ตอนที่ 1472 : ฆ่าขั้นรับมอบ (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1472 : ฆ่าขั้นรับมอบ (2)

ตอนที่พลังวิญญาณนักรบของเจี้ยนเฉินปรากฏขึ้นมา การถล่มในอุโมงค์ก็ลดความเร็วลง แม้แต่ลำแสงพลังงานที่สงบลงก็ยังรุนแรงลงน้อยกว่าเดิมอย่างมาก

ขั้นรับมอบทั้งหากจากโลกภายนอกต่างก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงเมื่อเจอกับพลังวิญญาณนักรบ สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปและไม่นานสิ่งที่พวกเขาแสดงให้เจี้ยนเฉินได้เห็นคือความเหลือเชื่อและตกตะลึง

“การโจมตีวิญญาณ ! เขาสามารถใช้การโจมตีวิญญาณได้ ! ” อันนาร้องออกมา แม้แต่ผู้นำในโลกพวกเขาอย่างจิตวิญญาณราชันย์ก็ไม่สามารถใช้การโจมตีวิญญาณได้ แม้แต่ทั้งในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง มันก็ยากจะมีใครใช้การโจมตีวิญญาณได้แต่หากไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ การโจมตีวิญญาณของคนจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งก็ไม่ใกล้เคียงกับพลังที่เจี้ยนเฉินได้ใช้ออกมาซึ่งส่งผลต่อผู้ที่อยู่ขอบเขตดั้งเดิม

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะมีวิญญาณที่เทียบเท่ากับผู้ย้อนกลับแต่เขาก็เพิ่งได้รับพลังวิญญาณนักรบมาและยังหาวิธีการใช้งานที่เหมาะของมันไม่ได้ ดังนั้นพลังของมันจึงลดลง มันไม่ได้ทรงพลังเท่ากับข่าวลือ มันทำได้แค่จัดการกับเซียนจักรพรรดิ มันไม่อาจทำอันตรายคนที่อยู่ขอบเขตดั้งเดิมได้ ผลก็คือทั้งหกคนนั้นต่างก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้ว่ารับมือกับการโจมตีวิญญาณของเจี้ยนเฉินก็ตาม

แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นแต่มันก็เพียงพอให้พวกเขาหยุดไปชั่วขณะซึ่งเสียโอกาสที่จะช่วยชีวิตกู่มู่เอาไว้

อึก !

กระบี่จือหยิงแทงเข้าที่หน้าผากของกู่มู่ รวดเร็วดั่งกับสายฟ้าจนทะลุหัวไป แต่กู่มู่นั้นเป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์ เขาผ่านการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์มากมาย เขาได้ทิ้งร่างของตัวเองและหนีไปด้วยวิญาณตอนที่กระบี่ได้สัมผัสกับผิวของเขา เขาบินไปหาอันนาและคนอื่น ๆ

เจี้ยนเฉินฮึดฮัดออกมา ความอาฆาตเอ่อล้นจากตาของเขา เขาแทงออกไปอีกครั้งเพื่อไล่ตามวิญญาณของกู่มู่

ตอนนั้นขั้นรับมอบทั้งห้ากลับมาได้สติ สี่คนได้แผ่พลังออกมาเพื่อรับมือกับเจี้ยนเฉิน หยุดการโจมตีที่ไล่ตามวิญญาณของกู่มู่ ส่วนอันนานั้นได้บินไปหาวิญญาณของกู่มู่เพื่อพยายามปกป้องมัน

พลังงานอันบ้าคลั่งมีอยู่ทั่วทุกที่ในอุโมงค์ การสูญเสียร่างกายไปทำให้กู่มู่อ่อนแออย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นรับมอบ แต่เขาก็ไม่อาจจะรอดไปในอุโมงค์ได้ในสภาพวิญญาณ

“พวกเจ้าช่วยเขาไม่ได้หรอก ! ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา กระบี่จือหยิงเปล่งแสงออกมามากกว่าเดิมและแปลงเป็นกระบี่ทั้งห้าจัดการกับทั้งห้าคน เขาเริ่มการต่อสู้อันดุเดือดกับทั้งห้าคนในทันที

เจี้ยนเฉินมีตัวคนเดียวแต่เขาเข้าใจเส้นทางแห่งกระบี่ พลังต่อสู้ของเขาโดดเด่นจนไม่ได้อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบเมื่อเผชิญหน้ากับขั้นรับมอบทั้งห้าคน อันนารู้สึกหมดหนทางเมื่อเห็นการโจมตีของเจี้ยนเฉินและไม่อาจจะปกป้องวิญญาณของกู่มู่ได้อีกต่อไป

“กู่มู่ เร็วเข้า รีบกลับมา” อันนาเรียกหากู่มู่ พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าการโจมตีทวีปเทียนหยุนนั้นไม่อาจจะเป็นไปได้อีกเมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้ พวกเขาประเมิณความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินต่ำเกินไป แม้ว่าจิตวิญญาณราชันย์จะมอบสมบัติลับกับพวกเขามาเพื่อกักขังขั้นย้อนกลับ แต่เจี้ยนเฉินเพียงคนเดียวก็เพียงพอจะหยุดพวกเขาได้

นี่ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ในขอบเขตดั้งเดิมอีก 3 คนด้านนอกอุโมงค์ที่ยังไม่เข้ามามีส่วนในการต่อสู้

กู่มู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาทำการหลบเลี่ยงพลังงานในอุโมงค์และบินกลับไปทางเดิม เขารู้ว่าเขาจะตายตอนไหนก็ได้และจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อกลับไปที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

แต่แสงสีครามได้ปรากฏขึ้นและตัดผ่านรอยแตกในอุโมงค์ มันพุ่งมาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าพุ่งเข้าใส่วิญญาณของกู่มู่

ขั้นรับมอบทั้งห้าที่สู้กับเจี้ยนเฉินอยู่ได้เผยสีหน้าที่ต่างไปจากเดิม หนึ่งในนั้นร้องออกมา “มันคือกระบี่อีกเล่มของเขา บัดซบ เราลืมเรื่องกระบี่ฟ้าของเขาไป ไปช่วยกู่มู่ ! ”

แต่มันสายเกินไปแล้ว กระบี่ฉิงโซวเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วมาถึงตรงหน้าวิญญาณของกู่มู่ในทันที กู่มู่หมดหนทางรับมือกับกระบี่ฉิงโซวเมื่อไม่มีร่างกาย กระบี่ฉิงโซวได้พุ่งผ่านวิญญาณของเขาไปภายใต้แววตาที่แสดงความหวาดกลัวของเขา

” อ๊าก ! ”

กู่มู่กรีดร้องออกมา สุดท้ายวิญญาณของเขาก็หายไปจากอุโมงค์

สีหน้าของขั้นรับมอบทั้งห้าบิดเบี้ยวไปเมื่อกู่มู่นั้นตาย พวกเขาต่างก็รู้สึกหนักใจ กู่มู่คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหกคนที่มาและแม้แต่ในทั้งโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งในขั้นนี้ด้วย มันอาจจะไม่มีขั้นรับมอบคนอื่นที่จะเอาชนะเขาได้ แต่วันนี้เขากลับโดนฆ่าอย่างง่ายดายซึ่งทำให้ทั้งห้าคนต้องกลัว

ช่วงเวลาตั้งแต่การปะทะครั้งแรกกับเจี้ยนเฉินจนถึงตอนตายนี้สั้นอย่างมาก

” ถอย ! ” หนึ่งในนั้นตะโกนออกมาด้วยเสียงที่หนักอึ้ง เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีทำการโจมตีครั้งสุดท้ายใส่เจี้ยนเฉินก่อนจะถอยกลับมา

ทั้งสี่คนเองก็ไม่ลังเล พวกเขาไม่สนใจที่จะสู้ต่อและรีบถอยกลับไป ห้าคนได้รักษาขบวนที่สามารถใช้ทั้งป้องกันและโจมตี พวกเขาระวังในเรื่องป้องกันตัวกับการไล่ตามของเจี้ยนเฉิน พวกเขาหนีไปยังทางที่พวกเขาจากมาให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาทำได้

เจี้ยนเฉินยังอยู่ที่เดิมมองดูทั้งห้าหนีไป เขาไม่ได้ไล่ตามเพราะอุโมงค์นี้ได้รับความเสียหายหนัก แม้แต่ผู้ที่อยู่ขอบเขตดั้งเดิมก็ไม่อาจจะอยู่ในอุโมงค์ได้นานไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะถูกดูดออกไปนอกอุโมงค์หลังจากที่ประมาทและหลงทางในมิติไม่รู้จบ

แกร๊ก ! แกร๊ก ! แกร๊ก !

ตอนนั้นเองเสียงทุ้มลึกก็ดังขึ้นใกล้ ๆ กับเจี้ยนเฉิน รอยแตกหลายสิบเมตรก่อตัวขึ้นมา มิติเริ่มถล่มลงมา พลังงานเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น

เจี้ยนเฉินไม่ลังเลและหันกลับมาบินไปยังทวีปเทียนหยุนพร้อมกระบี่จือหยิงในมือ ระหว่างที่กลับมาอุโมงค์สั่นไหวรุนแรงมากกว่าเดิม รอยแตกยาวกว่า 300 เมตรได้ขยายตัวเป็น 900 เมตร แม้ด้วยพลังของเจี้ยนเฉิน แต่เขาก็ต้องระวังตัวตอนที่ข้ามเขตนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการหลุดออกนอกมิติ

เจี้ยนเฉินได้กลับไปยังทวีปเทียนหยุนได้อย่างปลอดภัย ทันทีที่เขาโผล่มาจากอุโมงค์ เทพเจ้าแห่งท้องทะเล, เถี่ยต้า, หยางหลี่, เฟิงเซียวเทียน และกุยไฮ่ยี่เต่า ต่างก็รีบเข้ามาหาเขา

“ครั้งนี้มีขั้นรับมอบทั้งหมด 6 คน ข้าได้ฆ่าไปคนหนึ่งและอีกห้าคนได้ล่าถอยกลับไป” เจี้ยนเฉินพูดด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

แต่ข้อความที่ธรรมดาของเขานี้สร้างความตกใจให้กับคนอื่น ๆ อย่างมาก

เขาได้เผชิญหน้ากับขั้นรับมอบ 6 คนด้วยตัวคนเดียวในอุโมงค์และไม่ใช่แค่ไม่บาดเจ็บแต่ยังฆ่าหนึ่งในนั้นได้ พวกเขาต่างก็ตะลึงกับพลังที่เขามี