มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1377

เขาหมุนเปลี่ยนกฎโซน นำเอาโซนร้อยเมตรหดขนาดเข้ามาอยู่ตรงหน้าเพียงหนึ่งนิ้ว แต่แสงเลือดอันน่าสะพรึงกลัวมันทะลุทะลวงโซนไปได้หลายร้อยลี้อย่างรวดเร็ว มันทำให้เขาสบทด้วยความขัดใจ และถอยกลับอย่างรวดเร็ว

ครั้งนี้คือการต่อสู้ครั้งที่สอง ครั้งก่อนหน้านี้ หลัวซิวโจมตีหุ่นเชิดอสูรคลั่งจนถอยไปได้

แต่รอบที่สองนี้ กลับร่วงลงไปอยู่ใต้พายุแทน

ปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิวขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดเบา ๆ “ด้วยความเร็วของซิวหลัวเป็นไปได้ที่จะบินออกไปหลายร้อยลี้เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของมหาสมุทรสีเลือดได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขากลับต่อต้านการโจมตีอย่างหนัก และได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

“เขากำลังหลบซ่อนพลัง และเขาต้านทานการโจมตีอสูรคลั่งอย่างหนัก มีแนวโน้มมากว่าเขาจะทดลองพลังคุ้มกันของเขา!”

ยู่หวูฉิวอยู่ดี ๆ ก็นึกถึงจุดนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่าซิวหลัวยิ่งลึกลับมากขึ้นอีก

“มหาจักรพรรดิยุทธ์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งก็สามารถทำให้จ้าวนภาผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้ายังรู้สึกถึงความลึกลับอีกทั้งยังคาดเดาไม่ได้ ความจริงแล้วเจ้าหนูคนนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่?” ยู่หวูฉิวขมวดคิ้ว

เลือดปราณที่ผันผวนถูกหลัวซิวควบคุมเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าการโจมตีของอสูรคลั่งแข็งแกร่งมาก แต่เขาอาศัยการคุ้มกันของร่างยุทธ์ร่างเนื้อ โดยใช้การหมุนเวียนกฎโซน ทำให้การโจมตีส่วนใหญ่ถูกคลายลงไป การบาดเจ็บที่ตนได้รับ ดูเหมือนจะสามารถมองข้ามไปได้เลย

“การโจมตีของหุ่นเชิดอสูรคลั่งเต็มไปด้วยกฎโคตรสังหาร แต่ท้ายที่สุดหุ่นเชิดก็ยังไม่ดีเท่ามนุษย์ การโจมตีแข็งแกร่งแต่ก็ยังขาดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ” ผ่านการปะทะกันสองรอบ หลัวซิวก็ตัดสินอย่างคร่าว ๆได้ถึงระดับพลังของหุ่นเชิดอสูรคลั่งตัวนี้

“ปัง!”

หุ่นเชิดอสูรคลั่งพุ่งเข้ามาอีกครั้ง หุ่นเชิดไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดและเหนื่อยล้า ขวานในมือกวาดออกไปแสงขวานสีแดงเลือดรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวบดขยี้ปริภูมิ

“นัดเดียวนิพพาน!”

หลัวซิวหมุนเปลี่ยนพลังแปรเสวียนเทียนอีกครั้ง จากนั้นก็อาศัยพลังรบร้อยเท่าระเบิดออกเป็นพลังอมตะ

การฝึกกลั่นของวิถีหยินหยาง นอกจากจุดลมปราณโลกดาราแล้ว ผลกำไรสูงสุดที่หลัวซิวได้รับก็คือการสัมผัสรู้ผ่านทางกฎไท่หยิน ครอบครอง พลังดั้งเดิมแห่งกฎความตาย

ที่บริเวณหว่างคิ้วปรากฏตรากฎสีดำสนิทขึ้น นี่คือสัญลักษณ์ของการได้รับการยอมรับแห่งกฎดั้งเดิม!

เขาใช้พลังที่เหลือทั้งหมดเพื่อสัมผัสรู้กฎความตาย คนและหอกยุทธ์ผสานเป็นหนึ่ง กลายเป็นลำแสงสีดำนิรันกาล

ลำแสงสีดำแปรเปลี่ยนผันผวนไปมา ราวกับมังกรอสูรสีดำตัวหนึ่ง

กุ่ยเชียนโฉรี่ตาลง การโจมตีครั้งนี้ทรงพลังมาก ด้วยร่างกายของหุ่นเชิดอสูรคลั่ง เกรงว่าจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้

“หุ่นเชิดไม่รู้จักความเจ็บปวด ไม่มีเป็นตาย ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะรับมืออย่างไร”

กุ่ยเชียนโฉก็พลันเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา หุ่นเชิดอสูรคลั่งหลอมรวมพลังทั้งหมดทั่วร่างขึ้นในทันใด ขวานฟาดออกไปทางมังกรนิลดำเงาที่แปรเปลี่ยนของหลัวซิว

นี่คือการต่อสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ต่อให้มังกรนิลดำเงาสามารถโจมตีหุ่นเชิดอสูรคลั่งได้ ตัวของหลัวซิวเองก็จะต้องฝืนรับการโจมตีสุดแรงเกิดนี้ด้วยเช่นกัน

ถ้าหากมีเกราะเทพเวหากาลคอยคุ้มกัน แน่นอนว่าหลัวซิวไม่มีทางเกรงกลัวการโจมตีจากขวานนี้ของหุ่นเชิดอสูรคลั่ง แต่ว่าในเวลานี้หากคิดจะอัญเชิญเกราะเทพออกมา เห็นได้ชัดว่ามันไม่ทันแล้ว

สายตาจับจ้องไปยังขวานของหุ่นเชิดอสูรคลั่งที่กำลังจะโจมตีมาที่ตนมังกรนิลดำเงาที่หลัวซิวผสานรวมเป็นหนึ่งกับหอกรบก็พลันหายไป จากนั้นกลับปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าของหุ่นเชิดอสูรคลั่ง

ภาพที่กะทันหันเช่นนี้ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง ในช่วงเวลาเส้นยาแดงผ่าแปด หลัวซิวไม่เพียงแต่หลบหลีกการโจมตีสุดแรงจากขวานของหุ่นเชิดอสูรคลั่งได้ กลับกลายเป็นการโจมตีของเขาได้ใช้ความเร็วที่มากกว่าเพื่อโจมตีลงบนร่างของหุ่นเชิดอสูรคลั่ง

มังกรนิลดำเงาทะลุทะลวงผ่านไป ที่บริเวณอกของหุ่นเชิดอสูรคลั่ง ทิ้งรูโหว่ที่เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เอาไว้

เสียงปังดังสนั่น ร่างของหุ่นเชิดอสูรคลั่งแตกกระจุย ลายค่ายสัญลักษณ์มากมายที่ถูสลักเอาไว้ในตัวของมันก็ค่อยแตกสลาย กระทั่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย