บทที่ 683.3 บนเส้นเส้นหนึ่ง

กระบี่จงมา! Sword of Coming

อิ่นกวานหนุ่มอยู่ที่ราชวงศ์ต้าหลีที่ยึดครองพื้นที่ทั้งหนึ่งทวีป หากคิดจะถามกระบี่กับภูเขาตะวันเที่ยงจะเป็นดั่งการกระตุกผมเส้นเดียวสะเทือนทั้งร่าง หากฉีกหน้าแตกหักกับต้าหลีขึ้นมาจริงๆ ภูเขาลั่วพั่วก็จะต้องเจอกับศัตรูรอบด้าน ไม่มีพื้นที่ให้หลบเลี่ยง ศาลบรรพจารย์ของยอดเขาจี้เซ่อนั้นไม่อาจย้ายไปอยู่ที่ใดได้

แต่หากขยับขยายกระดานหมากให้ใหญ่ขึ้น แจกันสมบัติทวีปตั้งอยู่ระหว่างอุตรกุรุทวีปกับใบถงทวีป อุตรกุรุทวีปมีสำนักพีหมาแห่งชายหาดโครงกระดูก มีสำนักกระบี่ไท่ฮุย ทะเลสาบกระบี่ฝูผิง สวนน้ำค้างวสันต์ ฯลฯ ใบถงทวีปมีสำนักกุยหยกที่เจียงซ่างเจินเป็นผู้เฝ้าพิทักษ์ และยังมีภูเขาไท่ผิงที่ถูกชะตากัน

ในเมื่อสกุลซ่งต้าหลีถูกกล่อมเกลาไปด้วยความรู้เรื่องทฤษฎีชื่อเสียงและคุณความชอบมาร้อยกว่าปี แน่นอนว่าย่อมต้องคิดคำนวณบัญชีครั้งนี้ให้ดี รายละเอียดของสิ่งที่ได้และเสียไปเป็นอย่างไร สรุปแล้วการเป็นยันต์คุ้มกันกายให้ภูเขาตะวันเที่ยงจะคุ้มค่ากันหรือไม่

วิชาการถามกระบี่เช่นนั้นของหลิวเสี้ยนหยาง แน่นอนว่าสามารถเอามาใช้ได้

แต่ส่วนลึกในใจของเฉินผิงอันกลับหวังให้สักวันหนึ่งเดรัจฉานเฒ่าวานรย้ายภูเขาตัวนั้นจะถูกภูเขาตะวันเที่ยงล้อมสังหารกับมือตัวเอง

ถึงเวลานั้นเขาก็แค่ต้องไปนั่งอยู่ในศาลบรรพจารย์ของภูเขาตะวันเที่ยง ห้อมล้อมด้วยผู้ฝึกกระบี่กลุ่มหนึ่งที่ฝืนใจยกย่องเขาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ไม่ว่าเขาจะดื่มเหล้าดื่มชาก็ล้วนตามใจปรารถนา หลังจากนั้นก็ได้เห็นวานรย้ายภูเขาตัวนั้นตกอยู่ในสภาพที่ถูกญาติมิตรทอดทิ้งกับตาตัวเอง

ถามกระบี่อยู่ที่ใจ

แน่นอนว่าการที่หลิวเสี้ยนหยางเดินขึ้นเขาไปถามกระบี่แก่ภูเขาตะวันเที่ยงโดยตรง ปลิดหัวของวานรย้ายภูเขาโยนเข้าไปในศาลบรรพจารย์ก็เป็นเรื่องที่สาแก่ใจมากเหมือนกัน

ข้าไม่ขาดทุน เจ้าก็ได้ทำตามใจ

ไปถึงหน้าห้องบัญชี น่าหลันไฉ่ฮ่วนพลันเอ่ยว่า “แค่ดูจากการจัดการปูทางถอยให้กับอวิ๋นเชียน เส้าอวิ๋นเหยียน เจ้ากลัวหรือไม่กลัว?”

เส้าอวิ๋นเหยียนยิ้มกล่าว “กลัว? กลัวอะไร?”

น่าหลันไฉ่ฮ่วนส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”

……

บนหัวกำแพงเมือง ลู่จือหลุบตาลงต่ำจ้องมองสนามรบใต้ฝ่าเท้าที่เผ่าปีศาจกรูกันมาราวกับฝูงมด สตรีที่เป็นเซียนกระบี่ใหญ่ผู้นี้กำลังรักษาบาดแผล ใบหน้าครึ่งหนึ่งโชกเปรอะไปด้วยเลือด การศึกกำลังติดพัน นางจึงไม่มีเวลามาสนใจ

แล้วนับประสาอะไรกับที่ลู่จือเองก็ไม่เคยสนใจเรื่องรูปโฉมอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้ออกจากเมืองไปไกลเกินไป จึงโดนวิชาอภินิหารจากปีศาจใหญ่ฉงกวง แล้วยังเจอกับกระบี่บินของเซียนกระบี่โซ่วเฉินอีกหนึ่งที

ทว่าตอนนี้ ท่ามกลางรังมดที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้านี้ กลับมีกระแสคลื่นเส้นหนึ่งกำลังบุกรุดหน้ากรูไปยังทางทิศใต้

กระบี่บินอยู่ด้านหน้า ผู้ฝึกกระบี่หลายพันคนอยู่ด้านหลัง

บนเส้นเส้นหนึ่ง กระบี่บินกับเผ่าปีศาจชนปะทะกันก่อน

เผ่าปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกระเด็นออกไปในเสี้ยววินาที เลือดเนื้อสาดกระเซ็นแขนขาฉีกกระจาย

นี่ก็คือค่ายกลกระบี่ที่เซียนกระบี่ใหญ่สามท่านอย่างน่าหลันเซาเหว่ย เยว่ชิงและหมี่ฮู่เป็นผู้นำพาออกจากเมือง ผู้ที่ยินดีออกจากเมืองไปเข่นฆ่า ก็จงปล่อยฝีมือให้เต็มที่

ห่างออกไปไกลยิ่งกว่าคือเซียนกระบี่สามท่านที่เคยแกะสลักตัวอักษรไว้บนหัวกำแพงเมืองอย่างอาเหลียง เฉินซีและฉีถิงจี้ ต่างคนต่างยึดครองสนามรบแห่งหนึ่ง คุมเชิงกันอยู่เป็นรูปสามเหลี่ยม

หลังจากที่ฉีถิงจี้ออกแรงอย่างเต็มกำลัง ทุกครั้งปราณกระบี่จะซัดกระเพื่อมไปสี่ทิศ ในรัศมีร้อยลี้กว่ารอบกายเขาล้วนว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่นานก็มีเผ่าปีศาจที่มากมายจนเกินจะนับไหวกรูกันห้อมล้อมเข้ามาอีก

นอกจากปีศาจใหญ่หวงหลวนที่รับหน้าที่สร้างความวุ่นวายให้กับหัวกำแพงเมืองแล้ว หย่างจื่อ ป๋ายอิ๋ง แม่ทัพเทพเกราะทองจะต้องแบ่งกันเข่นฆ่ากับพวกอาเหลียงสามคนในทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง บางครั้งจะยังมีปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ท่านหนึ่งเข้าร่วมด้วย

ตรงจุดสูง ต่งซานเกิงกับปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่หลอมจิตแห่งดวงจันทร์ครึ่งดวงใช้ดวงจันทร์ใหญ่ดวงหนึ่งเป็นสนามรบ เปิดฉากเข่นฆ่ากันมานานมากแล้ว

แหงนหน้ามองไป บนดวงจันทร์กลมโตใหญ่ยักษ์มีเส้นสีดำที่เล็กบางเส้นหนึ่งซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ขนาดมองจากจุดที่ห่างไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นร่องรอยอย่างชัดเจน หากอยู่ในพระจันทร์ดวงใหญ่คงจำเป็นต้องขี่กระบี่เดินทางไกลถึงจะสามารถมองเห็นสองฝากฝั่งของร่องรอยกระบี่ได้อย่างเต็มที่

นั่นเกิดจากกระบี่หนึ่งของต่งซานเกิงก่อนหน้านี้

แม้ว่าเฒ่าหูหนวกจะเป็นเผ่าปีศาจ แต่ยามที่ฆ่าเผ่าปีศาจขึ้นมากลับตรงไปตรงมาฉับไวยิ่งกว่าเซียนกระบี่หลายคนเสียอีก เขาใช้เวทลับเฉพาะอย่างหนึ่งนำร่างจริงใหญ่โตมโหฬารมาทับซ้อนเข้ากับกายธรรมที่ใหญ่โตปานกัน แล้วคอยฉีกกระชากหัว แขนขาทั้งสี่ของพวกเผ่าปีศาจร่างใหญ่ยักษ์พวกนั้นโดยเฉพาะ ก่อนนำเศษชิ้นส่วนร่างกายพวกนั้นมาทำเป็นกระบี่บินที่ขว้างใส่สนามรบทิศใต้อย่างไร้ระเบียบ

อริยะสามลัทธิ ชุดคลุมอาคมบนร่างของนักพรตเฒ่าตัวนั้นวาดภาพขุนเขาใหญ่ที่แท้จริงเอาไว้ ซึ่งมีมากมายเกินกว่าห้าขุนเขา

นักพรตเฒ่าถือกระจกเซียนมากสมบัติแห่งชะตาชีวิตบานหนึ่ง เมื่ออยู่บนทะเลเมฆก็ขยายใหญ่ยักษ์ราวกับทะเลสาบ จุดใดที่แสงกระจกสาดส่องไปล้วนถูกเผาจนไหม้เกรียม

อริยะลัทธิขงจื๊อหยิบเอา ‘ภาพหวงหลิวจวี้จิน’ ออกมาจากชายแขนเสื้อ ประกบสองนิ้วแล้วปาดไปเบาๆ ม้วนภาพยาวก็คลี่ตัวออก หล่นร่วงลงมาจากหัวกำแพงเมือง ห้อยแขวนอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน น้ำของแม่น้ำหวงเหอไหลลงมาจากฟากฟ้า กระแทกให้เผ่าปีศาจที่เป็นดั่งมดรุมไต่กำแพงเมืองพวกนั้นร่วงกลับลงไปบนพื้นดิน ถูกกลบจมหายไปในกระแสน้ำที่ไหลบ่า เพียงชั่วพริบตาก็เหลือเพียงกองกระดูกขาวโพลน

อริยะลัทธิพุทธที่ร่างอาบเลือด เลือดสดของเขาที่เป็นสีทองมารวมตัวกันเป็นมังกรทองสิบตัว

ภิกษุท่านนี้ตัดนิ้วของตัวเองมาทำเป็นกระดูกสันหลังของมังกรทองแต่ละตัว จากนั้นจึงใช้เลือดสดตรงปลายนิ้วขาดมาแต้มนัยน์ตาให้กับมังกร

สุดท้ายภิกษุที่นิ้วทั้งสิบขาดสิ้นก็พนมมือเบาๆ ก้มหน้าลงท่องภาษาธรรมคำหนึ่ง

บนสนามรบ ลี่ไฉ่พกกระบี่บุกเข้าไปกลางกองทัพศัตรูเพียงลำพัง สี่ด้านแปดทิศล้วนมีแต่เผ่าปีศาจ ล้วนมีแต่เวทอาคม

ฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด จะทำอย่างไรดี!

ฆ่าอีก

หากวันนี้เหล่าเหนียงต้องมาตายอยู่ที่นี่ เจียงซ่างเจินเจ้าตะพาบใจจืดใจดำ ถึงเวลานั้นก็จำไว้ว่าต้องบีบน้ำตาออกมาให้เป็นพิธีสักหน่อย!

ผู้ฝึกกระบี่หลายพันคน หลังออกมาจากหัวกำแพงเมืองแล้วก็ใช้แนวเส้นรบเส้นหนึ่งบุกทะลวงขบวนรบออกไป เมื่อสนามรบถูกผลักไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เส้นที่เดิมทีเป็นเส้นตรงจึงเริ่มค่อยๆ กระจายตัว บิดเบือน

ผู้ฝึกกระบี่เด็กหนุ่มคนหนึ่งนามว่าเฉินหลี่ติดตามแนวเส้นปราณกระบี่เส้นนั้นไป เขาบุกทะลวงอยู่ในสนามรบได้อย่างคล่องแคล่วดุจกระสวยทอผ้า ไม่อาลัยอาวรณ์การสู้รบ ใช้หนึ่งกระบี่ทิ่มเผ่าปีศาจที่บาดเจ็บแต่ยังไม่ตายให้ตาย หากแทงไปแล้วไม่สำเร็จก็จะไม่มัวติดพันอยู่เด็ดขาด

เด็กหนุ่มเฉินหลี่มีกระบี่พกประจำกายชื่อฮุ่ยหมิง กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตคือ ‘นิทรา’ กระบี่พกเล่มนั้นคือของที่เซียนกระบี่ทิ้งไว้ หากวิชาอภินิหารผนวกรวมกับกระบี่บินนิทราก็จะสามารถสร้างเค้าโครงของฟ้าดินเล็กแห่งหนึ่งขึ้นมาได้ แม้ว่าจะเพิ่งเป็นขอบเขตชมมหาสมุทร ทว่ากลับสังหารศัตรูบนสนามรบได้อย่างแม่นยำ เชี่ยวชาญการวางแผน เกี่ยวกับการควบคุมสถานการณ์บนสนามรบก็ยิ่งฉกฉวยผลประโยชน์หลีกเลี่ยงหายนะได้คล่องแคล่ว แทบจะทำทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณ แล้วยังชอบเก็บตกของดีบนสนามรบอย่างบ้าคลั่ง หากยังไม่เจอสมบัติก็จะวิ่งวุ่นไปทั่ว แต่ขอแค่เจอเงินก็จะกลายเป็นคนประเภทที่ว่าเอาเงินไม่เอาชีวิต ดังนั้นจึงได้ฉายาว่าอิ่นกวานน้อย

และเด็กหนุ่มก็เคยทิ้งถ้อยคำห้าวหาญไว้บนแผ่นป้ายสงบสุขของร้านเหล้าแห่งนั้นว่า ‘เซียนกระบี่ร้อยปี แค่เอื้อมมือคว้าก็ได้มาครอง’

เฉินหลี่ใช้หนึ่งกระบี่ฟันเผ่าปีศาจร่างกำยำ ด้านหนึ่งถือกระบี่ชักเท้าออกวิ่ง ด้านหนึ่งยื่นมือไปเช็ดคราบเลือดบนใบหน้า เขากลิ้งตัวหลบพ้นกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่มาได้ ขณะเดียวกันก็ควบคุมกระบี่บินนิทราให้พุ่งตรงไป อีกฝ่ายก็หลบกระบี่บินของเขาได้เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายจากลากันเพียงเท่านี้ ล้วนไม่มีใครคิดจะตามไปไล่ฆ่าอีกฝ่าย

ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองอายุมากคนหนึ่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมหนาหนัก เกือบจะถูกเผ่าปีศาจใช้ขวานฟันแขนข้างที่ถือกระบี่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกมือกระบี่ชุดเขียวสีหน้าเฉยเมยคนหนึ่งออกกระบี่ขัดขวาง แล้วถือโอกาสตัดหัวผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจคนนั้นไปด้วย ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองเอ่ยขอบคุณได้คำเดียวก็ถูกอีกขวานพุ่งตรงมา ไม่ถึงกับตาย แต่กลับเสียแขนข้างหนึ่งไปบนสนามรบ คงได้แต่ถอยออกจากสนามรบชั่วคราวแล้ว คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกกระบี่คนนั้นจะฉีกหน้ากากออก ยิ้มบางๆ ส่งมาให้ ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองอึ้งตะลึงไปเล็กน้อยแล้วหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง เถ้าแก่รองชาติสุนัข แต่แล้วหัวใจเขาก็เจ็บปวดราวถูกคว้าน ถูก ‘อิ่นกวานหนุ่ม’ คนนั้นใช้กระบี่แทงเข้าที่หัวใจ แล้วใช้ปราณกระบี่ระเบิดโอสถทองของผู้เฒ่าให้แหลกสลาย คนผู้นั้นสวมหน้ากากกลับดังเดิม ร่างพุ่งวูบหายไปยังสนามรบจุดที่ห่างไปไกล

เว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะที่พักฟื้นรักษาตัวพลางจับจ้องสนามรบรีบลุกขึ้นยืน ขี่กระบี่ออกไปทันที

คนผู้นี้ต้องฆ่าทิ้ง

ไม่อย่างนั้นภัยร้ายที่ตามมาจะมีมากจนนับไม่ถ้วน

ใช้วิธีการเดียวกันกับเฉินผิงอัน โซ่วเฉิน อีกทั้งยังมีฝีมือยอดเยี่ยมอย่างถึงที่สุด สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้ อีกทั้งพลังสังหารยังมีมากพอ ครบถ้วนทั้งสองอย่าง เรียกได้ว่ามีทั้งอุบายและฝีมือ นี่ต่างหากจึงจะมีความหมาย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถึงขั้นออกกระบี่อย่างรวดเร็วฉับไว ตรงไปตรงมาเช่นนี้

ใจกลางสนามรบมีบุรุษร่างกายกำยำสวมเสื้อเกราะขี่ม้าตัวหนึ่งควบทะยาน ในมือถือทวนยาว ปลายทวนแทงทะลุศพของผู้ฝึกกระบี่สามคน

ปีศาจใหญ่ตนนี้ใช้มือข้างเดียวรั้งบังเหียนเชือก ม้าศึกหมุนตัวกลับอยู่ที่เดิม นักรบเสื้อเกราะร่างกำยำที่ใช้หน้ากากบดบังใบหน้าคล้ายจะกำลังอดทนรอคอยเซียนกระบี่อยู่

ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มคนหนึ่งถูกเผ่าปีศาจสำนักการทหารที่มีหัวเป็นคนร่างเป็นวานรใช้สองหมัดทุบทะลวงหน้าอก หลังจากร่างของเขาร่วงผล็อยลงบนพื้นก็ยังถูกมันเหยียบหัวจนเละ เผ่าปีศาจเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นก็ถูกแสงกระบี่เส้นหนึ่งที่พุ่งมาแต่ไกลคว้านหัวทั้งหัวจนแหลกเละ

ผู้ฝึกกระบี่เด็กสาวคนหนึ่งที่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตถูกทำลายไปแล้วโซซัดโซเซถอยออกมา แต่กลับถูกเผ่าปีศาจที่บุกเข้ามาทางด้านข้างคว้าจับแขนข้างหนึ่งแล้วใช้หมัดต่อยเข้าที่ลำคอของนาง แขนทั้งแขนถูกกระชากออกจากร่าง เผ่าปีศาจจับยัดใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ปีศาจตนนี้หันไปผงกปลายคางให้ผู้ฝึกกระบี่สองคนที่เป็นสหายของเด็กสาว บอกเป็นนัยแก่ผู้ฝึกกระบี่ทั้งสองคนว่าเชิญมาช่วยคนได้ตามสบาย เด็กสาวที่นอนจมกองเลือดใบหน้าเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดแดงฉาน เส้นสายตาพร่ามัว พยายามอย่างยิ่งที่จะมองพวกเด็กหนุ่มที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กซึ่งอยู่ห่างไปไกลให้ชัดเจน ก่อนที่นางจะคว้าเศษอาวุธแตกหักใกล้ๆ แทงเข้าที่หัวใจตัวเอง

เผ่าปีศาจตนนั้นขมวดคิ้ว โยนแขนที่เพิ่งเคี้ยวลงท้องไปได้แค่ครึ่งหนึ่งทิ้งไป เตรียมจะลงมือกับผู้ฝึกกระบี่เด็กหนุ่มสองคน แต่อยู่ดีๆ กลับถูกหมัดหนึ่งต่อยให้ร่างแหลกสลายคาที่

กระทั่งตายไปแล้วก็ยังมองไม่เห็นโฉมหน้าของผู้ฝึกยุทธหญิงคนนั้น รู้แค่ว่าเป็นหญิงชราผอมบางหน้าตาไม่สะดุดตาคนหนึ่ง

ตรงหน้าประตูกระโจมเจี่ยจื่อ ผู้เฒ่าชุดเทาสีหน้าเฉยชามองไปทางสนามรบ

หลิวชาชายฉกรรจ์เคราดกยืนอยู่ข้างกายผู้เฒ่า ถามว่า “จะปล่อยให้กำแพงเมืองปราณกระบี่ถ่วงเวลาต่อไปอย่างนี้น่ะหรือ? ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เลือกที่จะถอยกลับไปยังใต้หล้าไพศาล ก็เห็นได้ชัดว่าเฉินชิงตูคิดจะสละกำแพงเมืองปราณกระบี่ทิ้ง แล้วก็ต้องทิ้งเมล็ดพันธ์แห่งวิถีกระบี่เอาไว้กลุ่มใหญ่ด้วย”

ผู้เฒ่าชุดเทายิ้มเอ่ย “ถอยกลับไปที่ใต้หล้าไพศาล? ข้ากลับยินดีที่จะได้เห็นเช่นนั้น ขอแค่ทิ้งทั้งกำแพงเมืองปราณกระบี่ไว้ให้ข้า ผู้ฝึกกระบี่พวกนี้จะไปไหนก็ไปเถอะ แค่พวกเขาถอยออกไปจากที่นี่ ไปยังภูเขาห้อยหัว ด้วยสันดานของผู้ฝึกลมปราณของใต้หล้าไพศาลพวกนั้น ในสถานที่สามแห่งอย่างทักษินา ฝูเหยา ใบถงทวีป ไม่แน่ว่าไม่จำเป็นต้องให้พวกเราลงมือด้วยซ้ำ พวกเขาสองฝ่ายก็ตีกันก่อนแล้ว น่าเสียดายที่เฉินชิงตูไม่โง่ ไม่อย่างนั้นวันนี้ผู้ฝึกกระบี่กำแพงเมืองปราณกระบี่ถอยไป พรุ่งนี้ทักษินาตยทวีปก็ถอย วันมะรืนใบถงทวีป ฝูเหยาทวีปถอยตามไปด้วย ผู้ฝึกตนแปดทวีปพากันถอยไปที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางให้หมดเลยยิ่งดี ข้าจะไม่ขวางเลยล่ะ”

หลิวชาเอ่ย “จากข่าวที่นักรบเดนตายส่งผ่านหัวกำแพงเมืองมา กำแพงเมืองปราณกระบี่เรียกตัวอาจารย์กลไกสำนักโม่และผู้ฝึกตนสำนักหยินหยางมาแล้ว คิดจะพาคนทั้งนครบินทะยาน”

ผู้เฒ่าชุดเทาพยักหน้ารับ “หากเป็นเช่นนี้ก็คงยุ่งยากนิดหน่อยแล้ว ลำพังเพียงแค่รากฐานค่ายกลของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ต่อให้มีหอมายาแห่งนั้นเป็นปลายกระบี่ที่เปิดม่านฟ้า บวกกับจวนของเซียนกระบี่ทั้งหลายที่ช่วยเปิดทางให้ ก็ยังไม่มีทางลากนครทั้งแห่งไปได้”

ผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “เฉินชิงตูทำเช่นนี้จะเรียกว่าหมาจนตรอกได้หรือเปล่า?”

หลิวชาไม่เอ่ยอะไร

ภูเขาห้อยหัว เถ้าแก่หนุ่มของโรงเตี๊ยมกว้านเชวี่ยนั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาปีแล้วปีเล่า ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ถึงอย่างไรก็ดีกว่าต้องโดดลมพัดฝนสาดใส่

ทางฝั่งของประตูบานเก่า นักพรตน้อยยังคงพลิกเปิดตำรา ชายฉกรรจ์กอดกระบี่นั่งยองอยู่ด้านข้าง บ่นว่าอีกฝ่ายเปิดหน้าหนังสือเร็วเกินไป

ยามที่เทียนจวินใหญ่ออกจากด่านก็ได้รับคำสั่งหนึ่งมาจากอาจารย์

หอจิ้งเจี้ยนถูกปิดลงไปนานแล้ว ร้านค้าที่ยังเปิดแถวหน้าผาหมีลู่ก็กิจการซบเซา หอหลิงจือแทบไม่มีคนไปเยือน ศาลาจัวฟ่างก็ไม่มีกระแสผู้คนที่เดินเบียดเสียดยัดเยียดกันอีก

ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ของสำนักอวี่หลงยังคงรู้สึกว่าฟ้าไม่มีทางถล่มลงมา

พวกเด็กๆ ของเกาะหลูฮวายังคงวิ่งพันอยู่รอบตัวผู้เฒ่าถามถึงเรื่องเล่าประหลาดจากบนบก

ใต้หล้าแห่งที่ห้า ซิ่วไฉเฒ่าคนหนึ่งกำลังเร่งให้บัณฑิตซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจที่สุดในโลกคนนั้นออกกระบี่ให้คล่องแคล่วฉับไวหน่อย เผด็จการหน่อย มีมาดของเซียนกระบี่สักหน่อย

จุดที่สูงที่สุดของป๋ายอวี้จิงแห่งใต้หล้ามืดสลัว นักพรตหนุ่มคนหนึ่งกลับมาจากเดินทางไกล กำลังสาวเท้าเดินเนิบช้าอยู่บนราวรั้ว ในอ้อมอกกอดม้วนภาพไว้กองใหญ่ ล้วนเป็นม้วนภาพเทพเซียนที่ไปกวาดมาจากที่ต่างๆ หากเปิดออกมาก็จะมีภาพฝันหวานในฤดูใบไม้ผลิ เหมือนอยู่ในความฝัน รายรอบไปด้วยหมู่มวลบุปผางาม มีสตรีถือพัดปิดบังครึ่งใบหน้า มีภาพดับร้อน แมวสีเหลืองตัวน้อยนอนขดตัวรับลมอยู่บนก้อนหิน มีภาพตกปลากลางธารน้ำแข็งที่เหลือพื้นที่ให้คนขบคิดมากมาย บนภาพมีเรือน้อยลำหนึ่ง สามารถไปตกปลาร่วมกับชาวประมงสวมงอบได้ และยังมีปัญญาชนชุดเขียวบนภาพวาดที่กำลังมองดูคนตัดไม้บนภูเขาไท่ผิง

แจกันสมบัติทวีป ศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อแห่งภูเขาลั่วพั่วมีริ้วคลื่นกระเพื่อมไหวเล็กน้อย ก่อนที่สตรีชุดขาวเรือนกายสูงใหญ่คนหนึ่งจะปรากฎตัวออกมา

เว่ยป้อซานจวินใหญ่ที่อยู่บนยอดเขาพีอวิ๋นลืมตาขึ้นแล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง แสร้งทำเป็นไม่รับรู้

หยางเหล่าโถวที่อยู่เรือนหลังของร้านยาเมืองเล็กกำลังพ่นควันขโมง

ในคุกของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เก็บวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตนกในกรงลงไปแล้ว เฉินผิงอันก็หิ้วเอาหัวผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจคนหนึ่งที่โชกไปด้วยเลือดออกมา ตรงหน้าอกของเขาถูกกระบี่แทงทะลุจนเกิดเป็นน้ำวนสีทองลูกหนึ่ง แต่กลับไม่มีร่องรอยบาดแผลคราบเลือดแม้แต่น้อย

เหนี่ยนซินเริ่มเตรียมการเย็บผ้าอีกครั้ง บอกเขาว่าครั้งนี้ต้องระวังให้ดี การเย็บเสริมชื่อจริงคราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ น้ำหนักมากมหาศาล

ซวงเจี้ยงนั่งยองอยู่ด้านข้างสอบถามคนหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิเปิดเปลือยแผ่นหลังว่า ในเมื่อบรรพบุรุษอิ่นกวานท่านเป็นบัณฑิต แล้วท่านมีชื่อแห่งชะตาชีวิตหรือไม่

——