ตอนที่ 2,960 : บังคับซื้อขาย?
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
เพียงเวลาทั่วพริบตา ทั่วทั้งร้านก็ถูกกลิ่นอายแหลมคมอันเยียบเย็นหนึ่งปกคลุมไปทั่ว
และต้นตอของกลิ่นอายแหลมคมแสนเยียบเย็นนั่น ก็แผ่กำจายออกมาจากหินดิบทรงกระบี่ที่บัดนี้ส่วนปลายได้ถูกพลังของต้วนหลิงเทียนป่นทำลายไปบางส่วน
อย่างไรก็ตามกลิ่นอายคมกล้าแสนยะเยยือกที่แผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วร้าน พริบตาก็เริ่มสลายหายไป ก่อนที่จะอันตรธานสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยในเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตามความไม่ธรรมดาของมัน ก็ถูกผู้คนตระหนักถึงเรียบร้อยแล้ว
จังหวะนี้แม้แต่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตอนเจ้าเมืองน้อยเมืองฝูเจี้ยนเปิดหินดิบได้กระบี่อมตะระดับราชา ยังกลับกลายเป็นความเคลื่อนไหวอันเล็กจ้อยไปทันที เมื่อเทียบกับกลิ่นอายคมกล้าหาใดเปรียบที่ฟุ้งตลบออกมาเมื่อครู่ หลังต้วนหลิงเทียนเริ่มป่นทำลายหินดิบไปบางส่วน
และในบรรดาคนที่อยู่ในร้านทั้งหมด ก็เป็นต้วนหลิงเทียนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อนใคร ลูกตาหดหยีลงเล็กน้อย เผยให้เห็นความประหลาดใจอยู่บ้าง
ส่วนคนที่เหลือนั้นตกตะลึงอึ้งไปอยู่นานกว่าฟื้นคืนสติ
สาเหตุที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงสามารถฟื้นคืนสติได้ฉับไว คล้ายไม่ได้ตกใจอะไรมากมายนัก เพราะกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาเมื่อครู่ เขาคุ้นเคยกับพวกมันดี…มันเหมือนกับกลิ่นอายของอุปกรณ์อมตะที่เขาครอบครองอยู่ 3 ชิ้น
ตอนนี้เขามีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันอยู่ในมือทั้งสิ้น 3 ชิ้น
เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทสิ้นเปลืองชิ้นหนึ่ง และเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันทั่วไป 2 ชิ้น
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันทั่วไปทั้ง 2 ชิ้นที่ว่า มันไม่ใช่ของๆเขา เพียงแต่มันถูกฝากไว้กับเขาเป็นการชั่วคราว ซึ่งก็คือแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับ และแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ ของชายหนุ่มแซ่เผยที่ความเป็นมาลึกลับคนนั้น
ส่วนอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทสิ้นเปลือง ก็เป็นเขาได้มาจากงานสมัชชาเต๋าโอสถของ 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ในพื้นที่ชายแดน
ตอนนี้อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทสิ้นเปลืองที่ว่าก็ได้ถูกเขาใช้งานไปแล้วครั้งหนึ่ง และคงเหลือเพียงโอกาสใช้งานมันอีก 2 ครั้งเท่านั้น
และหลังจากผ่านการใช้งานอีก 2 ครั้ง อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองที่ว่าก็จะสูญสิ้นคุณค่าทันที
และนั่นก็คือชะตากรรมของอุปกรณ์อมตะประเภทสิ้นเปลืองหลังใช้งานครบกำหนด
“ช้าก่อน…นิ…นี่มัน..คงไม่ใช่กระบี่อมตะจอมราชันหรอกนะ!?”
หลังจากต้วนหลิงเทียนฟื้นสติได้พักหนึ่ง หวงเจียหลงก็ดึงสติกลับเข้าตัวได้เช่นกัน จากนั้นมันก็มองจ้องไปยังหินดิบรูปทรงกระบี่ที่บัดนี้ถูกป่นทำลายไปบางส่วนในมือต้วนหลิงเทียน พลางถามอกมาด้วยสีหน้าแววตาตกตะลึงทั้งเหลือเชื่อ
และตอนนี้หินดิบรูปทรงกระบี่ในมือต้วนหลิงเทียน ส่วนที่ถูกเขาป่นทำลายไปก็เป็นบริเวณปลายกระบี่กับบริเวณด้ามจับบางส่วน
บริเวณปลายกระบี่ที่โผล่ออกมานั้น มีสีเขียวเข้มปานถูกหลอมสร้างขึ้นมาจากหยกจักรพรรดิ และยังมีอักขระโบราณสลักจารึกไว้บริเวณใบกระบี่ให้ความรู้สึกเก่าแก่ ทั้งมีพลังอำนาจครอบงำจิตใจผู้คนอยู่บ้าง
นอกจากนั้นบริเวณจุดกึ่งกลางใบกระบี่ ยังมีเส้นสีแดงลากยาว เส้นสีแดงที่ว่ามองไปคล้ายเส้นสายโลหิตก็ไม่ปาน ให้ความรู้สึกเสมือนกำลังมีโลหิตไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา
แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก!
…
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ออกแรงเพียงเล็กน้อยบีบทำลายหินดิบบริเวณด้ามจับจนแหลกเป็นผงทั้งหมด ก่อนที่จะเริ่มใช้พลังป่นทำลายหินดิบส่วนที่เหลือโดยไม่สนสายตาคนมอง
หลังจากนั้นตัวกระบี่สีเขียวเข้มปานหยกจักรพรรดิก็ปรากฏขึ้นให้ทุกผู้คนชมดูถนัดตา ใบกระบี่ทั้ง 2 ด้านเต็มไปด้วยอักขระและลวดลานโบราณ ใจกลางใบกระบี่ปรากฏเส้นสีแดงยาวปานเส้นเลือดลากจากปลายกรบี่จรดกั่นกระบี่
วู้ม! วู้ม!
นอกจากนั้นกลิ่นอายพลังแหลมคมเยียบเย็นก็แผ่ซ่านออกมาอย่างหนาแน่น แสงพลังลี้ลับก็เรืองสว่างส่องสาดให้ทุกคนเห็นชัดถนัดตา
ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!
ต้วนหลิงเทียนลองโคจรพลังถ่ายลงสู่ตัวกระบี่พลางตวัดกระบี่วัดสมดุลทั้งความหนักเบาเล่นดู ก็ปรากฏรังสีกระบี่วูบวาบฟันแหวกอากาศเบื้องหน้าไปให้ความรู้สึกแหลมคมบาดนัยน์ตา และกลิ่นอายพลังลี้ลับที่แผ่ออกมาก็ยิ่งรุนแรง ประหนึ่งจะมีอานุภาพสะกดครอบงำจิตใจผู้ชมมอง
นอกจากนั้นทุกผู้คนไม่ว่าใคร ไม่จำเป็นต้องใช้สำนึกเทวะตรวจสอบดูก็คงทราบได้ทันที ว่าพลังอานุภาพของกระบี่เล่มนี้ มันเหนือกว่ากระบี่อมตะระดับราชาไปไกลโข!
“กระบี่อมตะจอมราชัน! มารดามันเถอะ…นั่นคือกระบี่อมตะจอมราชัน!!”
“จ้าวสวรรค์ช่วย! ข้าไม่นึกไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าชาตินี้ข้าจะมีวันได้ยลโฉมกระบี่อมตะจอมราชันกับตา!!”
“ในกระเทศตันจี้ของเรา ดูเหมือนครั้งสุดท้ายที่มีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันปรากฏขึ้น ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 1,300 ปีก่อนใช่หรือไม่?”
“กระบี่อมตะจอมราชัน! กระบี่เล่มนั้น…กลับเป็นกระบี่อมตะจอมราชันจริงๆ!!”
…
จังหวะนี้เหล่าลูกค้าในร้านไม่เว้นพนักงานทั้งหลายที่ได้สติกลับคืน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หากแต่สีหน้าแววตายังฉายชัดถึงความตื่นตระหนกทั้งเหลือเชื่อไม่หาย!
ด้านหวงเจียหลงเองก็เริ่มกวาดตามองไปทั่วทั้งร้านด้วยสายตาเปี่ยมจิตฆ่าฟัน
ตอนนี้ในใจมันมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น…
นั่นคือเข่นฆ่าคนในร้านที่คิดจะออกไปแจ้งข่าวหรือใช้ยันต์อมตะสื่อสารทิ้งเสีย! เพื่อไม่ให้ข่าวเรื่องกระบี่อมตะจอมราชันเล็ดลอดออกไปนอกร้านเด็ดขาด!!
อย่างไรก็ตามหวงเจียหลงยังคงลงมือช้าเกินไป
นั่นเพราะผู้ดูแลร้านหินดิบแห่งนี้ อันเป็นชายชราที่มีหนวดเคราขาวโพลนได้สะบัดมือเรียกใช้ยันต์อมตะสื่อสารไปเรียบร้อยแล้ว
และยันต์อมตะสื่อสารที่มันพึ่งบดขยี้ใช้ไป ก็คือยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณ ซึ่งตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดในนร้าน ก็ได้ส่งไปถึงผู้รับสารเป็นที่เรียบร้อย…
“ลูกค้าท่านนี้”
ขณะเดียวกันหลังบดขยี้ใช้งานยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณแล้วเสร็จ ชายชราเครายาวขาวปลอด ก็ก้าวอาดๆออกมาจากด้านในสุดของร้าน สายตาจับจ้องมองไปยังหวงเจียหลงเขม็ง
เห็นได้ชัดว่ามันเองก็ล่วงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในร้าน และรู้ว่าเจ้าของที่แท้จริงของกระบี่อมตะจอมราชันก็คือหวงเจียหลง
“กระบี่เล่มนี้…ทางร้านของเรายินดีรับซื้อในราคา 10,000,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”
ชายชราเคราขาวกล่าวออกเสียงดังฟังชัด
“ผลึกอมตะระดับสูง 10,000,000 ชิ้น?”
ชายชราเคราขาวเสนอราคาซื้อไม่ทันจบคำดี ผู้คนในร้านที่ได้ยินบางส่วนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความอึ้ง สีหน้าแววตาที่ใช้มองชายชราเคราขาวยังทำราวกับมองตัวโง่งมเหลวไหลตัวหนึ่ง!
ล้อกันเล่นหรือไร!?
นั่นมันกระบี่อมตะจอมราชันเชียวนะ!!
คิดจะซื้อมันในราคา 10,000,000 ผลึกอมตะระดับสูง ท่านกำลังฝันอยู่รึเปล่า?
“10,000,000 ผลึกอมตะระดับสูง?”
หลังได้ยินคำเสนอราคาของชายชราเคราขาว หวงเจียหลงก็อึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “ตาแก่ นี่เจ้าเห็นข้าเป็นตัวโง่งมหรือไร?”
“ไม่ต้องกล่าววถึงเรื่องที่อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทกระบี่ล้ำค่ากว่าศาสตราชนิดอื่นๆ…ต่อให้เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันที่ด้อยคุณภาพที่สุดในคฤหาสน์เฉวียนโยว แต่ถ้าข้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่ามันจะสนนราคาอยู่ที่ 1,000,000,000 ผลึกอมตะระดับสูงไม่ใช่รึ?”
กล่าวถึงท้ายประโยคมุมปากหวงเจียหลงก็ยกยิ้มแสยะน่าขัน “แถมนั่นยังเป็นราคาขั้นต่ำ…เพราะไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันไร้ตลาดอันใด ก็คงไม่มีผู้ใดที่ครอบครองมันคิดจะขายออกไปให้โง่!”
ภายในแดนสวรรค์ใต้นั้น ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่ามีใครสามารถซื้อหาอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันได้ด้วยทรัพย์สิน ถึงแม้อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันจะมีราคากลาง แต่ทว่านั่นก็เป็นราคาที่เสนออกมาตามมูลค่าของมันเท่านั้น
และราคาของมันยังสูงกว่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาเป็นหมื่นเท่า!
ดุจเดียวกับมูลค่าของอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่สูงกว่าอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางหมื่นเท่า!
“มิผิด! ยังจะมีใครโง่งมรับข้อเสนอซื้อที่ต่ำจนน่าสมเพชเช่นนี้ได้ลงคอ! ตาแก่นั่นเห็นชายหนุ่มทั้งคู่เป็นตัวโง่งมจริงๆ?!”
“เท่าที่ข้ารู้มาร้านหินดิบร้านนี้เหมือนจะเป็นทรัพย์ส่วนพระองค์ขององค์ชาย 9 ของประเทศตันจี้เรา…และองค์ชาย 9 ผู้นี้ก็นับว่าเป็นผู้ที่มีหัวการค้ามากที่สุด…”
“ดูเหมือนว่าชายชราเคราขาวนั่นจักเป็นคนขององค์ชาย 9 และไม่พ้นได้รับคำสั่งจากองค์ชาย 9 ให้กดราคาชายหนุ่มทั้งสองที่เล่นพนันหินดิบนั่นเป็นแน่ หมายทำกำไรให้ได้มากที่สุด!”
“เหอะๆ แต่ถ้าหากองค์ชาย 9 คิดยืนกรานจะเอาของให้จงได้ขึ้นมา…ข้าเกรงว่าเจ้าหนู 2 คนนั่นก็คงไม่อาจแข็งข้อต่อต้านได้น่ะสิ เพราะสุดท้ายแล้วเบื้องหลังองค์ชาย 9 ก็คือตระกูลราชวงศ์ของประเทศตันจี้เรา!!”
“เฮ่อ…คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยกโดยแท้”
…
ตอนนี้คนภายในร้านพอตระหนักได้ว่าร้านนี้ใครเป็นเจ้าของ ก็พากันมองไปยังต้วนหลิงเทียนและหวงเจียหลงด้วยสายยตาเห็นใจ บ้างก็เวทนาสงสาร
และฟังจากบทสนทนาที่พวกมันพูดคุยกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงนั้น เสมือนลูกแกะน้อยสองตัวที่พลัดหลงเข้ามาในรังหมาป่าอย่างไรอย่างนั้น! ถึงแม้จะได้กระบี่อมตะจอมราชันมาแล้วอย่างไร…สุดท้ายก็ไม่พ้นถูกบังคับให้ขายด้วยราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน…
ทว่าทันใดนั้นเอง
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
…
เสียงฝีเท้ามั่นคงหนักแน่นหนึ่งดังขึ้น ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวค่อยๆเยื้องย่างเข้ามาในร้านอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“ขออภัยด้วยท่านลูกค้า พอดีวันนี้ทางร้านของเราคิดปิดกิจการเป็นการชั่วคราว…หากท่านลูกค้าคิดเล่นพนันหิน รบกวนท่านลูกค้าไปใช้บริการร้านอื่นก่อนเถอะ ทางเราต้องขอภัยในความไม่สะดวกด้วย…”
เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนำลังก้าวเข้ามาในร้าน ชายชราเคราขาวก็ขมวดคิ้วกล่าวออกไปอย่างเป็นทางการ หากทว่าแม้ถ้อยคำจะดูสุภาพทว่าน้ำเสียงกลับแข็งห้วนนัก พอกล่าวจบคำ มันก็หันไปมองสั่งพนักงานข้างๆ “พวกเจ้ายังไม่รีบส่งแขกอีก!?”
“ท่านลูกค้า วันนี้ร้านเราปิดบริการแล้ว…เชิญท่านกลับไปก่อนเถอะ!”
ยิ่งคนรู้เรื่องกระบี่อมตะจอมราชันน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
ตอนนี้มันได้รับคำสั่งโดยตรงจากองค์ชาย 9 ของประเทศตันจี้ ผู้เป็นเจ้าของร้านที่แท้จริงเรียบร้อย!
องค์ชาย 9 สั่งให้มันเร่งควบคุมสถานการณ์ภายในร้านให้สงบให้ได้โดยเร็ว และเร่งปิดร้านเสีย เพื่อกันไม่ให้มีคนนอกเข้ามาเพิ่มเติมได้
สำหรับคนในร้านก็ห้ามไม่ให้ออกจากร้านไปไหนเด็ดขาด! เพียงรอให้มันมาถึงค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร!!
และตอนนี้องค์ชาย 9 แห่งประเทศตันจี้ก็กำลังเร่งุรดเดินทางมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุด!
ชายชราเคราขาวที่เป็นผู้ดูแลร้านแห่งนี้ แน่นอนว่านอกจากองค์ชาย 9 มาเอง ตัวมันก็คือผู้ที่มีอำนาจสั่งการสูงสุด พนักงานในร้านไหนเลยจะกล้าขัดคำ เร่งก้าวอาดๆไปทางชายวัยกลางคนชุดขาวเพื่อกันท่าอีกฝ่ายไม่ให้เข้าร้านมาจนรู้เรื่องราว หมายขับไล่ให้ออกไปเร็วไว
“เหอะ!”
อย่างไรก็ตามก่อนที่พนักงานทั้งหลายจะทันได้เข้าไปใกล้ชายวัยกลางคนในชุดคลุมขาว พวกมันก็ได้ยินเสียงแค่นสบถเย็นชาจากชายวัยกลางคนคลุมขาวดังขึ้นคำหนึ่ง!
และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงสบถเยียบเย็นของชายวัยกลางคนในชุดคลุมขาวดังขึ้นเข้าหู พนักงานร้านที่กำลังก้าวอาดๆเข้าไปก็เสมือนชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น ร่างพวกมันที่ก้าวออกได้ครึ่งทาง มีอันต้องชะงักค้างหยุดลง
และวินาทีต่อมาร่างของพวกมันก็คล้ายถูกพลังมหาศาลซัดกระแทก! คนล้วนปลิดปลิวกระเด็นย้อนกลับไปปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร! โลหิตกระอักออกปากเป็นสาย!!
ฟืด~!!
เห็นฉากดังกล่าวผู้คนภายในร้านอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ และตระหนักได้ว่าผู้มานั้นหาใช่คนที่ใครจะตอแยด้วยได้!
“ท่านลูกค้า มิทราบท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังร้านของพวกเรา”
ชายชราเคราขาวหันไปจับจ้องมองกล่าวกับชายวัยกลางคนคลุมขาวเสียงแข็ง สองตามองจ้องเขม็ง ลึกลงไปยังฉายชัดถึงความหวั่นหวาดประการหนึ่ง
มันที่เป็นผู้เข้มแข็งที่สุดภายในร้าน แต่กระนั้นกลับมิอาจมองออก…ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ลงมืออย่างไร!
ดังนั้นมันจึงไม่กล้าเคลื่อนไว้ลงมืออย่างบุ่มบ่าม เพียงกล่าวคำยกอ้างเบื้องหลังทางร้านออกมา หมายข่มขู่ให้ชายวัยกลางคนบังเกิดความหวั่นเกรง
“เสี่ยวเทียน ส่งกระบี่ในมือเจ้ามาให้ข้าชมดูหน่อย…”
อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนคลุมขาวนั้น ไม่ได้แยแสหรือสนใจอะไรเฒ่าชราเคราขาวแม้แต่น้อย เพียงก้าวอาดๆไปหาต้วนหลิงเทียนที่กำลังลองกระบี่พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“อาไป๋”
ได้ยินดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็โยนกระบี่ในมือเบาๆให้หมุนควงรอบหนึ่ง หลังจากรับกระบี่โดยการจับปลายกระบี่แล้ว ก็ยื่นส่งด้ามกระบี่ไปให้ชายวัยกลางคนชุดคลุมขาวด้วยท่าทางปลอดโปร่ง คล้ายไม่ได้สนใจสถานการณ์ตึงเครียดเรื่องราวรอบกายแม้แต่น้อย
เพราะชายวัยกลางคนในชุดคลุมขาวที่ก้าวเข้ามาขอกระบี่ในมือไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นไป๋กังที่ซ่อนตัวในความมืดคอยให้ความคุ้มครองเขากับหวงเจียหลง
สำหรับคนทั่วไปแล้ว ถึงแม้กระบี่อมตะจอมราชันในมือจะไม่ใช่ของตัวเอง แต่อย่างน้อยๆก็ต้องบังเกิดความอาลัยอาวรณ์ไม่อยากส่งมอบไปให้ผู้ใดอยู่บ้าง
ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีความรู้สึกดังกล่าวแม้แต่น้อย
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ตอนนี้ในแหวนพื้นที่ของเขายังมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันอยู่ถึง 3 ชิ้นเลย กระทั่งตอนที่เขาอยู่ในระนาบโลกียะเขายังเคยใช้กระบี่ที่มีระดับทัดเทียมกับกระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้มาแล้ว
และนั่นก็คือ กระบี่นิลสวรรค์ ที่เป็นยอดสมบัติสวรรค์ประจำชั้นที่ 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
หลังจากมาถึงระนาบเทวโลกแล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะรู้ว่ายอดสมบัติสวรรค์อย่างเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น ที่แท้ก็คืออุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ เขายังรู้ด้วยว่ากระบี่นิลสวรรค์เองก็คืออุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน!
‘อย่างไรก็ตามถึงกระบี่เล่มนี้จะเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันเหมือนกัน…แต่พลังอานุภาพของมันแลดูจะอ่อนด้อยกว่ากระบี่นิลสวรรค์เสียอีก ที่สำคัญยังด้อยกว่าแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับ กับแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับด้วยซ้ำ’
หลังจากต้วนหลิงเทียนยื่นส่งกระบี่อมตะจอมราชันไปให้ไป๋กัง เขาก็มองไป๋กังลองกระบี่ไปมาด้วยสายตาเฉยเมย ในใจอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดเปรียบเทียบในใจ
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้รู้เลย
ว่ากระบี่อมตะจอมราชันอย่างกระบี่นิลสวรรค์นั้น การที่มันสามารถมาอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่ทรงพลังเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิทั่วไปได้ ตัวมันย่อมมีพลังอำนาจอยู่ในระดับแนวหน้าของกระบี่อมตะจอมราชันด้วยกันอยู่แล้ว…
และสำหรับแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับ กับแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับที่เขาครอบครอง ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันชั้นเลิศเช่นกัน!