ตอนที่ 1456: 7 สีแห่งแก่นวิญญาณ (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1456: 7 สีแห่งแก่นวิญญาณ (1)

“วิญญาณของคนจากขอบเขตดั้งเดิมน่ากลัวจริง ๆ ก่อนที่มันจะก้าวข้ามผ่านไป วิญญาณของข้าสามารถครอบคลุมได้เพียง 3 แสนกิโลเมตรเท่านั้น แต่ตอนนี้ที่ข้าสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ มันเพิ่มเป็นหลายเท่ากว่าแต่ก่อน ตอนนี้ข้าสามารถปกคลุมได้หลายล้านกิโลเมตร ซึ่งได้บริเวณส่วนใหญ่ของทวีปเทียนหยวน” เจี้ยนเฉินถอนหายใจ เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่ามันจะเป็นไปได้ที่จะสนทนาที่ห่างไกลหลายล้านกิโลเมตร เหมือนกับสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไปกับนางฟ้าเฮายู่

แม้ว่าความแตกต่างระหว่างเซียนจักรพรรดิและขอบเขตดั้งเดิมจะแค่ 1 ระดับการฝึกฝนเท่านั้น แต่ความแตกต่างในด้านความสามารถนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เซียนผู้คุมกฎ เซียนราชา และเซียนจักรพรรดิทั้งหมดต่างเป็นส่วนหนึ่งของขอบเขตเซียน และการก้าวข้ามผ่านเซียนจักรพรรดิจะเป็นการข้ามเข้าไปในขอบเขตใหม่ทั้งหมดของการฝึกฝน

แม้ว่าความแตกต่างระหว่างแต่ละระดับการฝึกฝนภายในความเป็นเซียนจะมากมาย แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปเติมเต็มความแตกต่างนั้นที่ใช้ทักษะการต่อสู้หรือไม่ก็วัดกันด้วยจำนวน อย่างไรก็ตาม ไม่มีทักษะการต่อสู้ไหนหรือจำนวนของคนที่สามารถชดเชยความแตกต่างระหว่างเซียนจักรพรรดิกับขอบเขตดั้งเดิมได้

ทั้งหมดที่ต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎ คือเหล่ามดดี ๆ นี่เอง ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะว่าเซียนผู้คุมกฎเข้าใจในความลึกลับของโลกและมีพลังที่สามารถแช่แข็งมิติได้ พวกเขาทำให้เซียนสวรรค์หลายคนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ จากผลที่เกิดขึ้น เซียนสวรรค์ไม่สามารถทำอะไรเซียนผู้คุมกฎได้แม้แต่นิดเดียว ความแตกต่างระหว่างเซียนจักรพรรดิและขอบเขตดั้งเดิมนั้นก็เหมือนกัน

เซียนผู้คุมกฎ เซียนราชา และเซียนจักรพรรดิทั้งหมดใช้พลังเซียนเช่นเดียวกับพลังพิเศษบางอย่างเช่นกัน จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมใช้พลังงานดั้งเดียว นี่เป็นพลังที่ก้าวผ่านพลังเซียนไปแล้ว

เจี้ยนเฉินขี่กระบี่จือหยิงและหาทางเพื่อใช้สัมผัสวิญญาณของเขา เขาถูกล้อมรอบด้วยแสงสีม่วงจากกระบี่จือหยิงขณะที่เขาฉีกอากาศไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เขามุ่งหน้าไปที่เมืองแห่งเทพเจ้าในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์

ไม่นาน เจี้ยนเฉินก็มาถึงเมืองแห่งเทพเจ้า เขาไม่ต้องการที่จะสร้างการรบกวนกับการมาถึงของเขา ดังนั้นเขาจึงเข้าไปที่เมืองอย่างเงียบ ๆ เขาปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่งผ่านฝูงชนและเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง แม้ว่าการรักษาความปลอดภัยจะแน่นหนา แต่มันก็เป็นเพียงภาพที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเจี้ยนเฉินเท่านั้น

ประธานของสมาคมและผู้อาวุโสสูงสุดตอนนี้ยืนอยู่บนชั้นที่สูงที่สุดในกองบัญชาการ พวกเขาดูผู้คนที่ไหลเวียนข้างนอก พวกเขาทั้งสองเป็นผู้นำของสมาคมที่ได้รับความเคารพสูงที่สุดเช่นเดียวกับเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของประธานและผู้อาวุโสสูงสุดก็แสดงความกังวลออกมาเกี่ยวกับอดีตกาล พวกเขาไม่เคยแสดงความอ่อนแอ ไม่เว้นแม้แต่สีหน้า

“อุโมงค์ไปยังโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งกำลังเสถียรอย่างรวดเร็ว ขณะที่เวลาผ่านไป เวลาของคลื่นลูกต่อไปของการรุกล้ำเริ่มใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจจะมีความช่วยเหลือของเจี้ยนเฉิน ทำให้คนมากมายก้าวผ่านและความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ข้ารู้สึกเหมือนกับเรายังไม่เป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีกับศัตรูของโลกอื่น ถึงแม้จะมีเขาก็ตาม ทันทีที่เราแพ้…” ประธานสมาคมพูดด้วยความหนักใจ เขาและผู้อาวุโสสูงสุดกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้อยู่เสมอ

ผู้อาวุโสสูงสุดสวมชุดสีขาว ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยมือที่ไพร่หลัง เขาจ้องมองไปที่ถนนในระยะไกล หลังจากเงียบไปสักพัก เขาถอนหายใจยาว ” เราอาจจะมีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมอยู่ฝั่งเราก็ได้ แต่มีเพียงพวกเขาเท่านั้น พวกเขาเทียบกับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งไม่ได้เลย ในการต่อสู้ครั้งต่อไปมันจะยากมากสำหรับเราที่จะเป็นผู้ชนะ แม้ว่าจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมของเขาจะสามารถหยุดจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมของต่างโลกได้ แต่เราก็ยังไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู่กับพวกเขาในการต่อสู้กับผู้คนที่ต่ำกว่าขอบเขตดั้งเดิม เราสามารถดูสิ่งนี้ได้จากการที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งระดมพลเซียนจักรพรรดิหลายร้อยคนได้อย่างง่ายดาย”

“ขณะที่มันยืนอยู่ตอนนี้ เว้นแต่เราจะมีจอมยุทธที่ทรงพลังจนเขาสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้ อาจจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 ที่สามารถสร้างความแตกต่างเมื่อคลื่นลูกใหม่ของการรุกล้ำมาถึง มีข่าวลือว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 สามารถคืนชีพจอมยุทธรุ่นก่อนผู้เป็นเจ้าของอาวุธเซียนได้ หลังจากตลอดปีที่ผ่านมาบนทวีปของเรา อาวุธเซียนหลังจากส่งไป ถ้าเราสามารถคืนชีพพวกเขาทั้งหมดได้ พวกเขาก็จะเป็นกองกำลังที่น่าเกรงขาม” ประธานพูด

“การไปถึงระดับ 8 ยากขนาดไหนกัน ? ความสามารถของเจ้าไม่น้อยไปกว่าอัจฉริยะจากอดีตกาลเลย แต่ถึงแม้ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าก็ไปถึงเพียงแค่ระดับนี้หลังจากฝึกฝนมาหลายพันปี ระดับ 8 ยังคงห่างไกลจากเจ้านัก เจี้ยนเฉิน อาจจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและพรสวรรค์ของเขาก็มากกว่าของเจ้า แต่เขาไม่ได้ฝึกฝนเป็นพันปี เขายังคงไม่สามารถไปถึงระดับ 8 ได้ โลกเซียนละทิ้งจะไม่ให้เวลาเราเป็นพันปีในการเตรียมตัวหรอก” ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจ

” ใครบอกท่านกันว่าต้องใช้เวลาเป็นพันปีในการไปถึงระดับ 8″

ทันใดนั้นเสียงก็ดังมาจากข้างหลัง หลังจากผู้อาวุโสสูงสุดพูดจบ

ประธานและผู้อาวุโสสูงสุดนิ่งเพราะเสียงที่ดังออกมาอย่างฉับพลัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาไม่รับรู้ถึงการเข้ามาในห้องของคนบางคนด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ไม่นานพวกเขาทั้งสองก็ตระหนักได้ว่าเสียงนี้มันคุ้น ๆ ท่าทางของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยความยินดีทันทีขณะที่พวกเขาทั้งสองหันไป พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินกำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา

“เป็นเจ้านี่เอง มานี่สิ เข้ามา” ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาไม่ได้ปฏิบัติตัวสุดภาพเท่าไหร่นัก เขาต้อนรับเจี้ยนเฉินเหมือนกับครอบครัว การจ้องมองของเขาไปที่เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความดีใจ

แม้ตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดยังไม่สามารถลืมช่วงเวลาที่เขาให้เหรียญม่วงกับเจี้ยนเฉินได้เลย ย้อนกลับไปตอนนั้น เจี้ยนเฉินยังคงอ่อนแอมาก ๆ แต่ผู้อาวุโสสูงสุดเห็นความพิเศษในตัวเขา ดังนั้นเขาจึงให้เหรียญม่วงไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้คิดคือ เพียงแค่ไม่กี่ทศวรรษ นักสู้อ่อนแอที่น่าสงสารจะกลายมาเป็นผู้มีอำนาจสูงของทวีปเทียนหยวนได้

ประธานยิ้มให้กับเจี้ยนเฉินเช่นกัน เขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ต่อหน้าเขาไม่ใช่เพียงมนุษย์ที่มีอำนาจ แต่เป็นลูกศิษย์เขาเช่นกัน

“เจี้ยนเฉิน เจ้าเพิ่งพูดว่าไปถึงระดับ 8 โดยไม่ต้องใช้เวลาพันปี ข้าขอถามหน่อยว่าเมื่อไหร่ที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 จะสามารถไปถึงระดับ 8 ได้ ? ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 8 สำคัญต่อเรามาก ๆ ” ผู้อาวุโสสูงสุดถามอย่างเคร่งเครียด

เจี้ยนเฉินยิ้มแต่ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เขาส่งผู้อาวุโสสูงสุดและประธานเข้าไปในวัตถุมิติ

ผู้อาวุโสสูงสุดและประธานยืนอยู่ภายในโถงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสง พวกเขาไม่ได้ทิ้งการรับรู้ไปแม้จะผ่านไปนาน

สิ่งที่พวกเขาเห็นรอบ ๆ คือ พลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงที่บีบอัดเป็นหมอก แม้ว่ามันจะบางมาก แต่พวกเขาก็ยังพบว่ามันน่าตกใจมาก ๆ