่วตัวพลอง พร้อมกันกับที่แสงพลังลี้ลับจากตัวพลองก็เปล่งแสงสว่างจ้าหมายประชันขันแข่ง!

 

ขณะเดียวกันเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่อง ก็ปรากฏมวลพลัง 3 สีขึ้นรูปก่อเกิดเป็นพลองยาวมาถือไว้ด้วยท่วงท่าเดียวกัน แสงพลังจากตัวพลองส่องสว่างพร่างพราวยิ่งนัก!

 

พริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนที่เร่งเร้าพลังสภาววะถึงขีดสุด ก็ง้างพลองขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะฟาดทุบจากบนลงล่างอย่างเรียบง่าย!

 

เปรี๊ยงงง!!

 

ซู่มมม!!

 

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนฟาดทุบพลองในมือ เงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องก็ฟาดทุบพลองพลังสีม่วงทองลี้ลับลงมาพร้อมกัน ความว่างเปล่าเริ่มสะท้านสะเทือน มวลอากาศถูกแหวกผ่าอย่างหักโหม จนผู้คนทั้งหลายชมดูรู้สึกเสมือนมีปรากฏการณ์ทะเลแหวกอุบัติขึ้นกลางฟ้า!!

 

“มาได้ดี!!”

 

ถึงแม้สภาวะรุกโหมของต้วนหลิงเทียนจะทรงพลังดุดันปานไร้ผู้ต้าน หากแต่หวงเจียหลงหาได้หวาดกลัวไม่ มือกระชับหอกเมฆาอัคคีแน่น จากนั้นก็เลือกจะรวมรั้งพลังทั้งหมดจู่โจมสวนขึ้นฟ้าไปอย่างทระนง!

 

ซู่มมม!!

 

ซัว! ซัว! ซัว!

 

 

หอกเมฆาอัคคีในมือสั่นไหวครืนๆ แต่ครานี้หวงเจียหลงจะไม่ได้รวมรั้งพลังเพื่อปะทุระเบิดจู่โจมออกไปเป็นลำแสง หากแต่รวมรั้งพลังจากวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังสายจู่โจมเอาไว้ที่ปลายหอก

 

นอกจากนั้นแล้ว มันยังใช้วรยุทธ์อมตะสายสนับสนุนออกมาอีกอย่าง!

 

วรยุทธ์อมตะสายสนับสนุนที่ว่ายังเป็นระดับขุนนางเช่นกัน แม้จะไม่ได้บรรลุแตกฉาน หากทว่าก็มีพลังหนุนเสริมไม่ใช่ชั่ว

 

แน่นอนว่าพลังหนุนเสริมที่ว่านั้น หาได้ยกระดับพลังของผู้ใช้แต่อย่างใด

 

อย่างที่ทราบกันดีว่าปกติแล้ววรยุทธ์อมตะสายสนับสนุนนั้นไม่ได้เพิ่มพูนพลังให้ผู้ใช้โดยตรง หากแต่เป็นส่วนเสริมของวรยุทธ์อมตะที่ใช้ออกเพื่อให้การโจมตีมีลูกเล่นมากขึ้นเท่านั้น ปกติแล้วก็ไม่ค่อยนิยมใช้กันสักเท่าไหร่

 

และบัดนี้หอกเมฆาอัคคีอันอัดแน่นไปด้วยพลังดุดันที่จ้วงแทงสวนขึ้นฟ้าไป ก็ปรากฏเงาหอกมหาศาลปานห่าพิรุณย้อนฟ้า พุ่งทะลวงทำลายขึ้นไปยังพลองพลังอันเขื่องที่ฟาดทุบลงมาอย่างเหี้ยมหาญ!

 

หอกเมฆาอัคคีที่แท้จริง พร้อมด้วยเงาหอกพลังปานห่าพิรุณย้อนฟ้า ให้ความรู้สึกราวกับไม่ใช่ผู้รับ แต่คล้ายคิดประชันพลังอำนาจเหี้ยมหาญพร้อมผลาญทำลายต้วนหลิงเทียนไปในคราวเดียว!

 

เปรี๊ยงงงง!!

 

ครืนนนน!!

 

 

สีหน้าหวงเจียหลงเปลี่ยนเป็นตึงเครียดในฉับพลัน ทว่าท่าทีสีหน้าต้วนหลิงเทียนยังไร้แปรเปลี่ยน พลองยาวยังคงฟาดทุบลงมาอย่างดุดัน!

 

พุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องที่ถือไว้ด้วยพลังพลังสีม่วงทองลี้ลับ ก็ลอกเลียนกระบวนท่าต้วนหลิงเทียนมาไม่ผิดเพี้ยน!

 

พลองพลังอันเขื่องฟาดลงมาด้วยสภาวะพลังประหนึ่งถล่มขุนเขาแผดเผาลำน้ำ ราวหนึ่งพลองนี้คิดฟาดให้แดนดินสะท้านน่านฟ้าสะเทือน!

 

แสงพลังม่วงทองทั้งลี้ลับที่ม้วนพันพลองยาวในมือต้วนหลิงเทียน มองไปยังคล้ายมังกรทองกับมังกรม่วงหยอกเย้าละเล่นอยู่บ้าง…

 

‘ตอนนี้ล่ะ!’

 

และพริบตาที่พลองยาวในมือต้วนหลิงเทียนปะทะเข้ากับการรับเชิงรุกของหวงเจียหลง ใจเขาก็เคลื่อนไหว เพียงหนึ่งห้วงคิด พลังอานุภาพของพลองยาวก็ทวีความเกกรี้ยวกราดขึ้นในฉับพลัน!

 

ทันใดนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ถ่ายทอดลงสู่ตัวพลอง ก็ปะทุพวยพุ่งขึ้นไปจนเทียบได้กับขอบเขตขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดในเสี้ยวพริบตา!

 

และการเพิ่มพูนพลังขึ้นในเสี้ยวพริบตานี้ ก็ทำให้พลังอานุภาพกระบวนท่าจู่โจมของต้วนหลิงเทียน ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น!

 

เปรี๊ยงงง!!

 

พลองยาวในมือต้วนหลิงเทียนยามเมื่อปะทะกับการต่อต้านของหวงเจียหลง ประหนึ่งดาวอังคารพุ่งชนโลกก็ว่า ความว่างเปล่า ณ จุดปะทะคล้ายจะแตกออกเป็นเสี่ยง!

 

หลังปะทะหักหาญจนเกิดการระเบิดของพลังครั้งใหญ่ สภาวะพลังของพลองยาวในมือต้วนหลิงเทียนหาได้ลดทอนถดถอยแต่อย่างใด กระทั่งพุทธองค์สีทองร่างเขืองที่ฟาดพลองลงมาดั่งเงาก็คล้ายจะกล้าแกร่งขึ้นทุกขณะ!

 

กลับกันพลังที่อัดแน่นไปทั่วเรือนหอกเมฆาอัคคีของหวงเจียหลง ทั้งห่าพิรุณเงาหอกที่พุ่งย้อนฟ้า ประหนึ่งใบไม้แห้งกรอบถูกย่ำเหยียบ แหลกลงตรงหน้าการรุกโหมของต้วนหลิงเทียนอย่างสิ้นท่า!

 

นอกจากนี้ม่านพลังที่ป้องกันทั่วร่างหวงเจียหลงดั่งไข่สีทองเคลือบไปด้วยอัสนีสีแดงแลบลั่นแปลบปลาบ ก็พังทลายลงคล้ายกระดาษเปื่อยเปียกน้ำคิดต้านรับอุกกาบาต!

 

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

เสียงอากาศแตกระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้นอย่างน่ากลัว คลื่นกระแทกมหาประลัยกำจายออกไปโดยรอบไม่หยุดยั้ง ดั่งคลื่นสมุทรคุ้มคลั่ง!

 

“อั๊ค–!!”

 

ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของทุกผู้คน หวงเจียหลงนั้นคล้ายถูกคลื่นพลังทำลายล้างกลืนร่างก็ไม่ปาน จากนั้นก็ปรากฏร่างหนึ่งปลิวกระเด็นออกมาจากจุดปะทะอันเจิดจ้าไปด้วยแสงพลังระเบิด พุ่งออกนอกรัศมีแสงต่างสังเวียนไปปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!

 

ฟุ่บบ!!

 

ทว่าหลังร่างหวงเจียหลงพุ่งพ้นรัศมีแสงที่สาดส่องลงมาจากฟ้าสูงต่างสังเวียน ก็ปรากฏร่างหนึ่งวูบมาดั่งเงาเลือนดักหน้าหวงเจียหลงที่ปลิดปลิวเอาไว้!

 

เป็นบิดาของหวงเจียหลง หวงเหยี่ยนเฟย ที่วูบร่างมาสะบัดมือคราหนึ่งก็สลายแรงปะทะ ก่อนจะคว้ารับหวงเจียหลงเอาไว้อย่างนุ่มนวล

 

หลังพบว่าหวงเจียหลงนั้นถึงกับถูกซัดจนสิ้นสติ หากทว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกลับน้อยนิดนัก เจ้าเมืองตู้อวิ๋นหวงเหยี่ยนเฟยจึงหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างกลางหาวในรัศมีแสงต่างเวทีด้วยสายตาลึกซึ้ง “ขอบคุณสหายน้อยต้วนที่เมตตาไว้ไมตรี!”

 

ในฐานะตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศชนชั้นสุดยอดฝีมือ ถึงแม้มันจะไม่อาจสัมผัสได้ถึงการปะทุพลังขึ้นในฉับพลันอย่างแยบคายของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ และไม่อาจล่ววงรู้ได้ว่าอยู่ๆพลังในร่างต้วนหลิงเทียนได้พุ่งขึ้นไปแตะขอบเขตเซียนอมตะต้นกำเนิดเสี้ยวพริบตาหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตามมันย่อมทราบดี ว่าพริบตาสุดท้ายยามปะทะ เป็นต้วนหลิงเทียนได้ถอนรั้งพลังคืนกลับไปแทบหมดสิ้น

 

หาไม่แล้วลูกชายของมันคงต้องตายคาที่อย่างแน่นอน แต่นี่กลับแค่บาดเจ็บเล็กน้อย เพียงรับประทานโอสถธรรมดาๆสักเม็ดและเดินพลังสักหน่อยก็กลับมาวิ่งปร๋อได้แล้ว…

 

‘หลงเอ๋ออย่างไรก็เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ร้ายกาจคนหนึ่ง ความเชี่ยวชาญในวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังล้วนไม่ใช่ชั่ว แต่ยังแพ้พ่ายมันอย่างง่ายดาย…ที่แท้มันเป็นผู้ใดกันแน่?’

 

หวงเหยี่ยนเฟยได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจ ความแตกตื่นในใจยังยากระงับอยู่นาน

 

โอ!

 

ขณะเดียวกันเหล่าผู้ชมทั้งหลายที่ชมดูเรื่องราวการประลองตาไม่กระพริบ ก็ดึงสติกลับเข้าร่าง จากนั้นก็พากันฮือฮายกใหญ่ มีหลายคนที่ตกตะลึงจนหัวใจร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม!

 

“ให้ตายเถอะ…หวงเจียหลง แพ้พ่ายในกระบวนท่าเดียวจริงๆ!?”

 

“กระบวนท่าจู่โจมของเจ้านั่น ทรงพลังแทบไม่ต่างอะไรกับการลงมือเต็มกำลังของขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดที่เชี่ยวชาญวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังทุกแขนงเลย!”

 

“มันจะร้ายกาจเกินไปแล้ว! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าในประเทศฝูชิวเรายังมีปีศาจเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่!”

 

“เหอะๆ ข้าล่ะแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองจริงๆ น่ากลัวว่ากระทั่งองค์ชาย 4 ที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดใต้ขอบเขตขุนนางอมตะของประเทศฝูชิวเรา ยังสู้มันไม่ได้!”

 

“มันมีอายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงมีอุปกรณ์อมตะระดับราชา 2 ชิ้น แต่พลังฝีมือยังร้ายกาจถึงเพียงนี้…พื้นเพความเป็นมาของมันย่อมไม่ธรรมดาสามัญแน่! ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนเพนจร แต่ก็ต้องมียอดคนสอนสั่ง!!”

 

 

การที่ต้วนหลิงเทียนเอาชนะหวงเจียหลงได้ในกระบวนท่าเดียว นอกจากหลิวก่วงหลินแล้ว ไม่ว่าใครก็ตกอกตกใจทั้งนั้น กระทั่งขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดหลายคนที่มาชมดูเรื่องราวยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัว

 

เพราะขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดเหล่านี้ บางคนยังไม่แตกฉานวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังครบทุกสายด้วยซ้ำ พอพวกมันลองถามตัวเองดูก็ตอบได้ทันที ว่าให้พวกมันลงมือเต็มที่ แต่พลังกระบวนท่าของพวกมันก็ยังอ่อนด้อยกว่ากระบวนท่าเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียน!

 

“ข้าสู้มันไม่ได้เลย…”

 

องค์ชาย 4 หูจี้หย่ง ข้างๆฮ่องเต้ฝูชิว อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน

 

“สัตว์ประหลาด!”

 

ฮ่องเต้ฝูชิว หูหลินอี้ มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาทอประกายสว่างจ้า “อัจฉริยะอันร้ายกาจเช่นนี้ ต่อให้เป็นแดนสวรรค์ใต้โบราณ ก็ย่อมรอดชีวิตกลับมาได้ไม่ยาก!”

 

“เนื่องจากมันมาเข้าร่วมการประลองสวรรค์ใต้ เห็นชัดว่ามันเองก็น่าจะคิดเข้าร่วมกับสามขุมกำลัง 2 ตระกูลเช่นกัน…มันอาจเป็นศิษย์ของยอดฝีมือเพนจรที่ถูกส่งให้มาเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ และคิดเข้าร่วมขุมกำลังเป็นหลักเป็นแหล่งเพื่อความก้าวหน้า!”

 

“อัจฉริยะปีศาจเช่นนี้ในเมื่ออยู่ในนามของประเทศฝูชิวข้า หากมันเข้าร่วม 3 ขุมกำลัง 2 ตระกูลไปจนสร้างความพอใจให้คนใหญ่คนโตแล้วล่ะก็…ข้าต้องได้รับรางวัลอย่างงามแน่!”

 

พอนึกถึงจุดนี้ สายตาที่หูหลินอี้ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ทำราวกับสายตาที่ใช้มองสมบัติล้ำค่า

 

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง…

 

“อะไร!?”

 

“กระบวนท่าเดียว…กลับเอาชนะหวงเจียหลง นายน้อยจากเมืองตู้อวิ๋นได้?”

 

“หวงเจียหลงผู้นั้น มิใช่ผู้ที่ได้รับการยอมรับจากคนทั้งประเทศฝูชิว ว่าเป็นยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะที่เป็นรองก็แต่องค์ชาย 4 หรือไร?”

 

ไม่นานหลังจากที่เข้ามาถึงเขตพระราชวังหลวง ชายวัยกลางคนที่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดการประลองสวรรค์ใต้ ก็ถึงกกับชะงักร่างลงเมื่อได้รับยันต์อมตะสื่อสารแผ่นที่ 3 จากสนมหลัน น้องสาวของมัน

 

“ขออภัยด้วยพี่ใหญ่ ความแค้นครั้งนี้ของท่าน สุดที่ข้าจะช่วยเหลือได้จริงๆ…ถึงแม้ข้าจะบอกฝ่าบาทว่าคนที่ฆ่าฮ่าวเอ๋อเป็นมัน แต่เกรงวว่าฝ่าบาทคงไม่มีทางล้างแค้นให้ฮ่าวเอ๋อแน่!”

 

“อีกทั้งภูมิหลังของต้วนหลิงเทียนคนนี้ ต่อให้เป็นท่านข้าก็เกรงว่าจะต่อต้านไม่ไหว…ที่สำคัญตอนนี้ฝ่าบาทเห็นมันเป็นคนสำคัญยิ่ง เพราะหลังมันรอดชีวิตกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณ…มันย่อมสามารถนำผลประโยชน์มหาศาลมาสู่พระองค์ได้แน่นอน”

 

“พี่ใหญ่ ท่านยอมแพ้เถอะ”

 

หลังได้ฟังเนื้อหาในยันต์อมตะสื่อสารของสนมหลัน ชายวัยกลางคนที่เป็นบิดาบังเกิดเกล้า ของชายหนุ่มชุดหรูหน้าตาอัปลักษณ์ที่ตายคามือต้วนหลิงเทียนนอกเมืองหลวงประเทศฝูชิว ร่างก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านสั่นไปรุนแรง ลูกตายังจับจ้องถลึงปานจะปริแตก

 

“ไม่! ไม่! ไม่มีทาง!!”

 

“ข้าไม่ยอม! ข้าไม่มีวันยอมแพ้แค่นี้แน่!!”

 

“เพื่อหาตัวฆาตกรฆ่าฮ่าวเอ่อ ข้าสละได้กระทั่งอนาคตในเส้นทางฝึกตน…มันต้องตาย! มันต้องตาย!!”

 

ชายวัยกลางคนพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงดุร้าย ลูกตามันยังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เพลิงแห่งความแค้นความเกลียดชังลุกโชนขึ้นมาอย่างน่ากลัว!

 

ตัดกลับมาทางด้าน สังเวียนประลองสวรรค์ใต้

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนเอาชนะหวงเจียหลงได้แล้ว เหล่าเจ้าสังเวียนและผู้ท้าชิงในอีก 7 สังเวียนที่เหลือ เมื่อดึงสติกลับมาจากอาการมองเหม่อ พวกมันก็เริ่มประลองของพวกมันกันต่อ

 

ตลอดครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครคิดท้าทายต้วนหลิงเทียนสักคน

 

เขาจึงประสบความสำเร็จในการได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ

 

“หลังกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ยังมี 3 ขุมกำลัง 2 นิกายให้เลือกเข้าร่วม…น่าสนใจจริงๆ”

 

หลังจากกลับมานั่งงบนอัฒจันทร์ที่นั่งเหมือนเดิมแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กระซิบกับตัวเบาๆอย่างคาดหวัง ไม่ได้สนใจสายตาผู้คนจากทุกทั่วสารทิศที่จับจ้องมองมาแม้แต่น้อย