ตอนที่ 2,957 : หินดิบ
ย่านซีฟางของเมืองหลวงประเทศตันจี้นั้น มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องกิจการ ‘พนันหิน’ จนประเทศข้างเคียงรู้จักกันดี แม้แต่ประเทศฝูชิวเองก็ได้ความคิดทำการค้าดังกล่าวมาจากย่านซีฟานของเมืองหลวงประเทศตันจี้ แต่เป็นธรรมดาว่ามันเป็นกิจการเล็กๆไม่ได้ใหญ่โต และไม่น่าสนใจเท่าต้นตำหรับอย่างย่านซีฟาง
“น้องต้วน ‘หินดิบ’ ที่ในประเทศฝูชิวเราใช้เล่นพนันหิน ก็เป็นการรับซื้อต่อมาจากย่านซีฟานอีกที…และย่านซีฟานของเมืองหลวงประเทศตันจี้ ยังเป็นแหล่งพนันหินที่ใหญ่โตที่สุดในดินแดนพันประเทศของแดนสวรรค์ใต้…”
หลังออกจากพระราชวังและมุ่งหน้าไปยังย่านซีฟาง หวงเจียหลงก็เริ่มเกริ่นรายละเอียดออกมาให้ต้วนหลิงเทียนฟังขณะเดินอยู่บนถนน
“หินดิบ?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงสีหน้ายังฉายถึงความสงสัยอยู่บ้าง
เท่าที่เขารู้ในโลกเก่าของเขาก็มีสิ่งที่เรียกว่าหินดิบหรือแร่ดิบอะไรพวกนี้เหมือนกัน โดยปกติแล้วหากมีคำว่าดิบต่อท้ายก็หมายถึง วัตถุดิบที่ยังไม่ผ่านกรรมวิธีขึ้นรูป เจียระไนหรือแกะสลักอะไรทำนองนั้น และคงจะแตกต่างจากหินดิบที่ใช้พนันหินในระนาบเทวโลก
“ใช่”
หวงเจียหลงพยักหน้าค่อยกล่าวอธิบายสืบต่อ “สิ่งที่เรียกว่าหินดิบนั้น เกิดจากการจับตัวของฝุ่นดินหินผ่านกาลเวลามายาวนานจนกลับกลายเป็นก้อนแข็ง และด้วยปฏิกิริยาบางอย่างจากพลังวิญญาณฟ้าดินตามธรรมชาติ ทำให้มันเกิดคุณลักษณะพิเศษประการหนึ่ง…”
“หินดิบนั้น สามารถปิดกั้นสำนึกเทวะได้ทั้งหมด…ว่ากันว่าแม้แต่สำนึกเทวะของตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศที่นับเป็นตัวตนที่บรรลุด่านพลังสูงสุดของระนาบเทวโลก ยังไม่อาจใช้สำนึกเทววะตรวจสอบภายในหินดิบได้ และแม้แต่วิหารในตำนานอย่างวิหารเฟิงฮ่าวที่ลึกลับยากหยั่งถึง ที่ลือกันว่ามีตัวตนเหนือกว่าขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศดำรงอยู่ ทว่าสำนึกเทวะของยอดฝีมือระดับนั้น ก็ยังไม่อาจมองผ่านหินนดิบที่เกิดขึ้นจากพลังอำนาจของธรรมชาติได้…”
“แต่เป็นธรรมดาว่าหินดิบมีพลังเพียงแค่ปิดกั้นสำนึกเทวะเท่านั้น ส่วนความแข็งแกร่งของตัวมันเองนั้นนับว่าไม่เท่าไหร่…อาศัยต้าหลัวจินเซียนที่อ่อนด้อยที่สุดยังบดขยี้มันให้เป็นผงได้ง่ายดาย สามารถนำสิ่งของที่อาจซุกซ่อนอยู่ภายในออกมาได้อย่างไร้ปัญหา…”
“และด้วยความที่สำนึกเทววะไม่อาจส่องผ่านเข้าไปได้ จึงทำให้ไร้ผู้ใดล่วงรู้ว่าภายในหินดิบนั้น ที่แท้มีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่บ้าง…ด้วยคุณลักษณะพิเศษของหินดิบนี้เอง จึงเกิดการพนันหินขึ้นในระนาบเทวโลก และยังเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ไม่น้อย”
หวงเจียหลงค่อยๆกล่าวเล่าเรื่องราวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ได้ยินเรื่องราวดังกล่าวต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะลอบพยักหน้าเห็นด้วย
นับว่าหินดิบบนระนาบเทวโลกนั้น แตกต่างจากหินดิบในโลกมนุษย์ที่เขาเคยอยู่ในชาติก่อนอย่างสิ้นเชิง
หินดิบ หรืออะไรที่มีคำว่าดิบต่อท้ายในโลกเก่าเขา หมายถึงสิ่งของที่ยังไม่ได้ผ่านกรรมวิธีต่างๆ หากเป็นพวกหยกก็คือยังไม่ได้แกะสลักขัดเกลา ถ้าเป็นเพชรก็คือเพชรที่ยังไม่ตัดและเจียระไน
อย่างไรก็ตามหินดิบในระนาบเทวโลกนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการนำมาพนันหิน จนไม่ได้ต่างอะไรกับการพนันหินบนโลกเลย
การพนันหินบนโลกมนุษย์นั้น หินพนันจะมีรูปร่างแตกต่างกันไป เล็กบ้างใหญ่บ้าง ผิวสัมผัสขรุขระบ้างราบเรียบบ้าง หนักเบาไม่เท่ากัน ท่าบางทีหินที่แลดูไม่โดดเด่นอะไรอาจมีหยกล้ำค่าซุกซ่อนอู่
แน่นอนว่ายังงมีหินพนันบางชนิดที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างจงใจที่เรียกว่า ‘ห่มหนังแกะ’ อันทำให้ผู้เชี่ยวชาญต้องน้ำตาตกมามากมายด้วยลักษณะเหมือนจะมีหยกล้ำค่าซุกซ่อนอยู่ โดยอาศัยใช้เศษหรือผงหยกมากมายมาฉาบทาแล้วหุ้มผิวหน้าหินไว้หยาบๆอีกที พอให้ผู้ที่มีสายตาแหลมคมพอจะแลเห็นเงาหยกที่เล็ดลอดออกมา
เมื่อเห็นร่องรอยดังกล่าว ก็ย่อมหลงคิดไปว่าภายในซุกซ่อนหยกล้ำค่าเอาไว้…
“หินดิบที่ว่ายังมีมากมายหลายขนาด…และหินดิบบางส่วนที่ผ่านวันเวลามานานบ้างครั้งก็เกิดการกระแทกจนผิวแตกร่อนจึงเผยให้เห็นถึงบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านใน โดยปกติแล้วหินดิบที่แตกบิ่นจนเห็นว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่ ก็ไม่มีใครคิดนำออกมาพนันเป็นธรรมดา…”
“เพราะการพนันหิน แก่นแท้ก็อยู่ที่ค่าพนัน…หากล่วงรู้สิ่งของด้านในหินดิบแต่แรก เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าการพนันแล้ว”
วาจาต่อมาของหวงเจียหลงทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักว่าการพนันหินในระนาบเทวโลกยังมีความต่างจากการพนันหินบนโลกมนุษย์อยู่บ้าง
ก็อย่างเช่นที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ บางทีอาจมีหินพนัน ‘ห่มหนังแกะ’ ที่ถูกจงใจสร้างขึ้นมาหลอก โดยใช้เศษหยกหรือแร่ล้ำค่ามาฉาบทาไว้อย่างแนบเนียนเป็นธรรมชาติเพื่อล่อลวง
เนื่องเพราะหากผู้ที่สังเกตเห็นจะเดาได้ว่ามันมีหยกล้ำค่าอยู่ เช่นนั้นเมื่อซื้อมาตัดเปิดก็จะทำเงินได้
แน่นอนว่าหลังตัดเปิดออกมาแล้ว หินพนันห่มหนังแกะเหล่านี้ ก็ย่อมมีเพียงชั้นเศษหยกที่เบาบางยิ่งกว่ากระดาษไร้ซึ่งราคาค่างวดอันใด ผู้ที่จ่ายราคามหาศาลซื้อมาก็จำต้องกระอักเลือดเพราะความเจ็บใจ
และสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะโลกที่เขาเคยอาศัยอยู่ในชาติก่อน ผู้คนที่พนันหินไร้ซึ่งสำนึกเทวะ ย่อมไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าสิ่งที่โผล่มาวับแวมๆนั่นเป็นก้อนหยกจริงหรือไม่ ยิ่งไม่มีทางล่วงรู้ภายในอะไรได้แม้แต่น้อย
ส่วนในระนาบเทวโลก แม้การพนันหินจะมีลักษณะทำนองเดียวกัน หากแต่หินดิบที่นำมาใช้พนันหินนั้น จำต้องถูกห่อหุ้มมิดชิดและไม่อาจตรวจสอบใดๆได้เลย หาไม่แล้วหากมีรอยบิ่นหรืออะไรแม้แต่เล็กน้อย สำนึกเทวะก็ย่อมชำแรกแทรกผ่านไปตรวจสอบภายในได้ทันที
“เจียหลง แล้วปกติภายในหินดิบนี่มันมีอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ถึงแม้จากรายละเอียดที่หวงเจียหลงกล่าวไว้ก่อนหน้าจะทำให้เขารับทราบถึงคุณลักษณะพิเศษของหินดิบแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าภายในหินดิบนั้นจะมีสิ่งของล้ำค่าอันใดอยู่
อย่างไรก็ตาม ตัดสินจากความสนใจของหวงเจียหลงที่มีต่อการพนันหิน ก็บอกให้เขารู้ประการหนึ่ง
ภายในหินดิบที่ว่า ต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้หวงเจียหลงบังเกิดความสนใจ
“น้องต้วน ท่านทราบหรือไม่ว่าหินดิบพวกนั้นมีต้นกำเนิดและความเป็นมาอย่างไร?”
อย่างไรก็ตามหลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หวงเจียหลงไม่ได้ตอบกลับทันที หากแต่ย้อนถามกลับมาเรื่องหนึ่ง
“ก็ฟังจากสิ่งที่ท่านเกริ่นมาก่อนหน้า ไม่ใช่ว่ามันเกิดจากการจับตัวของฝุ่นละอองก้อนดินหินตามธรรมชาติผ่านวันเวลาอันยาวนานจนกลายเป็นหินดิบหรือไร?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบตามความเข้าใจ
“ใช่แล้วมันเกิดขึ้นจากสาเหตุนั้น แต่น้องต้วนท่านทราบหรือไม่ว่าในระนาบเทวโลกนั้นยังมีโลกใบเล็กของราชาอมตะ จอมราชันอมตะแม้กระทั่งจักรพรรดิอมตะมากมายที่เหลือทิ้งไว้หลังตายตก และเจ้าว่าภายในโลกใบเล็กเหล่านั้นมันมีสมบัติมากมายหรือไม่เล่า?”
หวงเจียหลงงเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“และอย่างที่ทุกคนรับทราบ ยิ่งผู้สร้างโลกใบเล็กมีด่านพลังฝึกปรือสูงส่งเท่าใด โลกใบเล็กที่เหลือทิ้งไว้ก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น…และเป็นธรรมดว่าโลกใบเล็กของราชาอมตะ ก็ย่อมมีความมั่นคงและเสถียรภาพด้อยกว่าโลกใบเล็กของจอมราชันอมตะ และโลกใบเล็กของจอมราชันอมตะก็ด้อยกว่าโลกใบเล็กของจักรพรรดิอมตะ”
หวงเจียหลงกล่าวสืบต่อ
“และโลกใบเล็กนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ใดสร้างขึ้น หากผู้สร้างตกตายไปแล้ว ก็มิอาจคงอยู่ได้ตลอดกาล…เช่นเดียวกับโลกใบเล็กของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้รุ่นแรก หรือแดนสวรรค์ใต้โบราณที่พวกเรากำลังจะเข้าไปแสวงโชคนั้น มันก็คือโลกใบเล็กของตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะ และยังเป็นจอมราชันอมตะสมญานามที่ร้ายกาจเหนือธรรมดา”
“อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแดนสวรรค์ใต้โบราณ ทว่าก็ยังต้องอาศัยพลังภายนอกหล่อเลี้ยงเพื่อรักษาเสถียรภาพ และยังต้องลงทุนลงแรงไม่น้อย…เป็นธรรมดาว่าด้วยความพิเศษของแดนสวรรค์ใต้โบราณ นอกจากทรัพยากรที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้รุ่นหลังจะใช้เพื่อประคองรักษาเสถียรภาพให้มันดำรงคงอยู่ได้แล้ว…แต่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้รุ่นหลังก็ได้ทำการเติมสมบัติเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณอีกด้วย จะโอสถอมตะหรืออุปกรณ์อมตะก็ดี มีแม้แต่คัมภีร์วรยุทธ์อมตะ มรดกสืบทอด ฯลฯ…”
“เอาเป็นว่ามีสิ่งของล้ำค่ามากมายที่ถูกใส่เพิ่มเข้าไป”
“นอกจากนั้นในขณะที่ใส่สมบัติเพิ่มเข้าไป ก็มีการเพิ่มบททดสอบ หรือด่านวัดคุณสมบัติอะไรขึ้นมาเช่นกัน…”
“แน่นอนว่าสมบัติและด่านทดสอบที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้รุ่นหลังๆจะเพิ่มเติมเข้าไป ก็จะไปปรากฏในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเท่านั้น สำหรับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ปกติแล้วจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้จะสังการให้ตัวตนขอบเขตราชาอมตะทำการเติมสมบัติและจัดสร้างด่านทดสอบอะไรแทน ซึ่งราชาอมตะที่ได้รับมอบหมายก็สามารถดำเนินการได้ตามเห็นสมควร”
“สำหรับดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น จะถูกมอบหมายให้ขุมกำลังระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้จัดการสร้างบททดสอบและจัดหาของรางวัล…อย่างเช่นแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่พวกเรากำลังจะเข้าไปในอีก 4 เดือนหลังจากนี้ สมบัติใดๆในนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นคฤหาสน์เฉวียนโยวจัดหามาทั้งสิ้น”
“แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น ยังถูกแบ่งออกเป็น 108 ส่วน แต่ละส่วนจะถูกควบคุมโดยขุมกำลังระดับ 6 ในแดนสวรรค์ใต้อย่างคฤหาสน์เฉวียนโยว…กล่าวได้ว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา ก็เป็นแค่ 1 ใน 108 ขุมกำลังระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้เท่านั้น”
พอกล่าวถึงจุดนี้หวงเจียหลงก็คล้ายจะฉุกคิดอะไรได้ จึงหยุดลง จากนั้นก็ยิ้มแหยๆกล่าวออกมาว่า “โทษทีน้องต้วน ข้าเล่าเพลินไปหน่อย แป๊บเดียวออกทะเลไปไกลเสียแล้ว…”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่เจียหลง…พอดีข้าเองก็ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย พึ่งจะมารู้เอาตอนที่ท่านพูดนั่นล่ะ ว่าในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ยังมีขุมกำลังระดับ 6 อย่างคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 108 ขุมกำลัง”
แม้ผิวเผินต้วนหลิงเทียนจะกล่าวออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไรมากมาย หากแต่ในใจนั้นกลับปั่นป่วนไม่น้อย
ที่เขารู้ตอนนี้ ก็คือประเทศฝูชิวกับประเทศตั้นจี้ก็เป็นแค่ 2 ประเทศในดินแดนพันประเทศที่อยู่ภายใต้อำนาจของคฤหาสน์เฉวียนโยว…
ในเขตอำนาจของคฤหาสน์เฉวียนโยว มีประเทศอย่างประเทศฝูชิวและประเทศตันจี้อีกนับพันๆ…
‘ในเขตอำนาจของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็มีประเทศอย่างประเทศฝูชิวและตันจี้อยู่นับพันๆแล้ว…ถ้างั้นหากนับรวมขุมกำลังระดับ 6 ทั้ง 108 ขุมกำลังในแดนสวรรค์ใต้ ไม่ใช่ว่าจะมีประเทศเช่นนี้อยู่นับแสนๆประเทศเลยหรือไร?’
พอคิดถึงจุดนี้ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหดเล็กลงโดยไม่รู้ตัว
ในเวลาเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความกระจ้อยร่อยของตัวเอง
‘มีประเทศอย่างประเทศฝูชิวและประเทศตันจี้อีกนับแสนๆประเทศภายในแดนสวรรค์ใต้…และในหลิงหลัวเทียนไม่พ้นต้องมีดินแดนอื่นที่เหมือนกับแดนสวรรค์ใต้อยู่อีก…’
‘เหนือจอมราชันอมตะยังมีจักรพรรดิอมตะ…และเหนือกว่าจักรพรรดิอมตะก็คือจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ทรงพลังกล้าแข็งยิ่งกว่า!’
‘และผู้ที่อยู่เหนือจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลาย ก็คือจักรพรรดิสวรรค์ ผู้ที่ครอบครองระนาบเทวโลกทั้งระนาบ!’
‘ระนาบเทวโลก ยังมีอยู่ด้วยกันเก้าเก้า 81 ระนาบ!’
จังหวะนี้ในใจต้วนหลิงเทียนเริ่มมากล้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย มันปั่นป่วนสับสนรวนเรไปหมด ยากจะสงบลงได้อยู่นาน…
ขณะเดียวกันด้านหวงเจียหลงก็เริ่มกล่าวเล่าเรื่องราวต่อออกมา “ก่อนหน้านี้ข้ากล่าวถึงเรื่องที่แดนสวรรค์ใต้โบราณก็จำต้องทำนุบำรุงและคอยส่งพลังหล่อเลี้ยงใช่หรือไม่…จุดนี้ข้าจะสื่อว่าต่อให้เป็นโลกใบเล็กของจอมราชันอมตะ ก็ยังมีวันต้องพังทลายลง แต่ท่านว่าจะมีจอมราชันอมตะสักกี่คนที่มีผู้สืบทอดและคอยช่วยประคองรักษาเสถียรภาพไม่ให้โลกใบเล็กต้องพังทลายลงเหมือนจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้?”
“นอกจากนั้นผู้ใดจะล่วงรู้ว่านอกจากโลกใบเล็กที่ผู้คนรู้จักกันดีแล้ว ยังมีโลกใบเล็กที่ถูกเหลือทิ้งโดยไม่มีผู้คนค้นพบมากมายเท่าใด แล้วล่มสลายไปเงียบๆโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้มากมายแค่ไหน…”
“และทุกโลกใบเล็กที่สร้างขึ้นในระนาบเทวโลกนั้น ยามเมื่อถึงกาลล่มสลายลง พวกมันก็จะเข้าสู่พื้นที่มิติผันผวน จากนั้นหากไม่สาบสูญไปในห้วงมิติก็อาจจะกระจัดกระจายไปอยู่ทั่วระนาบเทวโลก…”
“มีสิ่งของล้ำค่ามากมายที่หลุดออกมาจากโลกใบเล็กที่พังทลาย ผู้ที่มีโชควาสนาบางคนก็ไปค้นพบหลังจากพวกมันถูกส่งผ่านห้วงมิติผันผวนมาได้ไม่นาน ส่วนสมบัติบางชิ้นก็ไร้ผู้ใดพบเจอ สุดท้ายก็เริ่มถูกฝุ่นดินจับตัวกลับกลายเป็นหินดิบขึ้นมา…”
กล่าวถึงจุดนี้หวงเจียหลงก็หยุดลง ก่อนที่จะกล่าวสืบต่อว่า
“ดังนั้นสิ่งที่อยู่ภายในหินดิบ ก็อาจเป็นสมบัติที่กระจัดกระจายออกมาหลังโลกใบเล็กที่ยอดคนเคยยสร้างเอาไว้ล่มสลายลง…”
“แน่นอนว่าหินดิบที่มีสมบัติล่ำค่าเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่ใช่ว่าจะมีมากมาย ที่มีมากกว่าก็คือหินดิบจากฝุ่นดินทั่วไป ที่ไร้สมบัติใดๆ อันจับตัวก่อเกิดขึ้นตามธรรมชาติ หลังผ่านสายธารแห่งกาลเวลามาอย่างยาวนาน…”
….