ตอนที่ 2965

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,965 : วรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดิน เวทย์พลังระดับราชาธาตุลม

 

นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนยังคาดเดาได้อีกด้วยว่า…

 

ยอดฝีมือนาม ไป๋เจิ้นเยว่ ผู้นี้ สมควรมีพลังฝีมือเหนือกว่ารองหัวหน้าเผ่าอีกคนของเผ่าพยัคฆ์เหินสาขาคฤหาสน์เฉวียนโยวเสียอีก! ถึงเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากเผ่าให้ครอบครองอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันก่อน!!

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคาดเดาเรื่องราวในใจ สถานการณ์ด้านนอกตอนนี้ เหล่าคนที่มารวมตัวกันในพระราชวังหลวงของประเทศตันจี้ ก็ล้วนบังเกิดความระส่ำระสายอย่างยากจะสงบลงได้!

 

“ไป๋เจิ้นเยว่? มัน…มันถึงกับมาที่นี่ด้วยตัวเองเชียวหรือ!?”

 

“จ้าวสวรรค์ช่วย! ไป๋เจิ้นเยว่ผู้นี้มิใช่ยอดฝีมืออันดับ 2 ของเผ่าพยัคฆ์เหินสขาคฤหาสน์เฉวียนโยวเราหรือไร? พลังฝีมือของมันนับว่าเป็นรองก็แต่หัวหน้าเผ่าพยัคฆ์เหินเพียงผู้เดียวเท่านั้น!!”

 

“เผ่าพยัคฆ์เหินมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันชิ้นหนึ่งและอยู่ในมือหัวหน้าเผ่า…ตอนนี้ดูเหมือนอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันชิ้นที่ 2 ของเผ่าจะเป็นของมัน!”

 

“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่ามันจะมาด้วยตัวเอง…เช่นนั้นพวกเราก็เสมือนถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับกระบี่อมตะจอมราชันนั่นแล้วล่ะ!”

 

 

แม้ไม่กี่วันก่อนจะมีราชาอมตะมากมายที่มารวมตัวกันในพระราชวังหลวงเลือกที่จะถอนตัวจากไป แต่หลังจากนั้นก็มียอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะของ 3 นิกาย 2 ตระกูลมาสมทบเพิ่ม

 

นี่ก็ช่วยไม่ได้ กระบี่อมตะจอมราชันมันน่าลุ่มหลงเกินไป!

 

ถึงแม้ว่าต่อให้เป็น 3 นิกาย 2 ตระกูลอันเป็นขุมกำลังระดับ 7 ก็จะไม่มีพลังอำนาจพอจะรักษากระบี่อมตะจอมราชันเอาไว้ได้…

 

อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นขุมกำลังใต้สังกัดคฤหาสน์เฉวียนโยว หากพวกมันสามารถแย่งชิงกระบี่อมตะจอมราชันมาได้จริงๆ ต่อให้พวกมันไม่อาจเก็บไว้ใช้ได้เอง ก็ยังสามารถมอบให้คฤหาสน์เฉวียนโยวเพื่อรับของรางวัลได้อยู่…

 

ด้วยเหตุนี้ 3 นิกาย 2 ตระกูลก็ได้ลอบส่งมือดีมาที่พระราชวังหลวงของประเทศตันจี้แห่งนี้ หมายฉกฉวยสถานการณ์เช่นกัน!

 

แน่นอนว่านอกจาก 3 นิกาย 2 ตระกูลแล้ว ยังมีคนของขุมกำลังต่างๆอีกมากมาย ไม่เว้นยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะของกลุ่มผู้ฝึกตนอิสระ

 

ตัวตนระดับสูงของขุมกำลังระดับ 8 ที่ทราบข่าว ก็มารวมตัวอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ทว่าพวกมันมาเพื่อชมดูความบันเทิงมากกว่า ไม่ได้คิดกวนน้ำจับปลาอันใด!

(กวนน้ำจับปลา = พอกวนน้ำตะกอนอะไรก็จะฟุ้งทำให้น้ำขุ่น ถึงตอนนั้นก็เหมือนกับ ‘จับปลาน้ำขุ่น’ ยากจะบอกได้ว่าสุดท้ายใครจะได้ปลา)

พวกมันนั้นเดิมทีก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าประเทศตันจี้ที่เป็นขุมกำลังประเภทประเทศอมตะระดับ 8 อยู่แล้ว เช่นนั้นจึงสำเหนียกตัวเองดี ว่าเนื้อชิ้นนี้มันใหญ่เกินกว่าจะกลืนลงคอ

 

ฟั่ฟฟฟ!!

 

และวันนี้ยังเป็นวันที่ผู้คนทั้งพระราชวังหลวงถูกลิขิตให้จดจำไว้ไม่มีวันลืม! เพราะไม่ว่าใครในเมืองหลวงก็ล้วนได้ยินเสียงกระบี่หอนกรีดอากาศ ที่ดังสนั่นขึ้นมาจากน่านฟ้าพระราชวังหลวง!!

 

จากนั้นผู้ที่มีสายตาแหลมคมหน่อย ก็แลเห็นได้ทันที ว่าหลังสิ้นเสียงตวัดกระบี่ฉับไว ก็ปรากฏคลื่นพลังสะบั้นสายหนึ่งพุ่งวาบตัดฟ้าไปด้วยความเร็วดุจประกายแสง! รู้ตัวอีกทีเขาลูกหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายสิบลี้ ก็ถูกหั่นผ่าแบ่งเป็น 2 ซีกเสียแล้ว!!

 

หากผู้ใดเข้าไปชมดูใกล้ๆเขาลูกนั้น จะพบว่าไม่ใช่แค่ตัวขุนเขาเท่านั้นที่ถูกหั่นผ่า กระทั่งผืนดินด้านหลังยังปรากฏรอยแยกลึกไม่เห็นก้นอันน่ากลัว ลากยาวไปอีกหลายลี้!

 

พลังอานุภาพของหนึ่งกระบี่ที่ตวัดออกครานี้ ช่างสะท้านสะเทือนขวัญผู้คนยิ่งนัก!

 

“นี่คือพลังของราชาอมตะ 10 ทิศที่ถือครองกระบี่อมตะจอมราชันในมืองั้นหรือ…”

 

“มันไหนเลยเป็นราชาอมตะ 10 ทิศเฉยๆ…อย่าได้ลืมเสียเล่า ไป๋เจิ้นเยว่ผู้นั้นก็คือพยัคฆ์เหินลายทอง สัตว์อมตะระดับราชาขั้นสูง! พลังของมันกล้าแข็งเหนือกว่าราชาอมตะ 10 ทิศทั่วไปมากโข!”

 

“มิผิด…พยัคฆ์เหินลายทองที่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศได้ ยามมันถือกระบี่อมตะจอมราชันในมือแบบนี้ ข้าเกรงว่าในหมู่ผู้ฝึกตนขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศมนุษย์ คงมีน้อยคนนักที่รับมือมันได้!”

 

“พลังของมันร้ายกาจเกินไป…ให้มองทั้งคฤหาสน์เฉวียนโยว แต่ผู้ที่มีพลังมากพอจะช่วงชิงกระบี่อมตะจอมราชันไปจากมือมันได้ เกรงว่าคงมีเพียงหยิบมือเดียว”

 

“ยังน้อยถึงขั้นนับได้ด้วยมือข้างเดียวด้วยซ้ำ…และยังต้องเป็นผู้ที่ถือครองอุปกรณ์อมตะจอมราชันเช่นกัน! ทว่าตัวตนเช่นนั้นก็คงไม่มีทางลงมือเด็ดขาด!!”

 

“มิผิด และต่อให้ตัวตนเหล่านั้นคิดช่วงชิงจริงๆ ทว่าผู้คนในขุมกำลังเดียวกันไม่พ้นต้องยืนกรานคัดค้านแน่นอน เพราะพวกมันจะน้อยจะมากก็ต้องคำนึงถึงเผ่าพยัคฆ์เหินทั้งเผ่าเบื้องหลังไป๋เจิ้นเยว่อีกด้วย”

 

“และเรื่องของเรื่องก็คือ…กระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้ เป็นคนของเผ่าพยัคฆ์เหินได้มาจากการเล่นพนันหินอย่างชอบธรรม หากจะช่วงชิงก็คงต้องเตรียมคำอธิบายดีๆให้เผ่าพยัคฆ์เหินกันหน่อยแล้ว!”

 

 

ด้วยประกาลฉะนี้ กระบี่อมตะจอมราชันที่พึ่งปรากฏขึ้นในเมืองหลวงประเทศตันจี้ได้ไม่กี่วัน ในที่สุดก็มีเจ้าของอย่างเป็นทางการ!

 

และเนื่องจากพลังฝีมือส่วนตัวรวมถึงอำนาจขุมกำลังเบื้องหลังของผู้ครอบครอง จึงไม่มีใครกล้าพูดเรื่องช่วงชิงกระบี่อมตะจอมราชันอีกต่อไป…

 

เหล่ายอดฝีมือของขุมกำลังต่างๆที่เร่งรุดเดินทางมาจากแดนไกล ก็มีอันต้องผิดหวัง ได้แต่กลับบ้านมือเปล่า

 

สำหรับยอดฝีมือของขุมกำลังระดับ 8 ในละแวกใกล้เคียงที่มาชมดูเรื่องราวสนุกสนานโดยเฉพาะ ต่างเลือกที่จะรั้งอยู่ในเมืองหลวงตันจี้ต่ออีกสักพัก

 

เพราะอย่างไรเสียพรุ่งนี้ทางตระกูลราชวงศ์ประเทศตั้นจี้ก็จะจัดงานประมูลขึ้นมาแล้ว ในเมื่อพวกมันอุตส่าห์เดินทางมา เช่นนั้นก็เข้าร่วมการประมูลมันเสียเลย อย่างน้อยๆการเดินทางมาคราวนี้ก็ไม่ถือว่าเสียเที่ยว

 

ภายในพระราชวังหลวงของประเทศตันจี้ เขตวังที่พักของประเทศฝูชิวรวมถึงต้วนหลิงเทียน

 

“น้องต้วน!”

 

เมื่อได้ยินเสียงเรียกหาของหวงเจียหลงด้านนอก ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูแล้วก้าวออกมาจากบ้านลานต้อนรับหวงเจียหลงที่แวะมาหาด้วยสีหน้าสงสัย

 

“น้องต้วน ตามข้ามาเร็ว…อาไป๋กับคนจากเผ่าพยัคฆ์เหินสาขาคฤหาสน์เฉวียนโยวกำลังรอพบพวกเราอยู่!”

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนก้าวออกมาจากบ้านอย่างไม่รีบไม่ร้อนมองมาด้วยความสงสัย หวงเจียหลงก็ไม่รอช้าเร่งกล่าวชักชวนต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางคึกคัก แลดูกระตือรือร้นกว่าครั้งไหนๆ

 

“หืม?”

 

ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

“ก็คนจากเผ่าพยัคฆ์เหินคิดตอบแทนพวกเราเรื่องกระบี่อมตะจอมราชันอย่างไรเล่า! เพราะครั้งนี้พวกเราถือว่าสร้างความดีความชอบใหญ่หลวงเลยทีเดียว!!”

 

หวงเจียหลงกล่าวอย่างคึกคัก “ฟังจากที่อาไป๋บอก คนของเผ่าพยัคฆ์เหินนั้นไม่ชอบติดค้างผู้ใด และหากผู้ใดมีบุญคุณก็จะทดแทนอย่างใหญ่หลวง!”

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักเรื่องราวได้แล้ว ที่แท้เป็นคนของเผ่าพยัคฆ์เหินคิดตบรางวัลให้พวกเขา ตอบแทนเรื่องกระบี่อมตะจอมราชันนั่นเอง

 

“พี่เจียหลง…เรื่องกระบี่อมตะจอมราชันนั่น ที่จริง….”

 

เดิมทีต้วนหลิงเทียนก็คิดจะพูดให้ชัด ว่าในเรื่องนี้เขาไม่ได้มีความดีความชอบอะไร หากแต่ไม่ทันได้อธิบายเรื่อราวให้จบ หวงเจียหลงก็ยกมือกล่าวยืนกรานออกมาว่า “น้องต้วนท่านอย่าได้กล่าวเหลวไหลแล้ว…”

 

“ท่านกับข้ารู้ดีว่ากระบี่อมตะจอมราชันเล่มนั้นได้มาเพราะสาเหตุอันใด…หากไม่ใช่เพราะท่านกล่าวชี้แนะ ไหนเลยข้าจะไปซื้อหินดิบทรงกระบี่เหลือๆนั่นมา”

 

“และหากข้าไม่ซื้อตามที่ท่านกล่าว ไหนเลยพวกเราจะหยิบกระบี่อมตะจอมราชันนั่นออกมาได้?”

 

“ดังนั้นให้คิดกันจริงๆจังๆ ผลงานในเรื่องนี้ท่านมีส่วนมากกว่าข้าเสียอีก!”

 

หวงเจียหลงกล่าว

 

ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

 

เขาก็คิดไม่ถึงจริงๆอาศัยวาจาเหลวไหลที่ล่วงล้ำออกจากลำคอเขาไปด้วยความสนุกสนาน จะทำให้ได้รับกระบี่อมตะจอมราชันมาครองเสียอย่างนั้น ทั้งยังนำผลประโยชน์มาให้เขาอยย่างไม่รู้ตัว

 

ยอดฝีมือของเผ่าพยัคฆ์เหินถึงกับดินทางมาด้วยตัวเอง อีกฝ่ายย่อมไม่ตระหนี่ของรางวัลตอบแทนเป็นแน่!

 

เรื่องนี้แทบไม่ต้องสงสัยเลย!

 

ในเมื่อหวงเจียหลงว่ามาขนาดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะพูดอะไรให้มากความสืบต่อ เพราะเขารู้ดีว่าให้พูดอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

 

หลังได้รู้จักกับพวงเจียหลงมาสักพัก เขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายมีนิสัยอย่างไร

 

มาตอนนี้เขาเองก็มั่นใจได้สิบส่วนเต็ม

 

หวงเจียหลงนั้นเป็นคนน่าคบหาด้วยจริงๆ

 

เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่คิดจะแบ่งปันผลประโยชน์เลิศล้ำกับคนอื่น

 

เรียกว่าหลังเกิดเหตุการณ์กระบี่อมตะจอมราชันขึ้น ตำแหน่งของหวงเจียหลงในใจต้วนหลิงเทียนก็ต่างออกไปจากเดิมมาก อย่างน้อยๆเขาก็เคิดว่าหวงเจียหลงเป็นเพื่อนแท้เขาคนหนึ่ง!

 

กล่าวอีกอย่างได้ว่า..

 

เขายอมรับหวงเจียหลงเป็นสหายแล้ว!

 

ต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ได้มีสหายมากมายอะไร ตลอดทางที่ผ่านมาถึงแม้จะมีคนเข้ามาบ้าง แต่ทั้งหมดก็แค่เข้ามาในชีวิตเขาแล้วห่างหายกันไป…

 

 

ไป๋เจิ้นเยว่นั้นแม้รูปลักษณ์จะเป็นชายชรา แต่ร่างของมันกลับไม่ผอมแห้งอะไร ยังแลดูแข็งแกร่งบึกบึนไม่ต่างอะไรจากไป๋กัง ผมเผ้าหนวดเคราสีขาวฟูฟ่องของมัน ทำให้คนแลคล้ายสิงโตขนขาวอยู่บ้าง

 

มันยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นปานหอคอยเหล็ก มัดกล้ามทั่วร่างคล้ายเปี่ยมล้นไปด้วยพลังดิบเถื่อนพร้อมปะทุ แผ่แรงกดดันไร้สภาพขุมหนึ่งออกมาสะกดข่มผู้คนรอบตัวอย่างเป็นธรรมชาติ

 

“ท่านรองหัวหน้าเผ่า…กระบี่อมตะจอมราชันเล่มนี้ เป็นชายหนุ่มทั้ง 2 คนได้มาจากการเล่นพนันหินขอรับ!”

 

ไป๋กังที่ยืนอยยู่ข้างๆไป๋เจิ้นเยว่ พอเห็นต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงเดินเข้ามาในโถงพระราชวัง ก็เร่งกล่าวรายงานเรื่องราวออกไปด้วยความเคารพ

 

ผู้เฒ่าโม่กับหวงเหยี่ยนเฟยเองก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งหมดนั่งต่ำกว่าไป๋เจิ้นเยว่ขั้นหนึ่ง และต่อหน้ายอดฝีมืออันทรงพลังอย่างไป๋เจิ้นเยว่แล้ว กระทั่งผู้เฒ่าโม่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง!

 

ตัวมันอย่างไรก็เป็นแค่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด!

 

ทว่าไป๋เจิ้นเยว่เป็นถึงราชาอมตะ 10 ทิศ!

 

ที่สำคัญเลยก็คือ…

 

ตัวมันเป็นแค่สัตว์อมตะระดับราชาขั้นต่ำ หากทว่าไป๋เจิ้นเยว่คือสัตว์อมตะระดับราชาขั้นสูง!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงระดับพลังฝีมืออะไร อาศัยแค่สายเลือดที่เหนือชั้นกว่า ก็ทำให้ผู้เฒ่าโม่รู้สึกกดดันจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาแล้ว

 

“ไม่เลว…”

 

เสียงรายงานของไป๋กัดังไม่ทันจบคำดี ไป๋เจิ้นเยว่ที่จับจ้องมองไปยังหวงเจียหลงกับต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ากล่าวคำออกมาอย่างพึงพอใจ

 

“ข้าได้ยินไป๋กังเล่าว่า…ตัวเจ้าแม้จะยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี ทั้งยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ ทว่ากลับได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดเซียนอมตะอันดับ 1 ในประเทศฝูชิว…”

 

ในที่สุดสายตาของไป๋เจิ้นเยว่ก็มาตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียน “น่าเสียดายที่เผ่าพยัคฆ์เหินเรา ถึงแม้จะมีมนุษย์อยู่ด้วยมากมาย หากแต่มนุษย์ถูกลิขิตให้ไม่อาจเข้าถึงศูนยย์กลางอำนาจของเผ่าเรา สามารถเป็นได้แค่สมาชิกฝ่ายนอกของเผ่าพยัคฆ์เหินเราเท่านั้น…”

 

“ด้วยศักยภาพพรสวรรค์ของเจ้า หากรับเจ้าไปเป็นแค่สมาชิกฝ่ายนอกของเผ่าพยัคฆ์เหินเรา ก็เหมือนทำลายพรสวรรค์ของเจ้าไปเสียเปล่าๆ…”

 

ไป๋เจิ้นเยว่กล่าว

 

“ผู้อาวุโสกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบคำอย่างสุภาพ

 

“เอาล่ะ ข้าไม่อาจรั้งอยู่ที่ประเทศตันจี้ได้นาน…เช่นนั้นข้าจะกล่าวสั้นๆ”

 

ไป๋เจิ้นเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม เห็นชัดว่ามันอารมณ์ดีไม่น้อย “ข้ามีวรยุทธ์อมตะธาตุดิน กับเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมพกติดตัวอยู่…พวกเจ้าทั้งคู่เลือกไปคนละอย่างเถอะ”

 

“เป็นธรรมดาว่าพวกเจ้าทั้งคู่มิอาจเลือกเหมือนกันได้…เพราะวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่ข้าพูดถึง ในมือข้ามียันต์อมตะเก็บความทรงจำเก็บไว้แค่อย่างละชิ้นเท่านั้น”

 

“และพวกเจ้าคงรู้แล้ว…ว่ายันต์อมตะเก็บความทรงจำที่ใช้บันทึกวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังที่มีระดับตั้งแต่ราชาขึ้นไปนั้น มันแตกต่างจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่ใช้บันทึกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับต่ำกว่าอยู่บ้าง”

 

“อย่างหลังสามารถแบ่งปันให้ผู้อื่นใช้ได้…ทว่าอย่างแรกนั้นสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว! และเมื่อผู้ใช้ๆมันแล้วมันก็จะสลายตัวไปทันที!!”

 

ไป๋เจิ้นเยว่กล่าว

 

สิ่งที่ไป๋เจิ้นเยว่พูดมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในประเทศฝูชิวแล้ว

 

ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่จะใช้บันทึกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชานั้น เนื่องจากความเข้าใจในกฏต่างๆมันค่อนข้างซับซ้อนและสร้างภาระให้กับยันต์อมตะเก็บความทรงจำมาก ทำให้ไม่เพียงแต่จะต้องใช้วัตถุดิบพิเศษในการสร้าง ยังสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 

“วรยุทธ์อมตะธาตุดิน!?”

 

ใจต้วนหลิงเทียนเต้นรัวขึ้นมาทันใด

 

และในขณะที่ใจต้วนหลิงเทียนกำลังสั่นไหว เสียงเล็กแหลมของเด็กผู้ชายวัยยราวๆ 3-4 ขวบก็ดังขึ้นในร่าง “เจ้าหนู! รีบเลือกวรยุทธ์อมตะธาตุดินนั่นมาเร็วเข้า!”

 

“ตราบใดที่เจ้าได้วรยุทธ์อมตะธาตุดินนั่นมานะ ข้าผู้นี้จะช่วยให้เจ้าเข้าใจและควบคุมใช้พลังแห่งกฏของธาตุดินได้ในเวลาอันสั้น! ถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งของเจ้าจะพุ่งปรี๊ดเลยล่ะ!!”

 

เสียงกล่าวประโยคท้ายของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ยังเผยให้เห็นความเย่อหยิ่งทั้งมั่นใจถึงที่สุด

 

“วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาหรือ!?”

 

สิ้นคำกล่าวของไป๋เจิ้นเยว่ ไม่ว่าจะเป็นไป๋กัง ผู้เฒ่าโม่ หรือแม้แต่หวงเฟยเหยี่ยนเองก็พากันตกใจไม่น้อย

 

พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าไป๋เจิ้นเยว่จะใจกว้างถึงขนาดนี้ กลับส่งมอบวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาออกมาโดยตรง!

 

พวกมันรู้ดี ว่าวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชามีค่ามากขนาดไหน!